อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีได้ประกาศคำทำนายภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ดูมืดมนจากมุมมองประเทศผู้นำเศรษฐกิจอียู ในส่วนคำแถลงการโดยนางคริสตีน ลาการ์ด ประธานไอเอ็มเอฟ ระบุว่าการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวและไม่ให้ความหวังที่ดีสำหรับนักลงทุนเช่นกัน แม้แต่รายงานว่าส่วนแบ่งของเงินยูโรในปริมาณเงินสำรองโลกจากประเทศชั้นนำต่าง ๆ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นก็ไม่ได้ช่วยพยุงค่าเงินยูโรแต่อย่างใด สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 20.7% ในปัจจุบันและยังคงอยู่ห่างไกลจากส่วนแบ่งของเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 61.7% ตลาดยังคงไม่ลืมความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจมีการรื้อฟื้นนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกครั้ง
โดยทั่วไป สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ส่งผลดีต่อเงินยูโรและเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ (60%) คู่ราคานี้กลับมาสู่ระดับแนวรับที่โซน 1.1200-1.1215 ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ห้าวันทำการ อย่างไรก็ตาม ราคาขยับสู่ระดับดังกล่าวได้สำเร็จเฉพาะในช่วงท้ายสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ดังนั้น การตัดทะลุต่ำกว่าโซนดังกล่าวจึงไม่ได้เกิดขึ้น - GBP/USD ผู้ถือเงินปอนด์อังกฤษไม่รู้สึกยินดีกับข่าวในช่วงนี้เท่าใดนักเช่นกัน และเป็นอีกครั้งที่ข่าวเบร็กซิตมีบทบาทสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มีความเป็นไปได้สูงว่านายบอริส จอห์นสัน จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษและจะตามมาด้วยตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีโดยปริยาย ในรอบการลงมติครั้งแรก เขาได้รับเสียงสนับสนุนโดยสมาชิกรับสภาจำนวน 114 คน ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญของเขา นายเจเรอมี ฮันต์ รัฐมนตรีต่างงประเทศได้รับคะแนนโหวตเพียง 43 เสียง ข่าวนี้ไม่ช่วยให้เกิดสัญญาณที่ดีใด ๆ กับเงินปอนด์ เนื่องจากนายบอริส จอห์นสัน มองว่าสิ่งที่จำเป็นต้องทำในขณะนี้คือการนำข้อตกลงของนางเทเรซา เมย์ กับอียูกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง และนี่ก็คือความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเริ่มถอยหนีออกจากตลาดอังกฤษ ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงตกลงมาประมาณ 150 จุดในรอบห้าวันทำการและปิดที่ 1.2585
- USD/JPY ในสัปดาห์ที่แล้วมีนักวิเคราะห์ 40% ทำนายแนวโน้มทิศเหนือ 40% ทำนายทิศใต้ และอีก 20% ทำนายทิศตะวันออก และความสมดุลของแต่ละแนวโน้มทั้งตลาดหมีและกระทิงคือสิ่งที่สะท้อนออกมาบนกราฟคู่นี้ ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนขยับอยู่ในช่องแคบ ๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ 108.15-108.80 และปิดตลาดที่ระดับ 108.55
- คริปโตเคอเรนซี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เฉลิมฉลองวันครบรอบวันเกิด 73 ปี และไม่กี่วันก่อนหน้าก็มีรายงานประกาศออกมาว่าผู้ใช้งาน Google มีแนวโน้มที่จะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบิทคอยน์มากกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อีกหนึ่งรายงานข่าวก็ยืนยันความนิยมในเงินคริปโตสกุลพื้นฐานนี้เช่นกัน ผลปรากฏว่า 60% ของเหรียญ BTC ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายไปที่ใดในปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงความสนใจสูงในสินทรัพย์ตัวนี้
ข้อมูลนี้ยืนยันได้เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนเป็นต้นมา ราคาบิทคอยน์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและขยับขึ้นถึงระดับสูงสุดของวันที่ 31 พฤษภาคมที่ $9,100 อีกครั้ง ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ราคาได้ขยับถึงระดับ $8,700 ซึ่งเป็นการเติบโตของราคากว่า 15% ในรอบห้าวัน
Litecoin (LTC/USD) รักษาตำแหน่งได้ดีเช่นกันโดยขยับสูงสุดขไปที่ $143.6 ในส่วน Ethereum (ETH/USD) ยังไม่เพิ่มขึ้นมาแม้แต่จุดเดียวในรอบสองสัปดาห์ แต่ราคา Ripple กลับขยับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเสียมูลค่าประมาณ 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD เริ่มรู้สึกได้ถึงสถานการณ์อันคุกรุ่นว่าอาจจะเกิดอีกหนึ่งสงครามในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน เรือบรรทุกน้ำมันสองลำถูกยิงโจมตีในชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหาว่าประเทศอิหร่านเป็นฝ่ายโจมตีเรือทั้งสองลำด้วยอาวุธตอร์ปิโด ในขณะที่อิหร่านปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ถึงกระนั้น ราคาน้ำมันก็ทะยานสูงขึ้น ในส่วนสงครามเย็นทางการค้าก็ไม่ทุเลาลงเช่นกัน สหรัฐฯ ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในชัยชนะของตนเหนือจีน โดยสหรัฐฯ ข่มขู่ที่จะขยายผลมาตรการภาษีกับสินค้านำเข้าของจีนทุกประเภทหากนายสี จิ้นผิง ไม่ปรากฏตัวเพื่อพบปะหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงพาณิชย์ของจีนตอบโต้โดยประกาศว่าจีนจะ “ต่อสู้ให้ถึงที่สุด” และให้ความสำคัญกับการบริโภคในประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็ข่มขู่อียูด้วยมาตรการใหม่นี้เช่นกัน
มาถึงเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ หากในสัปดาห์ที่แล้วความสนใจมุ่งไปยังรายงานระดับเงินเฟ้อ ในสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แห่งอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก โดยในวันพุธที่ 19 มิถุนายน ธนาคารเฟดของสหรัฐฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางญี่ปุ่นและอังกฤษจะประกาศผลการตัดสินใจในอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรคาดหมายตัวเลขที่น่าตกใจจากทั้งสามกรณีนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าอัตราดอกเบี้ยจากทั้งสามประเทศจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ความสนใจส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การแถลงข่าวที่ตามมาเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการให้ภาพแนวโน้มที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของธนาคารทั้งสามแห่ง ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากนิตยสาร Wall Street Journal ระบุว่าโอกาสการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้มากขึ้นถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญ 70% จึงคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนของเงินดอลลาร์จะลดลงล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน
ในระหว่างนี้ นักวิเคราะห์จำนวน 65% คาดการณ์ว่าราคาจะฟื้นตัวกลับขึ้น เงินยูโรอาจได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอันเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป้าหมายของตลาดกระทิงคือการกลับมาสู่ระดับ 1.1350 เป้าหมายถัดไปอยู่ที่โซน 1.1420-1.1450
มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 35% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับแนวโน้มตลาดหมี โดยเป้าหมายคือการตัดทะลุแนวรับที่บริเวณ 1.1200-1.1215 และขยับลงมาที่ 1.1100 ในส่วน 90% ของดัชนีเทรนด์ในกรอบ H4 และ D1 ก็เข้าข้างแนวโน้มขาลงของคู่นี้เช่นกัน สำหรับสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์ให้ภาพที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง สัญญาณกว่า 70% เป็นสีแดงในกรอบ H4 และอีก 30% ให้สัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไป สัญญาณหนึ่งในสามจากออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 เป็นสีแดง หนึ่งในสามเป็นสีเขียว และอีกหนึ่งในสามเป็นสีเทากลาง - GBP/USD หากเราพูดถึงดัชนีเศรษฐกิจมหภาค นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นนั้น เราจะจับตามองการประกาศรายงานระดับเงินเฟ้อจากธนาคารกลางอังกฤษในวันจันทร์นี้ รวมถึงการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพุธซึ่งคาดว่าจะส่งผลลบต่อเงินปอนด์อังกฤษ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลจากดัชนีดังกล่าวจะไม่มีความรุนแรงและมีผลเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
เบร็กซิตยังคงเป็นปัจจัยหลักของพฤติกรรมการเคลื่อนที่ของคู่นี้ ตลาดเริ่มปรับตัวกับข่าวนายบอริส จอห์นสัน จะมารับตำแหน่งเป็นผู้นำอังกฤษ คำถามในขณะนี้ก็คืออียูจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไรหากเขาพยายามที่จะเริ่มต้นการเจรจาเบร็กซิตใหม่ตั้งแต่ต้น และตรงนี้ก็ยังขาดความชัดเจน ทำให้เสียงโหวตของผู้เชี่ยวชาญจึงแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเกือบเท่า ๆ กัน: หนึ่งในสามเห็นด้วยกับการเติบโตของคู่นี้ หนึ่งในสามคาดว่าราคาจะลดลง และอีกหนึ่งในสามงดที่จะให้คำทำนายใดๆ
สำหรับดัชนีต่าง ๆ ส่วนใหญ่ให้สัญญาณในทิศใต้เป็นหลัก แต่มีสัญญาณ 10% จากออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 และ D1 ที่ระบุว่าราคาอยู่ในโซนถูกขายมากเกินไป - USD/JPY ภาพรวมสำหรับคู่นี้ก็ไม่มีความชัดเจนเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญต่างพูดเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับแนวโน้มในสินทรัพย์ปลอดความเสี่ยง รวมถึงข้อเท็จจริงที่ส่วนแบ่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในเงินสำรองแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของหลายประเทศได้ขยับถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ โดยการที่หลายประเทศเลือกที่จะกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์และเลือกสกุลเงินที่ปลอดภัยเป็นหลัก เช่น เงินเยนญี่ปุ่น รวมถึงการที่ผลตอบแทนของสินทรัพย์พันธบัตรรัฐบาลรอบ 10 และ 30 ปีในสหรัฐฯ ลดโอกาสการทำกำไรยิ่งส่งผลกระตุ้นให้เกิดความต้องการในเงินเยน ในสถานการณ์เช่นนี้อาจฟังดูเหมือนว่าค่าเงินญี่ปุ่นน่าจะพุ่งทะยานจนรั้งไม่อยู่ แต่เงินเยนกลับค่อย ๆ คืบคลานในช่องแคบ ๆ ไม่เกิน 100 จุดเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ 80% ยังคงทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเงินเยน โดยทำนายว่าราคาคู่นี้จะลดลงมาในตอนแรกที่ระดับ 107.80 และจากนั้นจะลดลงต่อไปอีก 80-100 จุด ในส่วนการวิเคราะห์กราฟและดัชนีเทรนด์จำนวน 70% ในกรอบ D1 เห็นด้วยกับคำทำนายนี้ มุมมองทางเลือกเป็นของนักวิเคราะห์จำนวน 20% โดยระบุระดับแนวต้านอยู่ที่ 108.85-109.00, 109.70-109.90 และ 110.65-110.90
- คริปโตเคอเรนซี หากราคาบิทคอยน์สามารถขยับถึงจุดสูงสุดของวันที่ 31 พฤษภาคมที่ระดับ $9,100 และยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง เราอาจกล่าวได้ว่าแนวโน้มที่ลดลงในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับตัวของราคาเท่านั้น ในที่นี้เป้าหมายของตลาดกระทิงจึงอยู่ที่ระดับเชิงสัญลักษณ์ที่ $10,000 ต่อเหรียญ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญจำนวน 70% มั่นใจว่าบิทคอยน์จะไต่ถึงระดับดังกล่าวแน่นอน แม้จะไม่ใช่ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ก็อาจจะเป็นในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญอีก 30% มองในแง่ลบมากกว่าและเชื่อว่าเราจะได้เห็นราคา BTC/USD ที่ช่วง $7,500-8,000 อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ