อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD สำหรับช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์ ค่าเงินยูโรเติบโตขึ้นเนื่องด้วยความคาดหวังว่าการแยกตัวออกจากอียูของอังกฤษจะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ราคาคู่นี้ขยับขึ้นไปเหนือเส้นกลางของช่องระยะกลางที่ 1.1300-1.1500 อย่างไรก็ตาม ในวันสุดท้ายของฤดูหนาว วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดูสดใสสำหรับดอลลาร์ ตัวเลขประมาณการค่า GDP ของสหรัฐฯ ของปี 2018 ปรากฏออกมาว่ามีค่าสูงกว่าตัวเลขที่ทำนายไว้อยู่มาก ดังนั้น ราคาจึงถอยตัวลดลง แต่ความสุขของตลาดหมีก็เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แรงหนุนในตลาดมีค่าต่ำทำให้ราคาไม่สามารถขยับมาใกล้กับระดับแนวรับที่ 1.1300 ได้สำเร็จ และหลังจากการประกาศดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของ ISM ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่าตัวเลขออกมาต่ำกว่าตัวเลขครั้งก่อนหน้า และแย่กว่าตัวเลขที่ทำนายไว้ จึงส่งผลให้ราคาขยับขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ราคาจะพยายามฝ่าผ่านแรงกระทิงอย่างไม่สำเร็จ ทำให้ราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.1365
- GBP/USD รัฐสภาอังกฤษได้เห็นชอบในข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ในการลงมติเงื่อนไขที่ทำให้อังกฤษไม่สามารถแยกตัวออกจากอียูได้โดยปราศจากข้อตกลง รวมถึงความจำเป็นในการเลื่อนกำหนดการแยกตัวออกจากอียูออกไปก่อน ทั้งนี้ โปรดคำนึงว่า: นี่ไม่ใช่การเลื่อนวัน Brexit แต่เป็นเพียงการแสดงความยินยอมของรัฐสภาเพื่อนำประเด็นสู่การลงมติ แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เติบโตขึ้นมา 300 จุดและแตะถึงระดับ 1.3350 ภายในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามคู่เงินยูโร: ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัว และตามมาด้วยสถิติที่น่าผิดหวังจากทางฝั่งสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ราคาปิดที่ระดับ 1.3200
- USD/JPY ราคาเงินเยนญี่ปุ่นในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับอิทธิพลจากปัจจัยที่ไม่พึงประสงค์สองประการ ปัจจัยแรก คือความต้องการในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของนักลงทุน และเงินทุนที่ไหลออกไปยังประเทศกำลังพัฒนา อีกปัจจัยก็คือ ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องด้วยผลสถิติเชิงบวกที่ประกาศออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 70% โหวตให้กับแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของเงินเยนและการขยับตัวสูงขึ้นของราคาไปที่ระดับ 111.50-112.50 เนื่องด้วยปัจจัยเหล่านี้ คำทำนายจึงปรากฏออกมาถูกต้องแม่นยำ และราคาทำสถิติสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 112.07 หลังจากนั้นจึงปิดตลาดห้าวันทำการที่ 111.90 - คริปโตเคอเรนซี เป็นไปตามที่มักเกิดขึ้นในตลาดแห่งนี้ ราคาก้าวกระโดดสูงสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ราคาก็เข้าสู่ภาวะนิ่งสงบในช่วงวันทำการปกติ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ บิทคอยน์ได้ดิ่งตัวขึ้นไปที่ระดับ $4,280 หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็ถอยกลับลงมาที่ $3,810 และกลับเข้าสู่การเคลื่อนที่ในช่องด้านข้างอยู่ในช่วงระดับ $4,000 ในขณะที่เหรียญติดอันดับสกุลอื่นๆ เช่น Ethereum, Litecoin, Ripple ฯลฯ ต่างมีลักษณะการเคลื่อนที่ในทำนองเดียวกัน ราคาคู่ LTC/USD และ XRP/USD ปิดตลาดรอบเจ็ดวันแทบจะที่ตำแหน่งเดียวกันกับจุดเริ่มต้น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่าไม่มีปัจจัยเกื้อหนุนจริงจังใดๆ ที่สามารถก่อให้เกิดเทรนด์กำลังแรงกระทบต่อทั้งตลาดได้
มูลค่ารวมเงินหมุนเวียนในตลาดของสัปดาห์นี้ลดลงมา 7.8% จาก $141 พันล้านดอลลาร์ เป็น $130 พันล้านดอลลาร์
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD สถิติชี้ให้เห็นว่าในปี 2018 เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 2.9% ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัญญาไว้ว่าในปี 2019 เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 3.0% ตามตรรกะแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ควรจำเป็นต้องกว้านซื้อเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความเห็นที่แตกต่างจากนายทรัมป์ของธนาคารเฟ็ดสหรัฐฯ ทำนายว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยและตัวเลข GDP จะลดลงเป็น 2.3% และหากเราพิจารณาคำยืนยันของธนาคารกลางยุโรปในตัวเลขการเติบโตที่มั่นคงของเศรษฐกิจยูโรโซนที่ 0.5% ในแต่ละไตรมาสของปี 2019 เราจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวดูจะไม่ค่อยชัดเจนอีกต่อไป
คำทำนายของนักวิเคราะห์ก็ดูมีความกำกวมเช่นเดียวกัน ความเห็นของนักวิเคราะห์แบ่งออกเป็น 50% ครึ่งต่อครึ่ง โดยครึ่งแรกเห็นด้วยกับแนวโน้มการเติบโตของราคา และอีก 50% เห็นด้วยกับแนวโน้มขาลง ในขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายมองว่าราคามีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วง 1.1300-1.1500 ซึ่งราคาได้ขยับมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2018 แน่นอนว่าราคาไม่น่าจะก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ช่วงสัญญาณออสซิลเลเตอร์จะมีความกว้างขึ้นเล็กน้อยที่ 1.1215-1.1570
หากเราขยับจากการวิเคราะห์รายสัปดาห์เป็นคำทำนายในระยะกลาง มีผู้สนับสนุนค่าเงินยูโรส่วนใหญ่ (65%) ทำนายว่าราคาจะเติบโตขึ้นไปที่โซน 1.1700-1.1800
ในส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีดัชนีมากกว่า 80% ให้สัญญาณเป็นสีเขียว แต่มีออสซิลเลเตอร์ 15% ในกรอบ D1 ที่ให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป สำหรับการวิเคราะห์กราฟ ปรากฏเป็นรูปการเคลื่อนที่ทรงคลื่นของราคาที่ช่วง 1.1215-1.1455 ในกรอบรายวัน
ในส่วนเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ นักเทรดควรให้ความสนใจกับผลการประชุมของธนาคารยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม ซึ่งภายหลังการประชุมน่าจะมีความชัดเจนขึ้นว่าใครจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารฯ คนต่อไป นอกจากนี้ ความผันผวนในตลาดอาจเพิ่มขึ้นจากการประกาศตัวเลข GDP ของยูโรโซนในวันพฤหัสบดีเดียวกัน และการประกาศสถิติตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม - GBP/USD แน่นอนว่าทัศนคติที่ดีต่อค่าเงินปอนด์ในสัปดาห์ที่แล้วเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น ประเด็นการเลื่อน Brexit ออกไปเป็นเพียงแค่การชะลอให้เกิดความล่าช้าและไม่ใช่ทางออกต่อปัญหาอย่างแท้จริง ซึ่งจะมีความชัดเจนว่าเหตุการณ์เบร็กซิทจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ภายในช่วงกลางเดือนนี้ ในวันที่ 12 มีนาคม จะมีการลงมติในข้อตกลงเป็นครั้งที่สอง และในกรณีที่นางเทเรซ่า เมย์ ล้มเหลวอีกครั้ง วันที่ 13 มีนาคม จะมีหยิบยกคำถามเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง หากรัฐสภาเห็นชอบในการตัดสินใจดังกล่าว ในวันถัดไป สมาชิกรัฐสภาจะสามารถลงมติเพื่อชะลอการเจรจา ซึ่งหมายความว่ากำหนดวัน Brexit จะถูกเลื่อนออกไปอีก
ไม่มีใครทราบถึงผลกระทบของ Brexit และการเลื่อนกำหนดออกไปว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอย่างไร แต่ ณ ขณะนี้ ตลาดหมีมีความได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย: นักวิเคราะห์ 60% ทำนายไว้ว่าราคาจะตกลงมาที่ระดับ 1.3115 พร้อมแนวรับถัดมาที่ 1.2965 และ 1.2830 ในส่วนผู้เชี่ยวชาญอีก 40% ที่เหลือเชื่อว่าค่าเงินปอนด์เมื่อผลักตัวออกจากแนบรับที่ 1.3200 จะยังคงสามารถขยับขึ้นมาแตะที่ระดับ 1.3315, 1.3470 และในระยะกลางที่ 1.3615 ได้ - USD/JPY ความต้องการในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนมาก (65%) คาดการณ์ว่าเงินเยนจะอ่อนค่าลง และราคาคู่นี้จะขยับขึ้นไปที่ระดับ 112.25-113.25 โดยเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ 114.20 ในส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ก็เห็นพ้องกับสถานการณ์คำทำนายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีออสซิลเลเตอร์ประมาณ 20% ในกรอบ H4 และ D1 ที่ให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในช่วงถูกซื้อมากเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งว่าราคาจะมีการปรับตัวอย่างค่อนข้างรุนแรงสู่ทิศทางขาลง ดังนั้น เมื่อเปลี่ยนเป็นคำทำนายรายเดือน จะเห็นว่ามีนักวิเคราะห์กว่า 70% ที่โหวตให้กับการกลับตัวของเทรนด์และการลดลงของราคาไปยังระดับ 110.25 โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 109.15
- คริปโตเคอเรนซี โดยทั่วไป แม้ว่าตลาดเงินคริปโตจะอ่อนตัวลงบ้าง ข่าวทั่วไปในแวดวงนี้ดูค่อนข้างเป็นบวก ภายหลังจากที่ JPMorgan ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารอเมริกันแห่งแรกที่เริ่มทดสอบเหรียญดิจิทัลเป็นของตนเอง ชื่อ JPM Coin นั้น ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยพัฒนาการโครงการในลักษณะเดียวกันจากทาง Facebook และ Telegram และการเริ่มใช้คริปโตเคอเรนซีใน WhatsApp อันจะส่งผลต่อประชากร 35% ของโลก ในสถานการณ์ดังกล่าว ผู้สนับสนุนเงินคริปโตทำนายว่าจะเกิดการดีดตัวของเงินดิจิทัลอีกครั้ง ดังเช่น นายเจสซี ลุนด์ รองประธาน IBM ด้านบล็อกเช่น ระบุว่าราคาของบิทคอยน์จะมีมูลค่าสูงกว่า $5,000 ภายในปี 2019 และจากนั้นราคาจะเริ่มขยับขึ้นอย่างรวดเร็วและถึงระดับ $1 ล้านดอลลาร์ในที่สุด
เป็นที่ชัดเจนว่าคำทำนายเกี่ยวกับ หนึ่งล้านดอลลาร์ต่อ 1 BTC ไม่ใช่เพียงแค่คำทำนายเท่านั้น แต่เป็นความฝัน แต่ในส่วนอนาคตอันใกล้นี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) มีทัศนคติที่ดีโดยมองว่าบิทคอยน์จะขยับขึ้นไปตั้งหลักเหนือระดับ $4,000 ขึ้นสู่โซน $4,300-4,600 อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ค่อนข้างมากอยู่ที่ 35% ซึ่งเชื่อว่าจะได้เห็นราคา BTC อยู่ที่ประมาณ $3,200-3,500
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ