อันดับแรกเป็นบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD เจ็ดวันที่ผ่านมาเช่นเดียวกันกับหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมานั้นไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่สำคัญใดๆ และตลาดอยู่ในช่วงวันหยุดที่นิ่งสงบ ความผันผวนของคู่นี้อยู่ที่ 130 จุด และค่าเบี่ยงเบนสูงสุดจากจุด Pivot Point ของช่องด้านข้างระยะกลางนั้นยิ่งน้อยกว่า (1.1660) โดยอยู่ที่ 90 จุดเท่านั้น หลังจากนั้นราคาได้กลับไปอยู่ในโซนตรงกลางอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ ราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์โดยหยุดอยู่ที่ 1.1658
- คู่ GBP/USD ก็มีพฤติกรรมที่โอนอ่อนเช่นกัน โดยราคาค่อยๆ แข็งตัวหยุดอยู่ใกล้ระดับ 1.3100 โดยค่าความผันผวนของสกุลเงินปอนด์อังกฤษไม่ได้มากไปกว่าคู่ยูโรเท่าใดนัก และมีค่าผันผวนอยู่ที่ 145 จุดเท่านั้น ราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ระดับ 1.3102
- USD/JPY คู่นี้ได้ก่อตัวเป็นรูปทรงศีรษะและหัวไหล่ตลอดช่วงเดือนกรกฎาคม แม้ว่าสำหรับนักเทรดบางกลุ่มอาจมองว่ากราฟเป็นรูปทรงเหมือนหมวกคาวบอยมากกว่าก็ตาม ในสัปดาห์ที่แล้วกราฟได้ก่อตัวเป็นรูปทรงหมวกนี้จริงซึ่งหมายความว่าราคาอยู่ในเทรนด์ด้านข้างในช่วง 110.58-111.53 ในช่วงท้ายสัปดาห์ ราคาได้ปิดตลาดอยู่ตรงกลางของช่วงดังกล่าวที่ประมาณ 111.00
- คริปโตเคอเรนซี หนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วก็คือความพยายามของบิทคอยน์ที่จะทะลุระดับราคาที่ $8,000 และแม้ว่าราคาจะอยู่ในช่วงที่ถูกซื้อมากเกินไป ก็สามารถทำได้สำเร็จ ปัจจัยของการเติบโตขึ้นของราคาบิทคอยน์คือบทบาทของคณะกรรมการตลาดแลกเปลี่ยนและสินทรัพย์ (SEC) ที่อนุญาตให้พี่น้อง Winklevoss ประกอบการ Bitcoin ETF โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นหลัก แต่ทันทีที่ราคา BTC/USD ขยับถึงระดับ $ 8,500 ก็เป็นที่ทราบกันแล้วว่าคณะกรรมการดังกล่าวได้ปฏิเสธคำขอของสองพี่น้องนั้นอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ ราคาบิทคอยน์จึงถดถอยลงมาต่ำกว่าระดับ $8,000 อีกครั้งหนึ่งโดยเสียมูลค่าไปประมาณ $630 อย่างไรก็ตาม ราคาไม่ได้ถดถอยลงมาเป็นเวลานาน ราคาบิทคอยน์ไต่ขึ้นมาทะลุระดับแปดพันดอลลาร์อีกครั้งในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาและขยับขึ้นไปถึงระดับ $8,275
สำหรับอัลท์คอยน์สกุลอื่นๆ เช่น etherium, ripple, Litecoin ฯลฯ ขยับขึ้นมาประมาณ 6-7% ตามบิทคอยน์
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD สัปดาห์หน้านี้จะเต็มไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจส่งอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนไหวในตลาด อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้ ยังไม่คาดการณ์ว่าจะมีเหตุการณ์น่าประหลาดใจใดๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการประกาศตัวเลข GDP ของทางฝั่งยูโรโซน หรือตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งจะประกาศออกมาในวันอังคารที่ 31 กรกฎาคมนี้
หากเราสังเกตพัฒนาการในคู่ยูโรต่อดอลลาร์ เราจะต้องให้ความสนใจในตัวเลขอัตราดอกเบี้ยซึ่งประกาศโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และคำแถลงการณ์ความเห็นเพิ่มเติมของธนาคารดังกล่าวในวันพุธที่ 1 สิงหาคมนี้ รวมถึงการประกาศดัชนีในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ แต่ในที่นี้คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ความผันผวนเพิ่มขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
สำหรับออสซิลเลเตอร์ ดัชนีในกรอบ D1 ต่างแบ่งสัญญาณออกเป็นสามกลุ่มเกือบเท่าๆ กัน หนึ่งในสามมองว่าราคาจะเป็นช่วงขาขึ้น อีกหนึ่งในสามคาดการณ์ขาลงของราคา และอีกหนึ่งในสามคาดการณ์เทรนด์ด้านข้าง สำหรับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (70%) ยังคงมองว่าราคาน่าจะถอยลงมาที่กรอบด้านล่างของช่องระยะกลาง 1.1505-1.1850 อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเป็นไปได้ว่าราคาอาจจะอยู่ในโซนสองสัปดาห์ที่ 1.1575-1.1750 สักระยะหนึ่งก่อนที่จะถอยตัวลดลงมา ซึ่งการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ให้ภาพการณ์เช่นนี้
ในครั้งนี้มีนักวิเคราะห์เพียง 30% ที่ลงคะแนนเสียงว่าราคาจะขยับสูงขึ้นไปยังกรอบด้านบนที่ 1.1850 - อนาคตของค่าเงินปอนด์อังกฤษก็ไม่มีท่าทีเป็นบวกเท่านัก แม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 0.50% เป็น 0.75% ซึ่งเราจะได้ทราบกันในวันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคมนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 65% เชื่อว่าคู่สกุลเงิน /USD จะยังคงปรับตัวลดลง โดยในตอนแรกจะลดลงไปที่ระดับ 1.3000-1.3070 และจากนั้นจะลงไปยังระดับแนว 1.2955 โดยเป้าหมายหลักคือราคาต่ำสุดของฤดูร้อนปีที่แล้วที่โซน 1.2800.
อีกมุมมองหนึ่งของนักวิเคราะห์จำนวน 35% เชื่อว่าราคาได้ขยับถึงกรอบด้านล่างและจะกลับไปที่ระดับ 1.3200-1.3300
ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมองว่าในเดือนสิงหาคมนี้ราคาอาจไต่ขึ้นไปที่ 1.3450 โดยมีสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์ 15% ที่เห็นพ้องเช่นกันโดยให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วงถูกขายมากเกินไป - USD/JPY สำหรับคู่นี้ ผู้เชี่ยวชาญซึ่งสนับสนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และทำนายเทรนด์ขาขึ้นของคู่นี้อย่างน้อยที่โซน 111.75-112.20. อยู่ที่ประมาณ 60% โดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ก็เห็นด้วยกับคำทำนายนี้เช่นกัน ในส่วน 40% ที่เหลือตั้งความหวังไว้กับการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะออกมาในวันอังคารที่ 31 กรกฎาคมนี้ โดยความเห็นของประธานธนาคารกลางอาจส่งผลสนับสนุนต่อค่าเงินเยน แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินของธนาคารและการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเท่านั้น ในกรณีดังกล่าว ระดับแนวรับจะอยู่ที่ 110.60, 110.30 และ 109.75
- คริปโตเคอเรนซี นักเทรด นักลงทุน และนักขุดเหมือง ต่างจับตามองกราฟบิทคอยน์มาเป็นเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน มูลค่าสกุลเงินบิทคอยน์เพิ่มขึ้นกว่า 42% และมูลค่ารวมในตลาดคริปโตนั้นมากกว่าสามแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากบิทคอยน์ขยับถึงระดับราคาที่ $8,500 ก็มีการพูดถึงโอกาสที่ราคาอาจขยับขึ้นถึง $10,000 ได้เช่นกัน นอกจากนี้ มีหลายปัจจัยที่เกื้อหนุนเทรนด์ขาขึ้นดังกล่าว ดังต่อไปนี้:
- อันดับแรกเป็นการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งทำให้ความต้องการถือสินทรัพย์รูปแบบ “คลาสสิก” หรือสินทรัพย์เดิมๆ ลดลง และมีปริมาณการเทรดในรูปแบบดั้งเดิมลดลงเช่นกัน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการขาดเสถียรภาพในบางประเทศ ทำให้การถือสกุลเงินคริปโตกลายเป็นเครื่องมือในการเก็บรักษาเงินทุน
- ปัจจัยที่สองคือการกำเนินวิธีการทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนและสถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้ามาในตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต
- ปัจจัยที่สามคือการยอมรับคริปโตเคอเรนซีที่มากขึ้นในระดับประเทศ เช่น เกาหลีใต้หรือเวเนซุเอลา ซึ่งตามคำแถลงการณ์ของประธานาธิบดีเวเนซุเอลาแล้ว อีกไม่นานนี้ สกุลเงินโบลิวาร์ของเวเนซุเอลาจะผูกเข้ากับสกุลเงินคริปโตแห่งชาติที่เรียกว่า Petro
- ปัจจัยที่สี่คือการเปิดแพล็ตฟอร์มในการสร้างตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริป
- ปัจจัยที่ห้าคือคำแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศและบุคคลสำคัญวีไอพีต่างๆ เช่น อดีตผู้ช่วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายสตีฟ แบนนอน เกี่ยวกับการลงทุนในเงินบิทคอยน์และคริปโตเคอเรนซีสกุลอื่นๆ เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าในกรณีที่ราคา BTC/USD ขยับขึ้นเหนือระดับ $10,000 จะทำให้มีหลายคนประสงค์ที่จะลงทุนในเงินบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำทำนายออกมามากขึ้นว่าราคาจะเร่งแข่งขันกันในปีนี้อีกครั้งและบิทคอยน์อาจขยับขึ้นเหนือระดับ $ 20,000 ภายในสิ้นปีนี้
โรมัน บุทโก, NordFX
กลับ กลับ