อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD คำทำนายพื้นฐานของคู่นี้ในสัปดาห์ที่แล้วระบุว่าราคาจะสามารถถอยลงมาถึงราคาต่ำสุดของปีที่ระดับ 1.1300 และก็สามารถขยับทะลุระดับแนวรับดังกล่าวลงไปที่ช่วง 1.1200-1.2500 ได้อีกด้วย ซึ่งนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจน ราคาได้ขยับถึงช่วงราคาต่ำสุดของสัปดาห์ในวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยตกลงมาที่ระดับ 1.1215
จากนั้นตลาดก็เริ่มถูกครอบงำโดยเหตุการณ์ Brexit ในที่สุดก็มีข้อสรุปเรื่องการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากอียู ซึ่งข่าวนี้ส่งผลหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้น และภายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาได้ขยับขึ้นมาประมาณ 200 จุดและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.1415 - GBP/USD สกุลเงินปอนด์เริ่มแข็งค่าขึ้นตามข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับ Brexit โดยราคาได้ขยับถึงระดับความสูงที่ 1.3070 ในวันพุธที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็ปรากฏข่าวรัฐมนตรีสำคัญหลายคนที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดการออกจากสหภาพยุโรป สถานการณ์ดังกล่าวประกอบกับข่าวลือเรื่องการถอดถอนตำแหน่งนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของสหราชอาณาจักร ด้วยเหตุนี้ ค่าเงินปอนด์ได้อ่อนค่าทิ้งตัวภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงลงมาที่ระดับ 1.2722 จากนั้น สถานการณ์ก็เริ่มนิ่งสงบมากยิ่งขึ้นและราคาขยับขึ้นไปที่โซน 1.2830 แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคาในรอบสัปดาห์กว่า 350 จุด
- USD/JPY การเบนออกระหว่างสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์และราคาคู่นี้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสที่เทรนด์ขาลงจะก่อตัว สถานการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนโดยนักวิเคราะห์จำนวน 45% พร้อมด้วยดัชนีกว่า 40% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ด้วยเหตุนี้ เมื่อราคาอยู่ห่างจากราคาสูงสุดของปี 2018 เพียง 35 จุด ราคาก็กลับทิศทางลงมาทิศใต้ และขยับทะลุระดับแนวรับที่ 113.10 อย่างไม่มีอุปสรรค และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 112.82
- คริปโตเคอเรนซี ตลาดได้ทรุดตัวลง ตลาดทรุดตัวถึงขนาดที่ไม่มีใครคาดการณ์มาก่อน ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ตลาดเสียมูลค่ารวมประมาณ 12% ลดลงเหลือเพียง $185 พันล้านดอลลาร์ เราได้คาดการณ์ว่า $6,100 คือขีดจำกัดด้านล่างของราคาบิทคอยน์ที่ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในความเป็นจริง ราคากลับเลวร้ายยิ่งกว่าโดยอยู่ที่ $5,430
ยังคงไม่ปรากฏความเห็นที่พ้องกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการระบุหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสองคำอธิบายที่น่าเป็นไปได้ ได้แก่ ผลกระทบของการขาดเสถียรภาพจากการแยกตัว (hard fork) ของ BCH (Bitcoin Cash) ไปยังเหรียญดิจิทัลสกุลใหม่สองเหรียญ ซึ่งทำให้เกิดความกลัวในหมู่นักลงทุนว่าตลาดจะมีการแตกตัวอีก ในขณะที่อีกคำอธิบายหนึ่งมองว่าอาจเป็นเพราะการตั้งค่าคำสั่ง stop loss ขนานใหญ่ที่มีผลใช้งานเมื่อราคาขยับผ่านโซน $6,00-6,100 อีกหนึ่งเหตุผลก็คือการเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อตลาดคริปโตโดยตรง
Ethereum (คู่ ETH/USD) ไม่สามารถขยับทะลุระดับแนวรับที่ $170 ตามมาด้วยการรีบาวด์ของราคาไปที่ระดับ $185 สำหรับคู่ Ripple (XRP/USD) ได้ขยับถึงระดับ 0.4140 ในระยะเวลาสั้นๆ และ Litecoin (LTH/USD) ขยับมาใกล้กับ 40.00 หลังจากนั้นตลาดเริ่มนิ่งสงบลง และคู่เหล่านี้ขยับกลับมาอีกประมาณ 8%
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ราคาคู่นี้ขยับถึงเพดานด้านบนของแนวโน้มขาลง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเกือบสองเดือนที่แล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายนในปีนี้ และแม้ว่าทั้งดัชนีเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 มีท่าทีเป็นกลาง มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนประมาณ 70% ทำนายว่าราคาจะผลักตัวออกจากเพดานดังกล่าวและหันทิศทางกลับลงมา โดยมีค่าแนวรับที่ใกล้ที่สุดที่ 1.1300 ค่าแนวรับถัดไปอยู่ที่ 85 จุดต่ำลงมาที่ระดับต่ำสุดของปี 2018 ที่ 1.215
อีกสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้คาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.1450-1.1550 อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าสถานการณ์นี้น่าจะเป็นการปรับตัวชั่วคราวของราคา หลังจากนั้น ดอลลาร์คาดว่าจะขยับแข็งค่าขึ้นและราคาคู่นี้จะลดลง ตลาดมีความมั่นใจว่าในเดือนธันวาคมนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกหลายรอบในปี 2019 ซึ่งจะเป็นปัจจัยโดยตรงส่งผลต่อการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
- GBP/USD อนาคตของคู่นี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ Brexit และคำทำนายสำหรับคู่สกุลเงินปอนด์อังกฤษก็ดูไม่สดใสเท่าใดนัก แม้ว่าค่าเงินปอนด์จะสามารถฟื้นมูลค่าขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุมผู้นำอียูเกี่ยวกับข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรจะมีขึ้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่ก็มีความชัดเจนว่าในสัปดาห์นี้ ค่าเงินปอนด์จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไปเนื่องด้วยการไม่สามารถหาข้อสรุปกับรัฐบาลอังกฤษและท่าทีที่ไม่ชัดเจนของรัฐสภาอังกฤษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ นักวิเคราะห์จำนวน 70% คาดการณ์ว่าราคาน่าจะถอยตัวลดลง โดยแนวรับที่ใกล้ที่สุดอยู่ในโซน 1.2700 แนวรับถัดคือราคาต่ำสุดของปี 2018 ที่ระดับ 1.2660
สำหรับแนวโน้มระยะกลางของคู่นี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 55% คาดการณ์ว่าราคาจะขยับในช่วงด้านข้างที่ 1.2660-1.3200 พร้อมจุด Pivot Point ในช่วง 1.2950 จนถึงช่วงสิ้นปีปัจจุบัน - USD/JPY เกี่ยวกับอนาคตของคู่นี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมามักแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักเท่าๆ กัน ดังนี้ 45% โหวตให้กับแนวโน้มการเติบโตของราคา อีก 45% โหวตให้กับแนวโน้มขาลง และอีก 10% มีท่าทีเป็นกลาง
สำหรับดัชนีต่างๆ ดัชนีส่วนใหญ่ให้สัญญาณสีแดง อย่างไรก็ตาม สัญญาณออสซิลเลเตอร์เกือบ 15% ระบุว่าราคาอยู่ในภาวะถูกขายมากเกินไป (oversold) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าจะมีการปรับตัวของราคาเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น
สำหรับการวิเคราะห์กราฟชี้ว่าราคาจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 113.10 ก่อนที่จะถอยตัวลงมาที่ระดับ 111.85 ในกรอบ H4 และกรอบ D1 โดยราคาคาดว่าจะเคลื่อนที่ในช่วงด้านข้างเป็นหลักที่ 112.65-114.20 - คริปโตเคอเรนซี ในขณะนี้ มีคำทำนายออกมาสองรูปแบบ ได้แก่ คำทำนายที่เป็นกลาง และคำทำนายที่เลวร้ายอย่างยิ่ง คำทำนายที่เป็นกลางดูมีความเป็นไปได้มากกว่าว่าตลาดจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วและผลกระทบที่ตามมา ในกรณีนี้ คู่สกุลคริปโตหลักจะผันผวนในช่วงระหว่างราคาต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วกับราคาสูงสุดของวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (จากมุมมองตลาดกระทิง) สันนิษฐานว่าราคาบิทคอยน์จะขยับไปที่ระดับ $5,000 โดยหลังจากการทะลุของราคาน่าจะทำให้เกิดการเทขายด้วยแรงตื่นตระหนักขนานใหญ่ ไม่เพียงแต่ราคาบิทคอยน์เท่านั้น แต่รวมถึงอัลท์คอยน์สกุลอื่นๆ อีกด้วย ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากช่วงเวลาหนึ่ง เราอาจได้เห็นราคาบิทคอยน์ที่ระดับแนวรับ $3,000
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ