อันดับแรกเป็นบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD ตามที่คาดการณ์ไว้ การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนไม่ได้นำมาซึ่งความชัดเจน ข้อมูลเดียวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้รายงานว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและเป็นประโยชน์ คำพูดดังกล่าวไม่อาจชี้ชัดได้ ในส่วนถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ไม่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยส่งผลให้ราคาดอลลาร์ลดลงเพียง 30 จุด
โดยทั่วไป ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรขยับสูงขึ้นเกือบ 200 จุด โดยอันดับแรกเป็นผลมาจากปัญหาขั้นรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคนรอบตัว ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ช่วยประธานาธิบดีต้องรับโทษจำคุกและแม้กระทั่งอาจส่งผลให้ตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาอีกด้วย การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการเลื่อนการเพิ่มภาษีรถยนต์กับสหภาพยุโรปออกไปส่งผลดีต่อค่าเงินยูโรด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ คู่สกุลดังกล่าวจึงปิดตลาดท้ายสัปดาห์ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 45% คาดการณ์ไว้ที่ 1.1622 ใกล้เคียงกับแนวต้านที่ 1.1630 - GBP/USD เป็นไปตามค่าเงินยูโร ค่าเงินปอนด์อังกฤษขยับขึ้นเทียบกับดอลลาร์ จนราคามาถึงช่วงตรงกลางของช่องขาลงระยะกลางซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ราคาได้ขยับถึงระดับดังกล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมและปิดตลาดห้าวันทำการที่ 1.2845
- USD/JPY ในครั้งที่แล้ว 75% ของนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าราคาจะขยับลงมาที่โซน 109.00 ในตอนแรก และนักวิเคราะห์อีก 25% ได้ลงคะแนนเสียงว่าราคาจะกลับมาสู่ที่ช่วง 111.00-112.00 โดยราคาเป็นไปตามความคาดหวังของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยได้ขยับลดลงมาเมื่อวันอังคารที่ 21 สิงหาคม ลงมาที่ระดับ 109.75 อย่างไรก็ตาม เมื่อขาลงสิ้นสุด คำทำนายของนักวิเคราะห์กลุ่ม 25% ที่เหลือก็มีผลในเวลาต่อมา ราคาได้ขยับขึ้นไปที่ช่วง 111.00-112.00 จนถึงระดับ 111.50 และจุดปิดตัวก็ต่ำลงมาอีกเล็กน้อยที่ระดับ 111.25
- คริปโตเคอเรนซี ข่าวลบหลักของงสัปดาห์นี้ก็คือตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ปฏิเสธคำขอในห้าประเด็น (จากทั้งหมด 9 คำขอ) ที่จะก่อตั้งกองทุนการลงทุนด้วยเงินบิทคอยน์ (Bitcoin-ETF) เหตุผลหลักในการไม่อนุมัติก็เหมือนเช่นเคย คือ เป็นปัญหาในตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีการฉ้อโกงและปลุกปั่นราคา ข่าวดีก็คือ SEC จะยังสามารถพิจารณาผลการตัดสินใจได้อีกครั้ง ในฝ่ายตลาดกระทิงก็มีความยินดีกับข่าวที่พันธบัตรบล็อกเชนตัวแรกที่ออกโดยธนาคารกลางออสเตรเลียถูกซื้อโดยนักลงทุนอย่างล้นหลาม
สำหรับมูลค่ารวมในตลาดคริปโตขยับขึ้นเล็กน้อย อยู่เหนือระดับ $2.1 แสนล้านดอลลาร์
ในสถานการณ์นี้ คู่ BTC/USD ยังคงขยับในช่องแคบๆ $6,230-6,650 อยู่ตลอดเวลา ตามที่เราสันนิษฐานไว้ว่าค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องยากที่บิทคอยน์จะสามารถตั้งหลักเหนือระดับแนวต้านที่ $6,830 ความพยายามที่จะขยับถึงระดับ $6,885 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมก็ล้มเหลว ราคาได้กลับตัวอย่างรวดเร็วและกลับมาส่วนช่วงประจำของสัปดาห์ ความพยายามครั้งถัดมามีขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเมื่อสภาพคล่องในตลาดเริ่มลดลง
การขยับทะลุระดับแนวรับ $6,230 มีขีดจำกัดเนื่องจาก ณ ขณะนี้ นักขุดเหมืองเกือบทุกคนกำลังอยู่ในช่วงพยายามคืนทุน และหากราคาขยับลงมาต่ำกว่าโซน $6,000-6,1000 การขุดเงินคริปโตก็จะแทบไม่ทำกำไรอีกต่อไป
Litecoin (LTH) และ Ripple (XRP) และเหรียญสกุลหลักอื่นๆ ก็อยู่ในช่วงนิ่งสงบตามบิทคอยน์ แต่สำหรับ Ethereum (ETH) เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหวเชิงลบอีกครั้ง โดยเสียมูลค่าประมาณ 15% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ไม่มีผลลัพธ์จากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยอาจมีการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ในที่นี้เราอาจรวมเหตุการณ์คำพูดโจมตีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อประธานธนาคารกลาง ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่พอใจในเรื่องการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากเกินไปและการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังคงสร้างความไม่แน่นอนในตลาดซึ่งส่งผลให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ดังนี้:
- 45% ของผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ต่างเห็นด้วยว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อไปและคู่ราคานี้จะขยับเข้าโซน 1.1630 - 1.1750 โดยมีระดับแนวต้านถัดไปที่ 1.1840
- 30% ของนักวิเคราะห์ยังคงเชื่อในค่าเงินดอลลาร์และยังรอคอยให้ราคากลับมาสู่ราคาต่ำสุดของกลางเดือนสิงหาคม โดยมีค่าแนวรับที่ใกล้ที่สุดคือ 1.1430 เป้าหมายอยู่ที่ 1.1300 ในส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และออสซิลเลเตอร์ 15% ให้สัญญาณว่าค่าเงินดอลลาร์อเมริกันอยู่ในสภาวะถูกขายมากเกินไป (overbought) จึงเห็นด้วยกับนักวิเคราะห์กลุ่มนี้
- กลุ่มสุดท้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวน 25% ที่เหลือที่ไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ได้ หากเราพิจารณาบทวิเคราะห์ระยะยาว จะพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกว่า 60% ที่เข้าข้างกับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น ในกรณีที่สหภาพยุโรปยังคงตัดสินใจว่าจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ทำนายว่าอัตราคู่ยูโร/ดอลลาร์จะอยู่ที่ระดับ 1.1000-1.1200 ในช่วงท้ายปี เหตุผลก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน ได้แก่ เหตุการณ์ Brexit เหตุการณ์ในอิตาลี ตุรกี รวมถึงประเทศอื่นๆ ในอียู อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ยังไม่ตัดโอกาสความเป็นไปได้ที่ค่าเงินยูโรจะเพิ่มสูงขึ้นไปที่ระดับ 1.1900 แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นจนกว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2019 - GBP/USD ตามการวิเคราะห์กราฟ อนาคตของคู่นี้น่าจะมีลักษณะดังนี้: ในตอนต้นราคาคาดว่าจะขยับสูงขึ้นไปยังกรอบด้านบนของช่องขาลง (โซน 1.3000-1.3080) จากนั้นราคาจะรีบาวด์และตกลงก่อนที่แนวรับ 1.2660 และถอยต่ำลงมาอีกที่ระดับ 1.2585 สำหรับดัชนีต่างๆ แล้วยังคงมีความสับสนอยู่บ้าง บางสัญญาณชี้ว่าราคาอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป บางสัญญาณชี้ว่าถูกขายมากเกินไป บางสัญญาณเป็นสีแดง บ้างเป็นสีเขียวหรือเทาตรงกลาง ความสับสนที่คล้ายกันนี้ก็ปรากฏในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากเราพิจารณาบทวิเคราะห์ในฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในที่นี้มีนักวิเคราะห์กว่า 65% ที่กล่าวถึงการขยับสูงขึ้นของราคา โดยมีเป้าหมายที่ยังไม่ค่อยชัดเจนอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1.3100 ถึง 1.3500
- USD/JPY ค่าเงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันจากระดับค่าเงินเฟ้อที่ต่ำซึ่งเป็นตัวชี้วัดความต้องการต่ำและเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มขึ้นของค่า GDP ประเทศ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น นายฮารุนิโกะ คุโรดะ ได้ให้สัญญาถึงขนาดว่าจะทำการฮาราคีรีหากระดับเงินเฟ้อประเทศขยับไม่ถึงเป้าหมายที่ 2% แต่การเพิ่มขึ้นของราคาก็ยังอ่อนตัวลงเป็นอย่างมากและยังไม่ถึงระดับ 1% อย่างไรก็ตาม เราหวังว่านายคุโรดะจะไม่ทำตามสัญญาที่น่ากลัวดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางก็ยังคงใช้นโยบายกระตุ้นอัตราการเติบโตที่มีค่าลบและสนับสนุนให้มีการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ ท่ามกลางเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะมีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนและปัญหาอื่นๆ ในสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์ก็อาจจะยังคงเติบโตขึ้นต่อไป ซึ่งนี่ก็เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 65% ที่ระบุเป้าหมายของราคาไว้ที่ 112.00, 113.50 และ 114.70
อีกหนึ่งมุมมองทางเลือกเป็นของนักวิเคราะห์จำนวน 35% การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และสัญญาณ 20% จากออสซิลเลเตอร์ซึ่งชี้ว่าราคาอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป หากตลาดหมียังคงดำเนินต่อไป คาดว่าราคาน่าจะขยับลงมาที่ 109.75-110.10 โดยมีระดับแนวรับใกล้ที่สุดอยู่ที่ 110.75;
- คริปโตเคอเรนซี ทั้งบิทคอยน์และอัลท์คอยน์สกุลหลักอื่นๆ อยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดและวิกฤติความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตและการขาดแคลนซึ่งข่าวสารเชิงบวกเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการของราคาในตลาดกระทิง อย่างไรก็ตามอย่างที่เราเคยเน้นย้ำไว้ในครั้งก่อนๆ ว่าข่าวสารเหล่านี้มักไม่ค่อยส่งผลทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญและเป็นเพียงปัจจัยสำหรับการเก็งกำไรครั้งถัดไปเท่านั้น
เป้าหมายของคู่ BTC/USD เหมือนเช่นเคย เป้าหมายตลาดกระทิงอยู่ที่ระดับ $6,850 และจากนั้นเป็น $7,760 สำหรับตลาดหมีคือการขยับทะลุระดับแนวรับที่ $6,230 จากนั้น $6,000 และลดลงมาที่ระดับต่ำ $5,760 ระดับที่ต่ำกว่านี้อาจเป็นสัญญาณสำคัญว่ามีการเทขายเงินคริปโตและนำไปสู่การล่มสลายของตลาดได้อย่างสมบูรณ์ โดยเหตุการณ์นี้ก็ขัดต่อผลประโยชน์ของผู้ร่วมตลาดทุกคน แม้แต่สำหรับผู้ที่กำลังซื้อขายในทิศทางขาลงของตลาดด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากราคามีการตัดผ่านขาลงก็น่าจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ราคาจะสามารถกลับมาอยู่ที่โซนเหนือ $6,000 ได้อีกครั้ง แม้ว่าจะมีนักวิเคราะห์บางคนทำนายว่าราคาจะตกลงมาที่ระดับ $4,700 ก็ตาม
และก็ถึงส่วนข่าวสารสำหรับผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและนักลงทุนระยะยาวที่พร้อมจะรอคอยวันแห่งชัยชนะของบิทคอยน์ ช่องเทเลแกรม What’s on Crypto เน้นว่าหลังจากการแบ่งรางวัลขุดเหมืองแต่ละครั้ง ราคาบิทคอยน์ได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า ในครั้งแรกการลดค่าธรรมเนียมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2012 ราคา BTC/USD เทรดอยู่ที่ $12 และในการลดลงครั้งที่สองในวันที่ 9 กรกฎาคม 2016 อัตราการซื้อขายอยู่ที่ $657 ในการลดลงครั้งที่สาม (ตั้งแต่ 12.5 BTC เป็น 6.25 ต่อบล็อก) ก็น่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2020 และหากคำทำนายถูกต้อง ในปี 2023 ราคาคริปโตเคอเรนซีนี้อาจจะขยับถึง $10 ล้านต่อเหรียญ และไม่ว่าคำทำนายดังกล่าวจะถูกต้องหรือไม่ เราจะได้รู้ “อีกไม่นาน” เพราะเราต้องจับตาดูกันในอีกห้าปีเท่านั้น
โรมัน บุทโก, NordFX
กลับ กลับ