อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรถูกหนุนขึ้นโดยดัชนี Euro Stoxx 600 ประกอบกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดรากิห์ นอกจากนี้ ยังปรากฏทัศนคติที่สดใสเกี่ยวกับเงื่อนไขการแยกตัวออกจากอียูของสหราชอาณาจักร (ที่อาจไม่ใช่การแยกตัว) ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ราคากลับมาแข็งตัวอีกครั้งที่ช่องระยะกลาง 1.1215 - 1.1570 ซึ่งราคาได้เคลื่อนที่ในช่วงดังกล่าวมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2018 และได้ขยับถึงเส้นตรงกลางที่ระดับ 1.1338 เมื่อวันพุธที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ปรากฏว่าเป็นวันที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับค่าเงินยูโร ในวันนี้เป็นที่ทราบกันว่ากำหนดการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในเดือนมีนาคมถูกเลื่อนกำหนดออกไป และอาจจะมีขึ้นในเดือนเมษายน ข่าวดังกล่าวส่งผลกระตุ้นความสนใจในค่าเงินดอลลาร์สำหรับนักลงทุน แม้จะเพียงชั่วคราวก็ตาม ทำให้ราคาแตะที่ระดับ 1.1345 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และในช่วงตลาดปิดทำการ ผลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่มีตัวเลขแข็งแกร่งส่งผลให้ราคาขยับต่ำลงมา 20 จุด ปิดที่ระดับ 1.1325 - GBP/USD ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าค่าเงินปอนด์อังกฤษจะแข็งตัวและราคาจะเติบโตขึ้นในเดือนมีนาคม โดยในอันดับแรกจะขึ้นไปที่ระดับสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์ (1.3350) จากนั้นจะขึ้นไปอีก 200 จุด คำทำนายนี้ปรากฏออกมาว่าถูกต้อง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสูงสุดของสัปดาห์อยู่ที่ 1.3380 และราคาปิดตลาดห้าวันทำการที่ระดับแนวต้านอันแข็งแกร่งที่ 1.3300
ช่วงความผันผวนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 420 จุด และหากคุณพิจารณากราฟราคา คุณจะเห็นว่ากราฟมีลักษณะคล้ายกับกราฟหัวใจที่คลื่นมีลักษณะขึ้นและลงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอน รัฐสภาของอังกฤษได้ลงมติคัดค้านการจัดให้มีการลงประชามติอีกครั้งและสนับสนุนให้เลื่อนกำหนด Brexit ออกไปเป็นวันที่ 30 มิถุนายน ในขณะเดียวกัน สถานการณ์การแยกตัวแบบ “ยาก” โดยไร้ข้อตกลงกับอียูก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน ณ ตอนนี้ นายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ จะต้องอ้อนวอนสหภาพยุโรปเพื่อขอเลื่อนกำหนด Brexit ออกไป แต่ท่าทีของอียูในเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นอีกคำถามหนึ่ง เนื่องจากทั้ง 27 ประเทศในอียูจะต้องให้ความยินยอมในเรื่องนี้ อีกทั้งยังไม่ปรากฏความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับใหม่ หากทุกฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุปได้เป็นเวลามานานกว่าสองปี แล้วพวกเขาจะสามารถทำอะไรได้ในอีกสามเดือนข้างหน้า? - USD/JPY ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ทำนายไว้ ราคาคู่นี้คงอยู่ในช่องขาขึ้น ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2019 และเกือบขยับถึงระดับ 112.00 โดยราคาอยู่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว 10 จุด แต่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น ก็สามารถยับยั้งการอ่อนค่าลงของเงินเยนได้สำเร็จ
ความสำเร็จทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นดูไม่ค่อยดีนัก ประเทศประสบกับภาวะการขาดดุลงบประมาณสูงสุดในรอบ 6 ปี และมีตัวเลขสินค้าส่งออกไปยังประเทศจีนลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปี ทั้งหมดนี้เนื่องมาจากการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในจีน ประกอบกับญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว ในขณะที่แผนการเพิ่มภาษีการขายในปี 2019 ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความหวังในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายคุโรดะให้ความเห็นว่าทุกอย่างไม่ได้ดูแย่ไปทั้งหมด เขากล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ว่า “ณ ขณะนี้ สถานการณ์หลักของเรากำลังรอคอยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและยูโรโซนในช่วงครึ่งหลังของปี และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเองก็มีการขยายตัวอย่างปานกลาง โดยเป้าหมายที่จะบรรลุระดับเงินเฟ้อที่ 2% ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” - คริปโตเคอเรนซี มีปรากฏการณ์ความย้อนแย้งทางปรัชญาที่มีชื่อเสียงชนิดหนึ่งเรียกว่า Buridan’s Ass ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบของอริสโตเติล นักปรัชญาชาวกรีกโบราณ และความหมายของสิ่งนี้อยู่ที่ปัญหาของทางเลือก มีเจ้าลาหนึ่งตัวกำลังจะตายจากความโหยหิวอาหารและลาตัวนี้กำลังยืนอยู่ที่ตรงกลางระหว่างกองฟางสองกองที่มีลักษณะเหมือนกัน แล้วมันควรเลือกกองไหน? ตามความย้อนแย้งนี้ เจ้าลาตัวนี้ไม่สามารถตัดสินใจได้และก็ตายตอนจบด้วยความหิวโหย
ในตลาดเงินคริปโตไม่มีลาตัวใด มีแต่กระทิงและหมี แต่ทั้งสองตัวนี้ก็เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในช่วงระดับเดียวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทิศทางไหนเพื่อรับกำไรที่เพียงพอ
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นเพียงการเปรียบเทียบ แต่ในความเป็นจริงราคาบิทคอยน์ก็ยังคงแข็งตัวอย่างต่อเนื่องที่ระดับ $3,900 และเป็นสัปดาห์ที่สามแล้วที่ความผันผวนสูงสุดยังไม่เกิน 200-300 จุด ผู้เชี่ยวชาญบางท่านจึงเรียกช่วงวงจรนี้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการสะสม และเป็นเพียงความสงบก่อนพายุ แต่ทว่าพายุที่ว่านี้คืออะไร?
ตามที่ทำนายไว้ คู่ BTC/USD เคลื่อนที่ในช่วง $3,850 - 4,050 ในสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับ Ethereum (ETH/USD) และ Litecoin (LTC/USD) ปรากฏความผันผวนเล็กน้อยอย่างคล้ายคลึงกัน มีเพียง Ripple (XRP/USD) เท่านั้นที่มีการดีดตัวของราคาบ้าง แม้ว่าท้ายที่สุดราคาก็นิ่งตัวลงและกลับมาอยู่ในช่วงปกติ
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ในทางหนึ่ง การชะลอตัวในตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจะส่งผลดีต่อค่าเงินยูโร ในอีกทางหนึ่งนั้น คำข่มขู่ของนายทรัมป์ที่จะเปิดศึกสงครามการค้ารอบใหม่กับอียูกำลังส่งสัญญาณเตือนกับค่าเงินยูโร ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) จึงเชื่อว่าราคาคู่นี้จะยังคงพยายามปรับสมดุลอยู่ในช่วง 1.1215 - 1.1570 ในขณะเดียวกัน ข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับ Brexit จะส่งผลให้ราคาเติบโตขึ้นไปที่กรอบด้านบนในช่วงดังกล่าว โดยมีแนวต้านกำลังแรงที่ใกล้ที่สุดในโซน 1.1400 และแนวต้านถัดไปอยู่ถัดขึ้นมาอีก 100 จุด
ในวันพุธที่ 20 มีนาคมนี้ จะมีการประกาศผลการตัดสินใจในอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฟดสหรัฐฯ และการแถลงข่าวตามธรรมเนียมโดยประธานธนาคารกลางฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเกี่ยวกับผลอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะคงที่ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (605) เชื่อว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปจะมีขึ้นในเดือนกันยายนเท่านั้นหรืออาจหลังจากนั้น แต่การแถลงข่าวของนายพาวเวลล์อาจส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนในคำทำนายดังกล่าว และราคาอาจกลับลงมาในทิศใต้ โดยตัดทะลุกรอบด้านล่างของช่องที่ 1.1215 และกลับมาสู่จุดต่ำสุดของวันที่ 7 มีนาคมที่ 1.1175 ทั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญประมาณ 15% ยังคงไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ราคาอาจจะลดตัวลงมายังช่วง 1.1000 - 1.1100 ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้
- GBP/USD ในวันอังคารที่ 19 มีนาคม และวันพุธที่ 20 มีนาคมนี้ จะมีการประกาศดัชนีเศรษฐกิจมหภาคในสหราชอาณาจักร และในวันพฤหัสบดีที่ 21 จะมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางอังกฤษ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มีความสำคัญน้อยลงเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับ Brexit ซึ่งจะมีการลงมติในรัฐสภาอีกครั้งว่าด้วยข้อตกลงกับอียูในวันที่ 20 มีนาคม และแน่นอนว่าจะส่งผลให้ราคามีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยนคู่นี้ปิดตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมาในโซนระดับแนวต้านกำลังแรงที่ระดับ 1.3300 ซึ่งราคาได้พยายามจะตัดทะลุระดับดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว ไม่ว่าโซนนี้จะผันตัวกลายเป็นระดับแนวรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการประชุมของรัฐสภาอังกฤษว่าจะจบลงอย่างไร และการให้สัญญาณจากธนาคารกลางอังกฤษในวันถัดมา ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จำนวน 70% ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยดัชนีเทรนด์ 90% และออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ให้สัญญาณเชิงบวก ชี้ว่าราคาน่าจะสามารถขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.3470 ได้สำเร็จ และมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 1.3600
อีกมุมมองทางเลือกหนึ่งได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 30% ซึ่งมองว่าค่าเงินปอนด์หมดกำลังลงแล้ว และราคากำลังจะประสบกับการเคลื่อนที่ในช่องด้านข้างที่ 1.2960 - 1.3300 โดยมีระดับแนวรับ/แนวต้านที่ 1.3080 และ 1.3200 - USD/JPY คำทำนายพื้นฐานสำหรับคู่นี้ยังคงเหมือนเดิม นักวิเคราะห์จำนวน 75% เชื่อว่าเทรนด์ขาขึ้นจะดำเนินต่อไป และราคาจะสามารถตัดทะลุระดับ 112.00 ได้สำเร็จ จากนั้นคาดว่าราคาจะเคลื่อนที่ในช่องด้านข้างที่ 112.25 - 113.70 ตามที่เคยเคลื่อนที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมที่ผ่านมา
คำทำนายจากการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ดูค่อนข้างคับแคบ: คาดว่าราคาจะขยับในช่องด้านข้างในช่วง 111.35 - 112.70
สำหรับดัชนีกว่า 70% ทั้งในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณเป็นสีเขียว อีก 20% ให้สัญญาณสีเทากลาง และอีกเพียง 10% ให้สัญญาณเป็นสีแดง
ในกรณีที่เทรนด์มีการกลับตัว ระดับแนวรับจะอยู่ที่ 109.10, 110.25 และ 110.75 - ค่าเงินคริปโตเคอเรนซี หากคุณดูกราฟราคาบิทคอยน์ คุณจะรู้สึกสังหรณ์ว่าใจว่าอาจจะมีปรากฏการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อพิจารณาช่วงกราฟตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ความผันผวนที่ค่อยๆ ลดลงส่งผลให้ราคาแข็งตัวอย่างสงบ และท้ายที่สุดราคาตกลงมาเกือบ 45% จาก $6,500 เหลือเพียง $3,660
แล้วตอนนี้มาลองพิจารณาช่วงกราฟตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงปัจจุบัน คุณจะเห็นภาพในลักษณะที่เหมือนกัน: ความผันผวนที่ค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ภาวะแข็งตัว ภาวะสงบ แต่ผลลัพธ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่เป็นที่ทราบกัน ตลาดเงินคริปโตขึ้นชื่อในเรื่องที่คาดการณ์ไม่ถึง แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญ 70% โหวตว่าราคา BTC/USD จะตกลงมาต่ำกว่าระดับ $3,000 ในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ตาม
สำหรับคำทำนายในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง: มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะยังคงขยับในช่วง $3,900 โดยมีความผันผวนในช่วง 200-300 จุดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทั้งนี้ควรคำนึงว่าข้อกำหนดการเทรดที่นำเสนอโดยบริษัทโบรกเกอร์ NordFX ทำให้การเทรดทำกำไรวันต่อวันเป็นไปได้ แม้จากค่าความผันผวนที่น้อยที่สุดของคริปโตเคอเรนซี การเทรดมีให้บริการบนแพล็ตฟอร์ม MT4 และ MT5 ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มที่นักเทรดคุ้นเคย มีค่าคอมมิชชั่นต่ำ และด้วยเงินเพียง $100 สำหรับ MT5 หรือ $300 สำหรับ MT4 ก็เพียงพอสำหรับการเปิดตำแหน่งซื้อหรือขายที่ปริมาณ 1 บิทคอยน์ (1 ล็อต)
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ