บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 9 - 13กรกฎาคม 2561

อันดับแรกเป็นบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • EUR/USD คำทำนายของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (55%) ได้กล่าวถึงระดับ 1.1725 ที่ได้คาดการณ์ว่าคู่สกุลจะขยับถึงในสัปดาห์นี้ และก็เป็นไปตามจริง ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกจากฝั่งเยอรมนีรวมถึงสถิติที่ค่อนข้างเป็นไปในทางลบจากตลาดแรงงานของฝั่งสหรัฐฯ (ดัชนี NFP ลดลง 12.7%) รวมถึง สงครามการค้าที่กำลังคุกกรุ่นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้ส่งผลดีต่อค่าเงินยูโร ด้วยเหตุนี้ ราคาคู่ดังกล่าวจึงค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 1.1765 ก่อนที่ราคาจะปรับตัวเล็กน้อยและปิดตลาดที่ระดับ 1.1745 
  • GBP/USD จากการสรุปความเห็นที่ค่อนข้างขัดแย้งกันระหว่างนักวิเคราะห์และดัชนีต่างๆ เราได้คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะยังคงขยับในทิศทางด้านข้างต่อไปตามแนว 1.3200 โดยจะผันผวนอยู่ในช่วง 1.3050 – 1.3325 และจากการพิจารณากราฟ คำทำนายนี้ปรากฏออกมาถูกต้อง โดยเริ่มตั้งระดับราคาที่ 1.3200 ตั้งแต่คืนวันจันทร์ ในตอนต้นคู่สกุลนี้ได้ขยับลงมาที่ระดับ 1.3093 ก่อนที่จะกลับตัวและขยับสูงขึ้นมาที่ 1.3285
    ค่าเงินปอนด์ได้รับแรงหนุนจากคำแถลงการณ์ที่สนับสนุนนโยบายควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากฝั่งธนาคารอังกฤษ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้ง อัตราการเติบโตของภาคการบริการในอังกฤษก็มีส่วนส่งเสริมทัศนคติที่ดีในตลาดอีกด้วย
  • USD/JPY ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาคู่นี้ ส่วนหนึ่งคือนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนอย่างยิ่งของธนาคารกลางญี่ปุ่น และอีกด้านหนึ่งก็เป็นสงครามการค้าในภูมิภาค ผลก็คือมีนักลงทุนเพิ่มมากขึ้นที่เลือกมาพึ่งพิงกับคู่สกุลนี้ราวกับเป็นที่ลี้ภัย ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ได้คาดการณ์ว่าราคาจะยังคงมีความผันผวนต่อไปและมีการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่างฝั่งกระทิงและหมี ตามบทวิเคราะห์ดังกล่าว ราคาคู่นี้คาดว่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 111.45 ในตอนต้น (ซึ่งในความเป็นจริงขยับไปที่ 111.15) และจากนั้นจะถอยตัวลงมาที่แนวรับ 110.00 (ในความเป็นจริงขยับไปที่ระดับ 110.27) แล้วจึงตามมาด้วยวัฏจักรการผันผวนอีกรอบหนึ่ง ส่งผลให้ราคาปิดตลาดห้าวันทำการที่ 110.46 ซึ่งยืนยันการแข็งตัวของราคาที่โซน 110.10
  • คริปโตเคอเรนซี หลังจากที่ราคากระโดดขึ้นมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน คู่ BTC/USD ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องและแตะถึงราคา $6,780 ก่อนที่จะถอยตัวลงมา ในครั้งที่แล้วมีบทวิเคราะห์เชิงบวกกล่าวว่าหากราคาสามารถทะลุระดับ $6,700 ได้สำเร็จ จะถือว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเทรนด์กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาจะดีดตัวสูงขึ้นมาก ราคาก็ไม่ได้ขยับทะลุระดับแนวต้านได้อย่างแท้จริง และระดับราคาที่ $6,600 ถือว่าเป็นจุด Pivot Point ของสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
    ต่อเนื่องจาก Bitcoin ตามมาด้วย Ethereum (ETH/USD) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงราคาที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าระดับ $485 ถือว่าเป็นเพดานด้านบนของกรอบรอบสองเดือน และในกรณีที่ราคารีบาวด์จากจุดดังกล่าว ราคาอาจตกลงมาที่ 360 ดอลลาร์ต่อเหรียญ
    สำหรับ Litecoin (LTC/USD) และ Ripple (XRP/USD) ราคาคู่เหล่านี้เข้าสู่เทรนด์ด้านข้างและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ ณ ตำแหน่งเดียวกันกับช่วงต้นสัปดาห์

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 60% ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 เชื่อว่าราคาที่ขยับสูงขึ้นของ EUR/USD จะยังดำเนินต่อไป แต่จะเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยมีการกำหนดระดับ 1.1800 เป็นแนวต้าน และแนวต้านถัดไปอยู่ถัดขึ้นไปอีก 50 จุด จากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมคาดว่าราคาจะถอยลงมาที่แนวรับ 1.1500 และจะพยายามขยับทะลุระดับดังกล่าว ทั้งนี้ มีออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 และ D1 เห็นด้วยกับสถานการณ์ดังกล่าวโดยให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป (overbought)
    ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะไม่ปรากฏข่าวใดที่สำคัญเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เราควรให้ความสนใจกับวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งในวันนี้จะมีการประกาศอัตราการเติบโตการผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน รวมถึงข้อมูลสถิติดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ตามความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯของเดือนที่ผ่านมาซึ่งมีค่าสูงขึ้นอาจส่งผลให้ธนาคารเฟ็ดปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลเป็นแรงสนับสนุนต่อค่าเงินดอลลาร์

  • สำหรับคู่ GBP/USD การวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และ D1 คาดการณ์ว่าราคาจะรีบาวด์จากค่าแนวรับที่ 1.3225 โดยจะขยับขึ้นไปที่โซน 1.3400 ก่อนที่จะถอยดิ่งลงมาที่ 1.3000 สำหรับผู้เชี่ยวชาญยังคงรอการประกาศข่าวจากฝั่งอังกฤษ
    ดังนั้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งจะมีการประกาศข้อมูลอัตราการเติบโตในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนพฤษภาคม และหากตัวเลขดังกล่าวสามารถเอาชนะตัวเลขที่ชะลอตัวของเดือนเมษายนได้สำเร็จ ค่าเงินปอนด์อาจปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 1.3300
    อีกหนึ่งคำแถลงการณ์โดยประธานธนาคารอังกฤษ โดยในวันพุธที่ 11 กรกฎาคม นายมาร์ค คาร์นีย์ ยังคงกล่าวย้ำถึงการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวซึ่งอาจส่งผลเป็นแรงหนุนให้กับสกุลเงินปอนด์ได้
    ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษอาจส่งผลลบต่อค่าเงินปอนด์ ในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลจะต้องส่งร่างข้อตกลง Brexit ให้กับอียู และหากไม่ปรากฏการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจประเทศที่ชัดเจน ค่าเงินปอนด์อาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง
  • USD/JPY สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังเข้มข้น เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจีนกว่า 25% โดยคาดว่าวอชิงตันจะตัดสินใจเพิ่มการคว่ำบาตรขึ้นอีก $200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจีนได้ขู่ว่าจะตอบโต้โดยการเทขายพันธบัตรสหรัฐ
    ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวที่กล่าวข้างต้นนี้ ความต้องการถือค่าเงินเยนยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยถือว่าเป็นสกุลเงินลี้ภัยที่มีความปลอดภัย คู่สกุลเงิน USD/JPY จึงขยับสูงขึ้นประมาณ 6.7% ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา สำหรับสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) คาดการณ์ว่าราคาจะยังคงขยับสูงขึ้นไปที่ระดับ 111.40 ในส่วนนักวิเคราะห์อีก 40% ที่เหลือเชื่อว่าราคาจะเคลื่อนที่ด้านข้างโดยอยู่ในช่วง 109.35 – 110.80 และมีค่าแนวรับถัดไปที่ระดับ 108.65
  • คริปโตเคอเรนซี คำถามสำคัญสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ได้แก่ บิทคอยน์จะยังคงขยับสูงขึ้นหรือจะถอยกลับลงมา ณ ตอนนี้ มีความชัดเจนว่าราคาพยายามขยับขึ้นถึงระดับ $7,000 และผู้ซื้อยังคงไม่หันหลังให้ตลาด อย่างไรก็ตาม แม้แต่ดัชนีต่างๆ ก็แสดงสัญญาณว่าเงินคริปโตสกุลนี้อยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป และในกรณีที่หากมีข่าวลบปรากฏออกมา แนวโน้มอาจกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงได้อย่างรวดเร็ว โดยราคาอาจกลับไปที่ค่าต่ำสุดของเดือนมิถุนายน
    ในอีกมุมมองหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งทำนายว่าราคา BTC/USD จะยังคงขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้เหตุผลหลายประการ เช่น การกลับมาของนักวิเคราะห์หลายคนที่เคยผิดหวังกับสกุลเงินอัลท์คอยน์อื่นๆ และหันมาซื้อบิทคอยน์แทน หรือการไม่ปรากฏข่าวลบเป็นเวลานาน และเหตุผลที่ค่อนข้างย้อนแย้งเกี่ยวกับปริมาณการเทรดที่ต่ำลง เหตุผลประการสุดท้ายหมายความว่าผู้ที่หมดหวังก็ได้อำลาเงินคริปโตนี้ไปเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือผู้ที่ยังต้องการขายอยู่ไม่มากนัก ส่วนผู้ที่ยังคงถือบิทคอยน์อยู่ก็พร้อมที่จะเก็บบิทคอยน์ไว้จนกว่าจะถึงช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นชัยชนะหรือความล้มเหลว นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ที่มองโลกในแง่ดีต่างกล่าวว่าภายในสิ้นปีนี้ BTC จะมีราคา $50,000 เป็นอย่างน้อย (นาย Arthur Hayes จาก BitMEX) หรือ $25,000 เป็นอย่างน้อย (นาย Tom Lee จาก FundStrat)

 

โรมัน บุทโก, NordFX

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา