อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD แม้ว่าตัวเลข GDP จะลดลง ดอลลาร์สหรัฐกลับดูมีความเชื่อมั่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสัปดาห์ที่ผ่านมา และนี่ไม่ใช่เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือธนาคารเฟ็ดแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปว่าจะออกจากทางตันที่พาตนเองเข้ามากันได้อย่างไร ซึ่งเป็นเหตุผลหลัก
ความคลุมเครือในเหตุการณ์ Brexit ค่อยๆ เพิ่มแรงกดดันให้กับค่าเงินยูโร ซึ่งอ่อนค่าลงมาตลอดทั้งสัปดาห์ และทุกความพยายามของฝั่งตลาดกระทิงที่จะพลิกทิศทางเทรนด์กลับชะงักอยู่เพียงที่เส้นแนวต้านขาลง (1.1447 - 1.1230) โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก่อนการลงมติในสภาสหราชอาณาจักร ราคาได้เคลื่อนที่ในช่องด้านข้าง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม เป็นต้นมา ราคาได้เสียตำแหน่งประมาณ 235 จุด คงระดับต่ำสุดที่ 1.1209 ใกล้กับแนวรับ/แนวต้านที่ 1.1200 - GBP/USD ชาวกรีกโบราณไม่ได้ขนานนามอังกฤษว่าเป็นดินแดนแห่งหมอกอัลเบียน (Foggy Albion) อย่างเสียเปล่า สหราชอาณาจักรเองปล่อยให้เหตุการณ์ Brexit ปกคลุมด้วยหมอกหนาจนไม่สามารถที่จะมองเห็นถนนทอดยาวข้างหน้าจากอียูได้แม้แต่เล็กน้อย
จากเหตุการณ์เมื่อท้ายวันศุกร์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เราสามารถสรุปได้ว่า สภาอังกฤษได้ลงมติสามครั้งคว่ำข้อตกลงกับอียูของนางเทเรซ่า เมย์ และสภาได้ลงมติคัดค้านการถอนตัวโดยไร้ข้อตกลงเช่นกัน ทั้งนี้ รัฐบาลต้องกำหนดแผนในอนาคตภายในวันที่ 12 เมษายนนี้หรือการถอนตัวโดยไร้ข้อตกลง (แต่รัฐสภายังคงต่อต้านแนวทางนี้) นางเทเรซ่า เมย์ น่าจะเสนอการขยายห้วงเวลาการแยกตัว Brexit ตามมาตราที่ 50 ของสนธิสัญญาสหภาพยุโรป แต่นั่นหมายความว่าอังกฤษจะยังคงต้องมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งยุโรป ซึ่งก็ถูกคัดค้านโดยสมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน
ยุโรปเองก็ไม่รู้ว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนเช่นนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลให้เกิดการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอียูฉุกเฉินขึ้น และค่าเงินปอนด์อังกฤษก็ถอยต่ำลงมาที่กรอบด้านล่างของช่องด้านข้างในรอบห้าสัปดาห์ที่ 1.2960-1.3350 แต่ไม่ทะลุกรอบดังกล่าว โดยราคาพยายามฟื้นตัวขึ้นมา 55 จุดในเวลาต่อมาและปิดตลาดห้าวันทำการที่ระดับ 1.3030 - USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและความต้องการในความเสี่ยงของนักลงทุนที่ไม่ลดลงส่งผลต่อค่าเงินเยน ในครั้งที่แล้วมีออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณในปลายสัปดาห์ก่อนหน้าแล้วว่าคู่นี้อยู่ในภาวะถูกขายมากเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างแม่นยำว่าจะมีการกลับตัวของเทรนด์และการวิเคราะห์กราฟก็ให้สัญญาณว่าราคาจะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 110.75 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ โดยราคาผลักตัวขึ้นไปในทิศทางเหนือจากระดับ 109.70 ถึง 110.90 ก่อนที่จะปิดตลาดที่ 110.85
- คริปโตเคอเรนซี บทวิเคราะห์ของเราในสัปดาห์ที่แล้วกล่าวว่า ท่ามกลางการไม่ปรากฏข่าวสำคัญใดๆ ราคา BTC/USD จะไม่ตกลงต่ำกว่าระดับ $3,900 แต่ราคาจะพยายามดีดตัวขึ้นทะลุแนวต้านในโซน $4,200 และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ราคาได้ตั้งหลักระดับต่ำสุดอยู่ที่ $3,938 เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม ก่อนที่ราคาจะค่อยๆ ขยับขึ้นตลอดวันที่เหลือของสัปดาห์ โดยขยับถึง $4,190 ภายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาปิดตลาดในรอบสองสัปดาห์ที่ระดับเดียวกับจุดที่เคยเริ่มต้น
ตาม Bitcoin มาติดๆ Ethereum (ETH/USD) และ Litecoin (LTC/USD) แสดงกราฟที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยราคาฟื้นตัวจากที่เคยดิ่งลงไปขึ้นมาเกือบ 100% มีเพียง Ripple (XRP/USD) เท่านั้นที่ราคาไม่สามารถกลับมาสู่ระดับสูงสุดของเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ $0.328 ได้ และราคาหยุดอยู่ต่ำกว่าจุดกลับตัวในรอบ 10 สัปดาห์เล็กน้อยที่ $0.318
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD หากราคาสามารถทะลุระดับแนวรับที่ 1.1200 ราคาจะสามารถถอยตัวลดลงต่อไป ในส่วนนักวิเคราะห์จำนวน 75% ดัชนีเทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 90% ในกรอบ H4 และ D1 เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้ โดยเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ราคาต่ำสุดของปี 2018-19 ที่เคยบันทึกไว้เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ระดับ 1.1175 และมีแนวรับถัดไปต่ำลงมา 50 จุด
แต่ถึงแม้ว่าแนวโน้มกระทิงจะดูได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างก็ยังไม่แน่นอนทีเดียวนัก ในขณะนี้ มีสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์ปรากฏแล้ว 10% ว่าราคาอยู่ในช่วงถูกขายมากเกินไป ในส่วนการวิเคราะห์กราฟใน D1 ก็ให้ภาพว่าราคาจะไม่สามารถตัดทะลุแนวรับหลักที่ 1.1175 ได้สำเร็จและน่าจะกลับมาที่ระดับ 1.1340 ในส่วนระยะกลาง มีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 60% เห็นด้วยว่าราคาจะกลับมาสู่ช่วง 1.1300 - 1.1500
สำหรับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ นักลงทุนควรให้ความสนใจกับการประกาศสถิติจากตลาดผู้บริโภคในยูโรโซนและสหรัฐอเมริกาในวันจันทร์ที่ 1 เมษายนนี้ รวมถึงข้อมูลจากตลาดแรงงานสหรับฯ (รวมถึงดัชนี NFP) ซึ่งจะมีการประกาศในวันศุกร์ที่ 5 เมษายน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจำนวนตำแหน่งงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับตัวเลขของเดือนกุมภาพันธ์ จาก 20K เป็น 175K แม้ว่าอัตราการเติบโตในรายได้เฉลี่ยยังคงที่ระดับเดิม ข้อมูลดังกล่าวน่าจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงว่าบ่อยครั้งที่ตลาดจะพิจารณาคำทำนายเหล่านี้ล่วงหน้าในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเสมอ
- GBP/USD ณ ขณะที่เขียนบทวิเคราะห์นี้ คำทำนายสำหรับคู่ GBP/USD แทบจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับคำทำนายของ EUR/USD เช่นเดียวกันมุมมองตลาดหมีซึ่งเป็นของผู้เชี่ยวชาญกว่า 75% และสัญญาณสีแดงจากดัชนีต่างๆ โดยนอกเหนือไปจากความคลุมเครือใน Brexit แล้ว สหราชอาณาจักรยังประสบกับภาวะขาดดุลทางการค้าอย่างรุนแรง มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และค่าเงินปอนด์กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่น่ากลัว ซึ่งเป็นผลให้นักลงทุนพยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
ค่าเงินปอนด์ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ใกล้กับระดับแนวรับ/แนวต้านหลักที่ 1.3000 แต่ต่างจากยูโรตรงที่เงินปอนด์ยังคงอยู่ห่างจากระดับต่ำสุดของปี 2018-19 ดังนั้น หากราคาทะลุต่ำกว่า 1.3000 ลงไปจะเป็นการเปิดทางให้ราคาตกลงมาที่แนวรับ 1.2830 และ 1.2770
ความคล้ายคลึงกับยูโรในสัปดาห์นี้เป็นที่น่ากังวลสำหรับทั้งแนวโน้วตลาดหมีและกระทิง ในที่นี้ ออสซิลเลเตอร์จำนวน 10% ให้สัญญาณภาวะถูกขายมากเกินไป และการวิเคราะห์กราฟแสดงให้เห็นว่าหลังจากราคาตกลงมาที่ระดับ 1.2960 ราคาจะกลับตัวขึ้นและมุ่งหน้าไปที่ระดับตรงกลางของกรอบด้านข้างในรอบห้าสัปดาห์ที่ 1.2960 - 1.3350 ในโซน 1.3150 - USD/JPY การเคลื่อนที่ของราคาที่จะมาถึงอาจถูกจำกัดที่ช่วง 109.70-112.15 โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ตรงกลางของช่วงดังกล่าว และคำถามที่มีอยู่ก็คือราคาจะเคลื่อนที่ไปในในทิศทางใดต่อไป ขึ้นหรือลง
ดัชนีเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ให้ภาพทิศทางเหนือที่ H4 ในขณะที่ในกรอบ D1 พบว่ามีท่าทีเป็นกลาง ในขณะเดียวกัน ออสซิลเลเตอร์จำนวน 15% ในกรอบ H4 ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป
สำหรับความเห็นของนักวิเคราะห์จำนวน 65% ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 โหวตให้กับแนวโน้มตลาดหมี และ 35% ประกอบกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 โหวตให้กับชัยชนะของตลาดกระทิง - คริปโตเคอเรนซี ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมของปีที่แล้ว มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเติบโตขึ้นเกือบ 40% ได้ขยับถึงระดับสูงสุดที่ $143.366 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีและให้ความหวังว่าบิทคอยน์จะสามารถขยับทะลุระดับแนวต้านที่ $4,200 และตั้งหลักในช่วง $4,200-4,280 ต่อไปได้สำเร็จ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญเกือบ 65% เห็นด้วยกับคำทำนายนี้ โดยระบุเป้าหมายถัดไปของตลาดกระทิงที่โซน $4,365-4,385 ซึ่งระดับสูงสุดของเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปี 2018 อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่าเมื่อพิจารณาคำทำนายในระยะกลางพบว่าสมดุลของอำนาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในที่นี้มีนักวิเคราะห์จำนวน 70% โหวตกับแนวโน้มตลาดหมี คาดว่าราคาจะลดตัวลงมาที่ระดับ $3,000
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ