อันดับแรกเป็นบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD เศรษฐีพันล้าน นายจอร์จ โซรอส มั่นใจว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจะนำไปสู่วิกฤติทางการเงิน ในขณะเดียวกัน มีนักวิเคราะห์จำนวน 10 คนจากทั้งหมด 60 คน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่าการปรับตัวสูงขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะยุติลงภายในหนึ่งเดือน ส่วนนักวิเคราะห์อีก 35 คน มั่นใจว่าค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิเป็นอย่างน้อย และในส่วนนักวิเคราะห์อีก 15 คนที่เหลือเชื่อว่าค่าเงินยูโรน่าจะตกลงมาที่ระดับ 1.1000 และจากนั้น ในปี 2562 ถึงจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้สำเร็จ
ข่าวที่น่าสนใจ ผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น 2% ซึ่งได้ประกาศออกมาในสัปดาห์ที่แล้วนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด ทั้งนี้ ข้อมูลที่ระบุว่าในปีนี้น่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกสองและสามครั้งก็ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใดเช่นกัน ค่าเงินยูโรฟื้นตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆ จนมาอยู่ที่ระดับ 1.1850
แต่ผลการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรปในการขยายการบังคับใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อดอลลาร์มากกว่า 300 จุด ผู้เชี่ยวชาญของเราได้กำหนดระดับ 1.1570 เป็นโซนแนวรับหลักซึ่งเป็นจุดที่ EUR/USD ได้ขยับตัวไปถึงจริง เนื่องด้วยแรงภาวะหมีที่มีกำลังแรงอย่างผิดปกติ ราคาได้ขยับต่ำลงมาอีก 30 จุด อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ราคาก็ได้กลับตัวและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.1610 - 65% ของนักวิเคราะห์ทั้งหมดคาดหวังว่าราคา GBP/USD จะมีการปรับตัวต่อไปที่ระดับ 1.3615 หลังจากนั้นราคาได้ขยับต่อไปในทิศใต้ อย่างไรก็ตาม ราคาไม่สามารถขยับขึ้นเหนือระดับ 1.3445 ได้สำเร็จจึงปรับตัวลดลงมาอีกครั้งโดยพยายามที่จะตัดทะลุแนวรับที่โซน 1.3200 เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน ราคาได้กลับไปอยู่ที่โซน 1.3280
- USD/JPY 50% ของนักวิเคราะห์เห็นด้วยกับแนวโน้มขาขึ้นของราคาคู่นี้โดยอ้างถึงระดับ 110.25 และ 111.40 เป็นระดับแนวต้าน โดยราคาได้ปิดตลาดห้าวันที่การที่ตรงกลาง 110.60
- คริปโตเคอเรนซี ในหลายวันที่ผ่านมา หลังจากที่ติดตามค่าเงินบิทคอยน์ผู้นำแล้ว ค่าเงินคริปโตเกือบทั้งหมดได้ถอยลงมาตัดระดับแนวรับและเคลื่อนที่ไปในทิศใต้ซึ่งกำลังทดสอบระดับแนวรับใหม่ ราคา BTC จึงได้วิ่งทะลุระดับแนวรับที่ $7,125 และ $7,000 และถึงจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่ $6,110 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน จากนั้นราคาฟื้นตัวขึ้นมาอีก 7% และขยับขึ้นไปที่ $6,575
กษณะการเคลื่อนที่คล้ายกันนี้ปรากฏกับสกุลเงินคริปโตสิบอันดับแรกในมูลค่าตามตลาดเช่นกัน
ตั้งแต่ต้นปีนี้ ปริมาณเงินในตลาดคริปโตลดไปกว่า 44.3% (จาก $611 พันล้านเป็น $340 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพียงคืนเดียวจากวันที่ 10 ถึง 11 มิถุนายน ขนาดของตลาดได้ลดลงไปอีก $25 พันล้านดอลลาร์ นักเทรดและนักวิเคราะห์หลายท่านได้พยายามอธิบายการถดถอยลงในครั้งนี้ว่ามีสาเหตุมาจากการที่ตลาดแลกเปลี่ยน Coinrail ของเกาหลีใต้ถูกแฮ็ค แต่ในความเป็นจริงเกิดความสูญเสียแค่ $40 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ดังนั้น การถูกขโมยดังกล่าวจึงอาจเป็นเพียงข้ออ้างหนึ่งของการลดลงในราคาเหรียญคริปโตต่างๆ
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- นอกเหนือไปจากการขยายเวลานโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณที่กล้าวไว้ข้างต้น ธนาคารกลางยุโรปได้ตัดสินใจกำหนดมาตรฐานอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ค่าต่ำสุด 0% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.4% ทำให้เกิดแรงกดดันเป็นอย่างมากต่อค่าเงินยูโร มีรายงานด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้จะไม่มีการปรับขึ้น “จนกว่าฤดูร้อนปี 2562” ในขณะเดียวกัน นายมาริโอ ดรากิห์ ยอมรับว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนในปี 2561 นี้จะไม่เป็นไปตามอัตราการเติบโตที่เคยคาดการณ์ไว้
ทั้งหมดนี้ประกอบกับความสำเร็จของนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลเป็นปัจจัยให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญจำนวน 65% คาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ราคา EUR/USD จะทดสอบระดับ 1.1500 และหากขยับถึงระดับดังกล่าวได้สำเร็จ ราคาอาจปรับตัวลดลงไปอีก 100 จุด โดยมีสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์จำนวน 90% ในกรอบ H4 และ D1 ที่เห็นคล้อยกับภาพการณ์ดังกล่าว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญอีก 35% มองว่าราคาคู่นี้ยังมีโอกาสที่จะขยับกลับไปที่โซน 1.1825 แต่สถานการณ์นี้จะเป็นไปได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับคำแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดรากิห์ และประธานธนาคารเฟ็ดของสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ที่จะประกาศออกมาในต้นสัปดาห์นี้ - สำหรับกราฟ GBP / USD ชัดเจนว่าราคาขยับในช่องด้านข้างที่ 1.3200 – 1.3470 มาตลอดจนเข้าสู่สัปดาห์ที่สี่ ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จำนวน 60% เชื่อว่า ค่าเงินปอนด์อังกฤษจะถดถอยลงมาตามค่าเงินยูโรเช่นเดียวกัน ในความเห็นของนักวิเคราะห์กลุ่มนี้มองว่าราคา GBP/USD อาจขยับทะลุกรอบด้านล่างและปรับตัวไปที่ระดับ 1.3050 – 1.3200 สถานการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และดัชนีส่วนใหญ่
อีกมุมมองหนึ่งเป็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 40% ที่เห็นว่าราคาจะขยับไปช่องด้านข้างที่ 1.3200 – 1.3345 ค่าแนวต้านถัดไปในโซนอยู่ที่ 1.3400
ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายนนี้ ธนาคารกลางอังกฤษจะจัดการประชุมรอบถัดไป อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ปรากฏเรื่องน่าประหลาดใจใดๆ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องคาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกระทันของราคาในขณะนี้
- หนึ่งวันก่อนการประชุมของฝั่งอังกฤษ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นจะจัดการประชุม สำหรับผู้เชี่ยวชาญ มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนสองในสามที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่ USD JPY ไปที่ช่วง 111.00 – 111.50 ระดับแนวต้านถัดไปที่ 112.00
ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งในสาม การวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และ D1 รวมถึงออสซิลเลเตอร์จำนวน 20% เห็นด้วยกับแนวโน้มตลาดหมี โดยให้สัญญาณว่าราคาคู่นี้อยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป ในกรณีที่สถานการณ์ปรากฏออกมาถูกต้อง ราคาน่าจะขยับลดลงมาอันดับแรกที่แนวรับ 109.40 และจากนั้นอาจจะลดลงต่อไปที่ระดับ 109.00 และ 108.50 - คำทำนายส่วนใหญ่สำหรับคริปโตเคเรนซีพื้นฐานสามารถสรุปได้เป็นสองประโยค ดังนี้ 1) ในอนาคตอันใกล้ราคาจะยังคงถอยลงมาอย่างต่อเนื่อง และ 2) ราคาน่าจะขยับสูงขึ้นในระยะยาว ตัวอย่าง เช่น ตามบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์จาก Fundstrat Global Advisors ทำนายว่าราคาบิทคอยน์อาจจะปรับตัวลดลงไปที่ระดับ $3,250 แต่ก็ยังมองว่า “จะไม่มีผลต่อแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวของสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีแรกอันนี้”
เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดสำหรับ BTCUSD ตามความเห็นของผู้ก่อตั้ง Onchain Capital Ran Neuner คืออยู่ที่ระดับ $5,900 ส่วนทัศนคติในแง่ดีของคำทำนายระบุว่า “หากราคาบิทคอยน์ขยับถึงสี่หมื่นหรือแปดหมื่นดอลลาร์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ก็จะไม่มีใครกังวลกับการซื้อที่ราคา $6,000 หรือ $6,500 โดยมีเฉพาะนักเทรดที่ทำงานอยู่ในช่วงเวลาน้อยกว่าหนึ่งที่อาจมีความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของราคาในตลาด ณ ปัจจุบัน “สิ่งเดียวที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ระบุคือว่าราคาจะเริ่มพุ่งตัวไปที่ 80,000 เมื่อใดกันแน่”
โรมัน บุทโก, NordFX
กลับ กลับ