อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD ตามที่เคยกล่าวไปในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้ว ค่าเงินยูโรได้กลับมาสู่ในช่วงขาลงรอบสี่เดือน และผู้เชี่ยวชาญจำนวน 70% ซึ่งสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟมองว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ค่าเงินยูโรจะยังคงสูญเสียตำแหน่งอย่างต่อเนื่องและจะตกลงไปที่โซนต่ำสุดของปี 2019 ที่ 1.11175 - 1.1185 โดยการประกาศตัวเลขสถิติเศรษฐกิจที่สำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ยิ่งกดราคายูโรต่ำลงตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งส่งผลให้คำทำนายดังกล่าวเป็นจริง โดยราคาได้ขยับลงไปกว่าที่คาดการณ์ไว้และลงไปที่ระดับ 1.1110 ในช่วงกลางวันของวันศุกร์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา
ในส่วนสถิติเศรษฐกิจมหภาคที่ประกาศออกมาปรากฏว่ามีตัวเลขค่อนข้างดี คำสั่งซื้อสินค้าทุนขยับจาก 0.1% เป็น 1.3% ในขณะที่ค่า GDP เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสก่อนหน้า (3.2% เทียบกับ 2.2%) อย่างไรก็ตาม ตลาดถือว่าได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งต่างๆ ถูกปิดลงก่อนช่วงวันสุดสัปดาห์และหลังจากราคามีการปรับตัวเล็กน้อย ราคาคู่นี้ก็ได้ปิดตลาด ณ จุดสุดท้ายที่ระดับ 1.1147 - GBP/USD คำทำนายสำหรับคู่นี้ค่อนข้างแม่นยำเช่นกัน ในครั้งที่แล้วมีผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (75%) ได้โหวตว่าราคาจะสามารถขยับถึงระดับแนวรับในระยะกลางที่ 1.2975 ได้สำเร็จ และราคาก็จะรีบเคลื่อนที่ต่อไปที่โซน 1.2770-1.2830
ซึ่งนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง: เมื่อวันอังคารที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ราคาได้ตัดทะลุระดับแนวรับและดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ราคาต่ำสุดของสัปดาห์อยู่ที่ 1.2865 และราคาปิดตลาดห้าวันทำการที่ระดับ 1.2915 - USD/JPY ความเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับพฤติกรรมของคู่นี้ในสัปดาห์ที่แล้วมีเสียงแตกออกเป็นหลายกลุ่มเท่าๆ กัน: หนึ่งในสามโหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้น หนึ่งในสามโหวตขาลง และอีกหนึ่งในสามโหวตว่าเทรนด์จะเป็นไปในทิศทางด้านข้าง และบางครั้งเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้น คำทำนายที่ดู “ไม่ชัดเจน” ปรากฏว่าเป็นคำทำนายที่ถูกต้องมากที่สุด โดยในช่วงต้น ราคาได้ขยับในช่องด้านข้างแคบๆ ที่มีความผันผวนเพียง 15 จุดเท่านั้น จากนั้นความผันผวนเริ่มขยายตัวอย่างช้าๆ และราคาได้ไต่ขึ้นมาถึงระดับ 112.40 และจากนั้นอาจเป็นเพราะการอ่อนค่าลงของคู่เงินหยวน (USD/CNY) ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงกับเงินเยนญี่ปุ่นเช่นกัน ราคาจึงตกลงมาที่ระดับ 111.35 หลังจากนั้นราคาก็กลับขึ้นมาที่ 111.60 และเสียตำแหน่งไปทั้งหมดประมาณ 30 จุดในสัปดาห์นี้
- คริปโตเคอเรนซี ตามที่เคยได้กล่าวไว้หลายครั้ง การเคลื่อนที่ของเงินคริปโตส่วนใหญ่จะถูกกระตุ้นโดยข่าวต่างๆ ในขณะเดียวกันมีผู้เชี่ยวชาญ 65% เชื่อว่า แม้ท่ามกลางข่าวดี คู่ BTC/USD ก็จะยังคงไม่สามารถตัดทะลุระดับแนวต้านที่ $5,500 ได้สำเร็จในอนาคตอันใกล้นี้ ในกรณีที่มีข่าวในแง่ลบเพิ่มขึ้น ตลาดหมีจะยิ่งพยายามกดราคาให้ต่ำลงมาที่ระดับแนวรับ $4,600
โดยทั่วไปแล้วคำทำนายนี้อาจถือว่าถูกต้อง ซึ่งในช่วงกลางสัปดาห์ได้เกิดความพยายามหลายครั้งที่จะขึ้นไปตั้งหลักเหนือกรอบด้านบน และราคาก็ขึ้นไปอยู่ที่ $5,650 อยู่ชั่วขณะ แต่หลังจากปรากฏข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายนว่าสำนักงานอัยการนิวยอร์กได้กล่าวหาว่าตลาดเงินคริปโต Bitfinex ว่ามีการปกปิดซ่อนเร้นเงินลูกค้าและเงินบริษัทที่หายไปกว่า $850 ล้านดอลลาร์ ราคาบิทคอยน์ก็เริ่มถอยลดลง โดยราคา BTC ในตลาดแลกเปลี่ยนบางแห่งตกลงมาถึงระดับ $4,600 และที่ Bitfinex เองนั้น ราคาลดลงมาหยุดที่ $5,065
ฝ่ายบริหารของตลาด Bitfinx เองปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและระบุว่ายอดเงินดังกล่าวไม่ได้หายไปไหน แต่ได้ถูกยึดเอาไว้ และตลาดก็พยายามทุกหนทางที่จะคืนเงินจำนวนดังกล่าวและตั้งใจที่จะชี้แจงทุกข้อกล่าวหาในศาล ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะมีข้อยุติอย่างไร แต่ในระหว่างนี้ ราคาได้กลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงต้นของสัปดาห์ที่ $5,370
สำหรับอัลท์คอยน์สกุลอื่นๆ ภายหลังการทรุดตัวก็แตกต่างจากบิทคอยน์ โดยอัลท์คอยน์เหล่านี้ไม่สามารถฟื้นตัวตำแหน่งที่ขาดทุนได้ทั้งหมด Ethereum (ETH/USD) เสียมูลค่าประมาณ 9.5% ในระหว่างสัปดาห์ ในขณะที่ Litecoin (LTC/USD) ตกลงมา 11.0% และ Ripple (XRP/USD) เสียมูลค่าเกือบเท่ากัน (10.4%)
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ผลงานที่ค่อนข้างดีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความกังวลที่เพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจยูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนีกำลังบังคับให้นักลงทุนเข้าหาความคุ้มครองจากเงินดอลลาร์ เพื่อปกป้องตนเองจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก ดังนั้นในวันที่ 28 เมษายนนี้ การเลือกตั้งรัฐสภายุโรปรอบพิเศษจะจัดขึ้นในสเปน และอีกหนึ่งเดือนถัดมาจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปสภายุโรป ซึ่งถูกกดดันโดยปัญหาเบร็กซิต ความกำกวมเหล่านี้ยิ่งส่งผลเป็นแรงกดดันต่อค่าเงินยูโร
สำหรับสหรัฐฯ ตลาดจะพิจารณาท่าทีของธนาคารเฟ็ด ซึ่งการประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยจะเน้นเรื่องประเด็นความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ของสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ได้แก่ รายงานระดับเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน การประกาศค่า GDP ของยูโรโซน และดัชนีราคาผู้บริโภค (HICP) เยอรมนีในวันอังคาร และสถิติจากตลาดผู้บริโภคยูโรโซน และตลาดแรงงาน (รวมถึงดัชนีนอนฟาร์ม NFP) ในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม
ในสัปดาห์ที่แล้ว คู่ EUR/USD ตกลงมาที่ระดับ 1.1110 ซึ่งไม่ใช่แค่ราคาต่ำสุดของปี 2019 แต่ยังเป็นราคาต่ำสุดตั้งแต่กลางปี 2017 อีกด้วย และนักวิเคราะห์จำนวน 75% สนับสนุนโดยดัชนีจำนวน 90% ในกรอบ D1 เชื่อว่าการถอยตัวของราคายังไม่สิ้นสุดแค่นั้น และราคาอาจจะขยับลงไปสู่กรอบที่ต่ำลงมาในช่องขาลงที่ช่วง 1.1080 และจากนั้นจะดิ่งลงไปอีกที่โซน 1.0970-1.1030
นักวิเคราะห์อีก 25% ที่เหลือเชื่อว่าราคาอาจจะเคลื่อนที่ในช่วง 1.1110-1.1250 โดยมีจุดกลับตัวที่ 1.1175 อยู่สักระยะ ในส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และออสซิลเลเตอร์ 10% ในกรอบ D1 ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วงถูกขายมากเกินไปและมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ควรคำนึงว่าเมื่อพิจารณาคำทำนายระยะกลาง จำนวนผู้ที่เห็นด้วยกับขาขึ้นของเงินยูโร ซึ่งเชื่อว่าราคาคู่นี้จะกลับมาสู่โซน 1.1400-1.1600 เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 55%
- GBP/USD ราคาได้ตัดทะลุระดับแนวรับในระยะกลางที่ 1.2975 และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (90%) สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 100% และดัชนีเทรนด์ในกรอบ D1 เชื่อว่า ราคาจะต้องกลับมาทดสอบระดับต่ำสุดของวันที่ 25 เมษายนที่ 1.2865 อีกครั้ง และหากสำเร็จราคาก็จะดิ่งลดลงไปที่ 1.2770-1.2830 ในขณะที่มุมมองตรงกันข้ามเป็นของนักวิเคราะห์จำนวน 10% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ซึ่งระบุเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดเป็นโซน 1.2985-1.3015 และระดับแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1.3065
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 60% ยังคงคาดหวังว่าในระยะกลาง ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น โดยการประชุมครั้งถัดไปของธนาคารจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยแทบเป็นศูนย์ในสัปดาห์นี้ - USD/JPY ยังคงไม่ปรากฏความชัดเจนในการเคลื่อนที่ของคู่นี้ และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแทบจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเท่าๆ กัน โดยกลุ่มที่ได้เปรียบกว่าเล็กน้อย (55%) เป็นของตลาดกระทิงซึ่งคาดว่าราคาจะกลับมาที่ระดับ 112.00 และอาจไต่ขึ้นไปถึงราคาสูงสุดของวันที่ 24 เมษายนที่ระดับ 112.40
ในส่วนนักวิเคราะห์อีก 45% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำทำนายข้างต้น พวกเขาเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในตอนแรกราคาจะไปที่ระดับ 111.35 และจากนั้นที่ 110.85 - คริปโตเคอเรนซี ในสถานการณ์แห่งความไม่แน่นอน ผู้เชี่ยวชาญต่างมีเสียงแตกออกเป็นสามกลุ่มเท่าๆ กัน: กลุ่มตลาดหมี (เป้าหมายของบิทคอยน์อยู่ที่ $4,800) กลุ่มกระทิง (เป้าหมายที่ $5,700) และกลุ่มสนับสนุนเทรนด์ด้านข้าง (กลับตัวที่ $5,300) ในขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจ 70% เชื่อว่าราคา BTC/USD จะขยับขึ้นเหนือระดับ $6,000 ภายในเดือนพฤษภาคม
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ