อันดับแรกเป็นบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD ตามที่คาดการณ์ไว้ สัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยข่าวเศรษฐกิจหลากหลายทิศทาง ซึ่งส่งผลให้ราคาขยับขึ้นในตอนต้นก่อนที่ลดตัวลงมาในเวลาถัดมา ในครั้งที่แล้วผู้เชี่ยวชาญจำนวน 45% ต่างจับตามองประเด็นการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีน และเรื่องความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานธนาคารกลางฯ ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลงและราคาคู่นี้น่าจะขยับขึ้นไปที่ 1.1750 โดยในความเป็นจริงราคาได้ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.1735
สถิติที่อ่อนแอจากฝั่งยูโรโซนเป็นไปตามความเห็นของนักวิเคราะห์จำนวน 35% ที่กล่าวถึงการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 25% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถตัดสินใจระบุได้ว่าเทรนด์หลักคืออะไร ก็เป็นกลุ่มที่ถูกต้อง เพราะว่าราคามีการผันผวนจนท้ายที่สุดราคาก็กลับมาสู่ค่าเดิมของสัปดาห์ก่อนหน้าและปิดตลาดห้าวันทำการที่ 1.1600=
หากเราดูในกรอบ D1 และ W1 จะเป็นที่ชัดเจนว่าหลังจากราคาขยับไปยังจุดสูงสุดของเดือนสิงหาคมและตกลงมาที่ 1.1300 ราคาก็ได้เข้าสู่ช่องด้านข้างอีกครั้งในช่วง 1.1575-1.1750 โดยราคาขยับอยู่ในช่วงดังกล่าวนี้มาตลอดช่วงกลางฤดูร้อน - GBP/USD ปัญหาเกี่ยวกับ Brexit ก็ยังคงส่งผลให้นักลงทุนเกิดความหวานกลัวอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม ระบุว่านักลงทุนจะยังคงพยายามเทขายสินทรัพย์อังกฤษต่อไป การแห่ขายพันธบัตรรัฐบาลนับว่าถึงระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1982 ที่ £ 17.2 พันล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินปอนด์ก็ยังสามารถตั้งหลักได้อยู่ และทำได้แม้กระทั่งฟื้นตัวขึ้นมา 200 จุดต่อค่าเงินดอลลาร์ หลังจากผู้แทนการเจรจาจากอียูนายมิเชล บาร์เนียร์ ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าเขาพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอพิเศษระหว่างอียูกับอังกฤษ อย่างไรก็ตาม นายบาร์เนียร์ก็สงวนท่าทีเล็กน้อยในเวลาต่อมา โดยเขากล่าวว่าไม่ใช่ว่าอียูจะไม่แข็งข้อต่ออังกฤษแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงปิดตลาดวันทำการที่ระดับ 1.2960
- USD/JPY ในครั้งที่แล้วผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) ได้ทำนายว่าราคาคู่นี้จะขยับสูงขึ้น โดยตั้งระดับเป้าหมายไว้ที่ 112.00 ความจริงก็คือราคาคู่นี้อยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไปตามสัญญาณ 20% ของออสซิลเลเตอร์จึงเป็นผลต่อการจำกัดการเติบโตของราคาและทำให้เทรนด์กลับตัว ระดับ 110.75 ถูกตั้งไว้ว่าเป็นระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุด
ในความเป็นจริง ราคาได้ขยับขึ้นไปที่ระดับ 111.82 และจากนั้นราคาก็กลับมาอยู่ที่ 110.70 จึงถือว่าเป้าหมายดังกล่าวถือว่าค่อนข้างถูกต้องแม่นยำ ราคาปิดท้ายอยู่ในโซน 111.10 ซึ่งถือว่าเป็นจุด Pivot Point ของช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา - คริปโตเคอเรนซี ตลาดคริปโตเอาตัวรอดได้อย่างสำเร็จแม้หลังจากมีข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ปฏิเสธอีกคำขอเปิดกองทุนเพื่อการลงทุนในบิทคอยน์ (bitcoin-ETF) แต่ก็ยังคงมีทัศนคติที่ดีอยู่เพราะคาดว่าจะมีการทบทวนคำขอดังกล่าว รวมถึงมีข้อมูลว่า Yahoo Finance กำลังมองหาโอกาสที่จะทำธุรกรรมการเทรดกับบิทคอยน์ ไลท์คอยน์ และอีธีเรียม
ผู้เชี่ยวชาญตั้งเป้าขาขึ้นไว้ที่ระดับ $6,850 และจากนั้นระดับถัดไปที่ $7,760 สำหรับคู่ BTC/USD ท่ามกลางข่าวที่สนับสนุน ราคาก็ได้ขยับขึ้นไปที่ $6,850 แต่กำลังของฝั่งกระทิงก็อ่อนล้าลงที่ $7,130 ทำให้ราคากลับมาอยู่ในโซนแนวต้านซึ่งกลายเป็นแนวรับ อย่างไรก็ตาม ราคาก็สามารถขยับขึ้นเหนือระดับ $7,000 อีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์
สำหรับอัลท์คอยน์สกุลหลักที่เหลือ กราฟก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับบิทคอยน์สกุลหลัก แต่มีเพียง Litecoin (LTH) ที่พอขยับขึ้นได้บ้างที่ 9% แต่สำหรับ Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) หลังจากราคาขยับขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ ราคาก็กลับไปอยู่ที่ตัวเลขระดับก่อนหน้าในที่สุด
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD เทรนด์หลักสำหรับสัปดาห์ที่จะถึงนี้ระบุได้ดังนี้: ราคาจะขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์และในช่วงครึ่งหลังของห้าวันทำการ ราคาจะปรับตัวลดลง
สัญญาณ 15% จากออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 ระบุว่าราคาอยู่ในภาวะถูกขายมากเกินไป นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศตัวเลขเชิงลบจากกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 4 กันยายนนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และทำให้ราคาคู่นี้ขยับขึ้นไปที่โซน 1.1700 - 1.1750 โดยมีระดับแนวต้านถัดไปที่ 1.1800
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) คาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะได้แรงหนุนจากการประกาศชุดสถิติตลาดแรงงาน ได้แก่ ตัวเลขดัชนี ADP ในวันพฤหัสบดีนี้และดัชนี NFP ในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงสนับสนุนหลักสำหรับค่าเงินดอลลาร์ และอาจช่วยพาราคาคู่นี้ขยับใกล้เข้าสู่ค่าต่ำสุดของเดือนสิงหาคมที่โซน 1.1300 โดยมีแนวรับที่ใกล้ที่สุดอยู่ในช่วง 1.1500 - 1.1525 ในส่วนการวิเคราะห์ในกรอบ H4 และ D1 ก็เห็นด้วยกับคำทำนายดังกล่าวนี้
ทั้งนี้ ในระยะกลาง อัตราการเติบโตในค่า GDP ที่เป็นบวกและสภาพตลาดแรงงานที่เข้มแข็งจะเป็นปัจจัยที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งซึ่งเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ และก็จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง - GBP/USD นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) มองไปในทิศทางเหนือสำหรับคู่นี้ นักวิเคราะห์ต่างพิจารณาข้อเสนอพิเศษของนายมิเชล บาร์เนียร์ และในส่วนดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการของอังกฤษก็ชี้ถึงอัตราการเติบที่เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม จาก 53.5 เป็น 54.7 ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดีสำหรับค่าเงินปอนด์ ดังนั้น ราคาคู่นี้จึงยังคงมีการปรับตัวต่อไป และราคาน่าจะขยับขึ้นในโซน 1.3140 - 1.3170 โดยออสซิลเลเตอร์กว่า 80% ให้สัญญาณเป็นสีเขียวเช่นกัน
ในมุมมองอีกด้านนี้เป็นของการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และผู้เชี่ยวชาญอีก 40% ที่มั่นใจว่าปัญหา Brexit จะยังคงส่งผลครอบงำข้อมูลทางเศรษฐกิจเชิงบวกทั้งหลายต่อไป นี่จึงเป็นเหตุผลให้ราคาน่าจะกลับมาสู่ขาลงอีกครั้งในเร็วๆ โดยมีระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุดในโซน 1.2800 และมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 1.2660 - USD/JPY การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ให้ภาพการเคลื่อนที่ของช่องด้านข้างแคบๆ ที่ 110.00 - 111.45 โดยผู้เชี่ยวชาญกว่า 55% และออสซิลเลเตอร์ต่างเห็นด้วยกับคำทำนายนี้ ออสซิลเลเตอร์ต่างให้สัญญาณเป็นสีเขียว แดง และเทาอย่างละเท่าๆ กัน เหตุผลต่อคำทำนายดังกล่าวก็เหมือนกัน โดยที่ระดับเงินเฟ้อที่ต่ำยังคงเป็นอุปสรรคต่ออัตราการเติบโตของค่า GDP และความสำเร็จทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงบทบาทของค่าเงินเยนในฐานะที่ลี้ภัยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ตลอดจนเรื่องอื้อฉาวอันเกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
ในกรณีที่ราคาขยับออกช่องดังกล่าว ระดับแนวรับถัดมาจะอยู่ที่ 109.30 และ 108.65 และแนวต้านจะอยู่ที่ 112.15 และ 113.15 - คริปโตเคอเรนซี เป้าหมายตลาดหมีสำหรับคู่ BTC/USD ยังคงเหมือนเดิม: คือการขยับทะลุระดับแนวรับที่ $6,230 และจากนั้นที่ $6,000 และขยับลงที่ค่าต่ำสุด $5,760 อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นเป็นพิเศษ การขยับลงไปต่ำกว่าระดับที่ทำกำไรของการขุดเหมืองที่ต่ำกว่าโซน $6,000 - 6,230 ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ในขณะนี้
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ การเติบโตของราคาน่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ $7,760 จากนั้นจะมีการปรับตัวของราคา และจะมีการก้าวกระโดดขึ้นไปอีกที่ราคาสูงสุดของวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาที่ $8,500
โรมัน บุทโก, NordFX
กลับ กลับ