อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์สัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD สถานการณ์ชี้ว่าราคาจะกลับมาที่ระดับจำกัดของระยะกลางในช่องด้านข้าง 1.1300-1.1500 และเป้าหมายหลักได้กำหนดไว้ที่เส้นตรงกลาง สถานการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นจริง โดยเมื่อวันอังคารที่ 15 มกราคม ราคาได้ขยับถึงระดับ 1.1400 และเคลื่อนที่ในช่วงดังกล่าวตลอดสุดสัปดาห์ ส่งผลให้สัญญาณปรากฏอยู่ในช่วงค่อนข้างแคบ ในขณะเดียวกัน ราคาคู่นี้ก็ต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างต่อเนื่อง จนราคาตกลงมาที่ระดับ 1.1360 ภายในช่วงปลายสัปดาห์ทำการ
ค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลงด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน: นี่เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจยูโรโซนที่กำลังอ่อนแอ (อันดับแรกคือเยอรมนี) และศักยภาพการส่งออกที่ลดล ตลอดจนประเด็นความยุ่งเหยิงกับเหตุการณ์ Brecit ในขณะเดียวกัน ความพยายามจะผลักหนุนค่าเงินปอนด์ก็เริ่มมีให้เห็นเด่นชัดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อค่าเงินยูโรแต่อย่างใด - GBP/USD ท่ามกลางการเจรจาเลื่อนการแยกตัวออกจากอียูของสหราชอาณาจักรและโดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่จะจัดให้มีประชามติเป็นครั้งที่สอง เริ่มเห็นได้ชัดว่ามีการพยายามหนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้นภายหลังความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ในการลงคะแนนเรื่อง Brexit อย่างที่เห็นกับคู่ EUR/GBP และ GBP/CHF ในส่วนค่าเงินปอนด์ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้ไต่จากระดับ 1.2667 ขึ้นไปกว่า 330 จุดจนถึงวันพฤหัสบดี ถึงระดับที่ 1.3000 หลังจากนั้น ราคาก็มีการปรับตัวของราคาอย่างรุนแรงและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ระดับเดียวกับจุดเริ่มต้นในโซน 1.2870
- USD/JPY ภาวะสมดุลซึ่งปรากฏให้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่แล้วเกิดจากความน่าดึงดูดของเงินเยนญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินลี้ภัยและความสนใจของนักลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากกว่าแต่มีผลตอบแทนสูงกว่า ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ราคาขยับสูงขึ้น และภายในช่วงปลายสัปดาห์ ค่าเงินเยนขยับไปที่ 109.76
- คริปโตเคอเรนซึ สามารถเรียกได้ว่าเป็น “เงียบสนิทกับเงินคริปโต” โดยในบรรดาข่าวดีทั้งหมดได้แก่ ตลาดหุ้นไทยที่มีแผนการขอใบอนุญาตการทำธุรกรรมกับสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลาในแผนการดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
เหตุการณ์ฮาร์ดฟอร์ก Constantinople ในเครือข่าย Ethereum ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะสามารถขจัดจุดอ่อนได้ทั้งหมด โดยทั่วไปก็ยังมีความไม่แน่นอน แม้แต่เหรียญ ETC ที่ถูกโจรกรรมจากตลาดแลกเปลี่ยน Gate.io ก็ได้รับคืนมาโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่มีการบอกเหตุผลที่แน่ชัด
ท่ามกลางข่าวสารที่กำกวมนี้ ราคาคู่ BTC/USD ก็คงที่ ในขณะเดียวกัน ช่วงสัญญาณตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วย Bitcoin, Litecoin, Ripple และอัลท์คอยน์สกุลอื่นๆ ก็ขยับไปในช่องด้านข้างเช่นกัน และแม้แต่ Ethereum ก็สามารถฟื้นราคาขึ้นมาได้บางส่วน ส่งผลให้ราคา ETH/USD ลดลงเพียง 5% ในช่วงเจ็ดวัน
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD นักลงทุนรายใหญ่ต่างมีความกังวลเกี่ยวกับเงินยูโรด้วยปัจจัยที่กล่าวไว้ข้างต้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในยุโรปยังไม่ถือว่าเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรที่มีค่าต่ำ ดัชนีกิจกรรม PMI ก็ไม่ลดลงอีกต่อไป และหลายๆ ปัจจัยส่งผลให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี่้ ตลาดยังกำลังรอการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามที่ธนาคารกลางยุโรปเคยให้สัญญาไว้ว่าจะดำเนินการในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปี 2019 สำหรับค่าเงินดอลลาร์ ในทางกลับกันนี้ โอกาสในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้แทบเป็นศูนย์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นก็ยังคงไม่แน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวิกฤติการณ์ทางการเมืองและการยุติการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันอาจส่งผลให้ค่า GDP ประจำปีลดลงประมาณ 0.5-0.75%
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้นักวิเคราะห์จำนวน 45 พูดถึงความเป็นไปได้ที่ค่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงในเทรนด์จากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิง โดยเป้าหมายถัดไปคือเส้นตรงกลางของช่องขาขึ้นที่โซน 1.1450 จากนั้นเป็น 1.1500 และต่อด้วย 1.1570 ในส่วนสัญญาณ 15% จากออสซิลเลเตอร์ทั้งหมดชี้ว่าราคาอยู่ในภาวะถูกขายมากเกินไปเป็นไปตามคำทำนายดังกล่าวเช่นกัน
ออสซิลเลเตร์อีก 85% รวมถึงดัชนีเทรนด์ 100% ในกรอบ H4 และ D1 มีสัญญาณเป็นสีแดง ในส่วนผู้เชี่ยวชาญจำนวน 55% ยืนยันว่าราคาคู่นี้จะขยับลงเช่นกัน โดยมีแนวรับที่ 1.1300, 1.1270 และ 1.1215
ผลการตัดสินใจในอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปจะออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นไปได้เกือบ 100% ที่อัตราดอกเบี้ยจะคงที่ อัตราดอกเบี้ยจึงไม่น่าจะส่งผลต่อราคาของคู่นี้มากเท่าใดนัก สิ่งที่น่าใจยิ่งกว่าคือการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ในรัฐสภาของสหราชอาณาจักร ซึ่งเธอจะประกาศแผนการณ์สำรองในการแยกตัวออกจากอียู
- GBP/USD โดยธรรมชาติแล้ว ทุกอย่างที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Brexit โดยตรงจะส่งผลกับคู่เงินปอนด์ และในที่นี่ก็มีแนวโน้มการเติบโตในหลายทาง ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินปอนด์เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและคาดการณ์ไม่ได้ในขณะนี้
โอกาสในการเลือกตั้งมีเท่าใดบ้าง? รัฐบาลของนางเทเรซ่าจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลของคอร์บินหรือไม่? “การแตกหัก” ออกจากอียูจะเป็นอย่างไร? และห้วงเวลาของการ “แยกตัว” ดังกล่าวจะถูกเลื่อนไปตามมาตราที่ 50 ของสนธิสัญญาอียูหรือไม่? จะมีโอกาสที่ประชาชนจะลงประชามติเป็นครั้งที่สองหรือไม่? และการลงประชามติครั้งนี้จะเป็นสาเหตุให้กับการชุมนุมและการประท้วงหรือเปล่า?
คำถามที่มากมายเหล่านี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนซึ่งส่งผลให้เกิดข่าวลือและข่าวสารเพื่อการเก็งกำไรมากมาย ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 40% เชื่อว่าราคาน่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้อีก ในขณะที่อีก 40% คาดการณ์แนวโน้มขาลง และอีก 20% แนะนำให้รอจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกนิด จึงรอติดตามพัฒนาการต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ระดับแนวรับอยู่ในโซน 1.2800-1.2830 และ 1.2615-1.2645 ระดับแนวต้านอยู่ที่ 1.2920, 1.3000 และ 1.3070 - USD/JPY ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) เห็นด้วยกับออสซิลเลเตอร์ 90% โดยคาดว่าเงินทุนจะมุ่งไปที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าและเงินเยนจะอ่อนค่าลงต่อไป ในกรณีนี้ ราคาอาจขยับขึ้นมาที่ระดับ 110.30 และขึ้นมาอีก 100-130 จุด ไปยังระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญของปี 2017-2018 ในโซน 111.55
ในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยนักวิเคราะห์จำนวน 40% การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และออสซิลเลเตอร์จำนวน 10% ให้สัญญาณว่าราคาถูกซื้อมากเกินไป และมีระดับแนวรับที่ 109.00 และ 107.75 - คริปโตเคอเรนซี ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาคู่ BTC/USD เทรดอยู่ในช่วงแคบๆที่ $3,570 - 3,800 บ่อยครั้งที่ให้สัญญาณการเคลื่อนที่ของราคาที่รุนแรง โดยนักวิเคราะห์จำนวน 45% เชื่อว่าราคาจะพยายามขยับตัดทะลุกรอบด้านล่างของช่องนี้ และหากทำสำเร็จ ราคาคาดว่าจะอ่อนค่าลงมาที่จุดต่ำสุดของปี 2018 ในโซน $3,200-3,250 ในส่วนผู้เชี่ยวชาญอีกกลุ่มหนึ่ง (55%) มองกลับกันว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น โดยมีเป้าหมายกลับไปที่ช่วง $3,850-4,215 เหตุผลสำหรับทัศนคติที่ดีเช่นนี้คือมูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตที่เพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของวันที่ 13 มกราคม ถือว่าเพิ่มขึ้นมา 5% เกือบถึงระดับ $130 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ