อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD ธนาคารเฟ็ดสหรัฐฯ ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% และจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกต่อไปในปีนี้ ธนาคารเฟ็ดยังได้ลดตัวเลขการคาดการณ์ค่า GDP สหรัฐฯ และระดับเงินเฟ้อ อีกทั้งได้ปรับเพิ่มตัวเลขอัตราการว่างงานที่คาดการณ์สำหรับปี 2019-2021
ท่าทีดังกล่าวและคำแถลงการณ์ของธนาคารกลางอเมริกันช่วยยืนยันการเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลในทางลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ค่าเงินดอลลาร์จึงลดลงมาที่ระดับ $1.1447 ต่อ 1 ยูโร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม แต่หลังจากนั้น แทนที่ราคาจะลดต่ำลงต่อ ราคากลับฟื้นตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั้งหมด โดยเฉพาะกับยูโร สาเหตุเกิดจาตัวเลขสถิติที่น่าผิดหวังจากฝั่งเยอรมนี ตัวเลขดัชนี PMI (ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิต) ในเดือนกุมภาพันธ์มีค่าเพียง 44.7 แทนตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 48.0 ข่าวดัชนีนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกอีกครั้งและนำไปสู่การอ่อนค่าลงของเงินยูโร รวมถึงการลดต่ำลงอย่างฉับพลันในตลาดหุ้นและพันธบัตร โดยคู่ EUR/USD เสียมูลค่า 175 จุดในสองวัน จากนั้นก็ฟื้นตัวเล็กน้อยและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.1300 - GBP/USD เหตุการณ์ Brexit ขั้นสุดท้ายถูกชะลอออกไป ทำให้แนวโน้มสุดท้ายของเงินปอนด์ก็ถูกชะลอออกไปด้วยเช่นกัน ค่าเงินปอนด์อังกฤษเสียตำแหน่งประมาณ 300 จุดในช่วงสี่วันแรกของสัปดาห์ เข้าใกล้กับระดับ 1.3000 อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงจากประธานธนาคารเฟ็ดสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ และแนวโน้ม “ความช่วยเหลือ” จากอียู มีส่วนซื้อเวลาให้กับนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ จนถึงวันที่ 12 เมษายน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ทุกฝ่ายยอมรับในข้อตกลงของเธอ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ขยับออกจากจุดต่ำสุดเพียงเล็กน้อยและปิดตลาดห้าวันทำการใกล้กับระดับแนวรับ/แนวต้านที่ 1.3200
- USD/JPY ต่างจากคู่เงินยูโร ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นความสำเร็จของเงินเยนญี่ปุ่น ท่ามกลางการคาดการณ์ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การทบทวนการทำนายตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค และการลดลงของมูลค่าหุ้นและพันธบัตรในสหรัฐฯ และยุโรป ราคาคู่นี้ได้ตกลงมาที่ระดับ 109.70 ภายในช่วงกลางวันของวันศุกร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา และราคาปิดตลาดที่ 109.90
- คริปโตเคอเรนซี กูรูทั้งหลายยังคงพยายามสะกดจิตคนทั่วไปด้วยคำทำนายราคาขาขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังจะมาถึง นักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน นายทิม เดรเปอร์ เชื่อว่าการแปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่มาสู่คริปโตเคอเรนซีจะเริ่มต้นขึ้นในอีกประมาณสองปีข้างหน้า และนายทอม ลี นักวิเคราะห์ทางการเงินและผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat Global Advisors ได้ให้คำทำนายระยะสั้นกว่า โดยกล่าวในบทสัมภาษณ์กับ CNBC ถึงแนวโน้มหมีในตลาดบิทคอยน์จะถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มกระทิงภายในหกเดือน จุดเปลี่ยนดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม และค่าเงิน BTC อาจขยับถึง $10-20,000 ได้อย่างง่ายดาย
ในทางตรงกันข้าม ก็มีทัศนคติในแง่ลบปรากฏเช่นกัน เช่น ตลาดตราสารอนุพันธ์ชิคาโก (CBOE) ซึ่งเคยเปิดให้บริการการเทรดฟิวเจอร์สบิทคอยน์ ขณะนี้ได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มสัญญาใหม่
ท่ามกลางข่าวดังกล่าวและเป็นไปตามที่เราได้ทำนายไว้ ราคา BTC/USD ไม่สามารถทะลุระดับ $4,150 ขึ้นไปได้สำเร็จ ความหวังเดียวของนักลงทุนก็คือราคาไม่ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ $4,000 ตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้เราสามารถพูดถึงแนวโน้มขาขึ้น แม้จะเป็นแนวโน้มที่ดูอ่อนแรงก็ตาม
นอกจากนี้ Litecoin (LTC/USD) ยังไม่ออกจากช่องขาขึ้น ในขณะที่ Ethereum (ETH/USD) กำลังแข็งตัวที่ระดับ $139.00 และสำหรับ Ripple (XRP/USD) มีจุดวกกลับในรอบ 10 สัปดาห์ที่อยู่ที่ระดับ $0.318
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD สถานการณ์กับคู่นี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็นความไม่แน่นอนอย่างสมบูรณ์ ในทางหนึ่ง ตัวเลข GDP ที่ชะลอตัวในสหรัฐฯ และอีกทางหนึ่งคือความผิดหวังจากแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนี การปฏิเสธของธนาคารเฟ็ดในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยก็ส่งผลเสียต่อค่าเงินดอลลาร์ อีกทั้งความไม่แน่นอนที่ยังไม่จบสิ้นกับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากอียูก็ส่งผลลบต่อค่าเงินยูโร ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รอบสิบปีอยู่ที่ระดับต่ำสุดของปี แต่ผลตอบแทนพันธบัตรสิบปีของเยอรมนีอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 0% ในส่วนดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ตกลงมา 0.5% และดัชนีหุ้นยุโรปเป็นสีแดง โดยดัชนีหุ้นหลักตกต่ำลงโดยรวมกว่า 1%
แต่เหตุการณ์ก็สามารถพลิกกลับไปมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่คือเหตุผลว่าทำไมคะแนนเสียงของผู้เชี่ยวชาญในสัปดาห์นี้จึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง 50 ต่อ 50 อย่างเท่าๆ กัน ทั้งนี้ควรคำนึงว่าเมื่อปรับมาที่คำทำนายระยะกลาง พบว่านักวิเคราะห์กว่า 70% ได้โหวตให้กับแนวโน้มกระทิง
ในส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ชี้ว่าราคาจะขยับในตอนแรกไปที่ระดับ 1.1380 ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ จากนั้นราคาจะตกลงมาที่ระดับ 1.1175 หลังจากนั้น ราคาคาดว่าจะกลับไปสู่ช่วงจำกัดในระยะกลางที่ 1.215 -1.1570
สำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ เราจะให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดรากิห์ ในวันพุธที่ 27 มีนาคม รวมถึงการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีและสถิติตัวเลข GDP ประจำปีของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม นอกจากนี้ ตามคำทำนายดังกล่าว ค่า GDP ที่แท้จริงอาจต่ำกว่าตัวเลขในครั้งก่อนหน้า 0.2% - GBP/USD นายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ขอให้สหภาพยุโรปชะลอการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากอียูจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2019 อย่างไรก็ตาม อียูได้ออกมาแถลงแล้วว่าระยะการชะลอตัวควรยาวนานกว่านั้น มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีการชะลอตัวใดๆ ทั้งสิ้น การเปลี่ยนผ่านของ Brexit ในระยะเวลาอันสั้นเป็นทางเลือกที่ไม่เป็นที่ปรารถนา เนื่องจากจะยิ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างยาวนานที่ทุกฝ่ายก็ต่างเหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว และอาจส่งผลเป็นแรงกดดันต่อเงินปอนด์อังกฤษได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) เชื่อว่าราคาคู่นี้จะทดสอบระดับที่ 1.3000 อีกครั้ง และในกรณีที่ทะลุราคาได้สำเร็จ ราคาจะขยับถึงระดับต่ำสุดของวันที่ 11 มีนาคมที่ 1.2955
อีกมุมมองทางเลือกหนึ่งจะขึ้นอยู่กับการประกาศข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับประเด็น Brexit ซึ่งในกรณีดังกล่าว ราคาสามารถขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.3310 โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1.3350 และ 1.3445
- USD/JPY ทั้งดัชนีเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ในกรอบ H4 และ D1 ล้วนให้สัญญาณเป็นสีแดง อย่างไรก็ตาม สัญญาณ 15% จากออสซิลเลเตอร์ในทั้งสองกรอบเวลาบ่งชี้แล้วว่าราคาอยู่ในช่วงถูกขายมากเกินไป ในขณะที่การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เทรนด์จะวกกลับไปยังทิศเหนือ ตามการวิเคราะห์กราฟพบว่าราคาอาจจะกลับไปสู่โซน 110.75 - 112.15
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ดังนี้: 50% ได้โหวตว่าราคาจะถดถอยลงมา ในขณะที่ 30% มองว่าราคาจะกลับตัวขึ้นทิศเหนือ และอีก 20% โหวตให้กับเทรนด์ด้านข้าง ในส่วนการก่อตัวของเทรนด์คาดว่าจะเป็นไปตามที่เคยเกิดขึ้นในระยะหลังนี้ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากข่าวเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และผลดัชนีเศรษฐกิจมหภาคจากทางฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งอาจสนับสนุนหรือปฏิเสธความเป็นไปได้ของการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ - คริปโตเคอเรนซี มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ระดับของเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยเมื่อวันพุธที่ 20 มีนาคม มูลค่ารวมในตลาดอยู่ที่ $141.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความเป็นไปได้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลาอันยาวนานที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำทำนายที่ดูไม่หม่นหมองอีกต่อไป และมีทัศนคติที่ดีแบบปานกลาง ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมองว่าราคา BTC/USD จะไม่ถอยลงไปต่ำกว่าระดับ $3,900 ในสัปดาห์หน้า แต่ราคาจะพยายามที่จะตัดทะลุแนวต้านที่ระดับ $4,200 ให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาคำทำนายในระยะกลางแล้ว สมดุลของอำนาจมีความเปลี่ยนแปลงไป และในที่นี้พบว่ามีนักวิเคราะห์กว่า 70% โหวตให้กับแนวโน้มตลาดหมี โดยคาดว่าราคาจะลดลงต่ำกว่าระดับ $3,000 ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ