อันดับแรกเป็นการรีวิวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:
- EUR/USD เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ทำนายว่าราคาคู่นี้จะฟื้นตัวขึ้น โดยมีเป้าหมายตลาดกระทิงคือการกลับขึ้นสู่ระดับ 1.1350 และจากนั้นจะขยับขึ้นต่อไปที่โซน 1.1420-1.1450 คำทำนายนี้เกิดขึ้นจริง 99% แต่ไม่ 100% โดยราคาทำสถิติสูงสุดในกรอบที่ระดับ 1.1411 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาก่อนที่จะตามมาด้วยการกลับตัวเล็กน้อย และรอติดตามผลการเจรจาที่งานประชุมผู้นำ G20 ที่โอซากา ญี่ปุ่น ทำให้ราคาเคลื่อนที่ในเทรนด์ด้านข้างในช่วงแคบๆ ที่ 1.1345-1.1390 และปิดตลาดท้ายสัปดาห์ทำการที่ 1.1370
- GBP/USD ภายหลังจากราคากระโดดขึ้นมา 250 จุดในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายน ค่าเงินปอนด์อังกฤษก็เริ่มสงบขึ้นเล็กน้อย และในสัปดาห์ที่แล้วก็เริ่มนิ่งสนิทมากขึ้น โดยราคากลับมาอยู่ที่ช่วง 1.2650-1.2765 และปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่โซนแนวรับ/แนวต้านหลักที่ 1.2700
- USD/JPY สกุลเงินหลักของประเทศผู้เป็นเจ้าภาพการประชุม G20 อย่างญี่ปุ่นได้ขยับเข้ามาใกล้จุดวกกลับของเดือนเช่นกัน ในช่วงก่อนการพบปะหารือระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในระหว่างการประชุมผู้นำ G20 นั้น ความต้องการถือสกุลเงินลี้ภัยลดลงเล็กน้อย โดยขยับออกจากระดับต่ำสุดในช่วง 5.5 เดือนที่ผ่านมาที่ 106.77 ขึ้นมาที่ 107.90 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
- คริปโตเคอเรนซี “บิทคอยน์ยังไม่หยุด!” หลายคนกล่าวอย่างตื่นเต้น “แต่มันก็หยุดได้ง่ายๆ” หลายคนกล่าวอย่างยิ้มๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ
คนกลุ่มแรกที่ขึ้นขบวนรถในทิศทางที่ถูกต้องและลงจากขบวนในจังหวะที่ถูกต้องคือกลุ่มคนที่ได้รับกำไรมหาศาล และผู้ที่กระโดดขึ้นขบวนสุดท้ายหรือขึ้นผิดขบวนจะขาดทุนอย่างมหาศาลเช่นกัน
ราคาบิทคอยน์ไต่ขึ้นมาจาก $7,500 เป็น 13,765 ภายในช่วงเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวคือ ราคาขยับขึ้นมากว่า 80% และราคาก็ถอยทรุดตัวกลับมาที่ $10,390 ลดลงมา 25% แต่แล้วในวันถัดมาก็ขึ้นมาอีก 15%...
เป็นเรื่องน่าสนใจตรงที่ ณ เวลาที่ราคา BTC ลดลงมา 25% มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตลดลงเพียง 13% เท่านั้น (จาก $367.42 พันล้านเหลือ $318.61 พันล้านเหรียญ)
|ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนหลายคนยังไม่เร่งรีบที่จะเก็งกำไรและขายบิทคอยน์ทิ้ง แต่ยังคงรอให้ราคาเติบโตขึ้นไปอีก|
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เตือนว่าเราไม่ควรคาดหวังแนวโน้มขาขึ้นจากอัลท์คอยนสกุลอื่นๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งเห็นได้ชัดจากกราฟคริปโตเคอเรนซีติดอันดับ เช่น Litecoin (LTC/USD) หรือ Ripple (XRP/USD) แต่สำหรับ Ethereum (ETH/USD) ราคาเดินตามรอยบิทคอยน์อย่างค่อนข้างแม่นยำ
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ตลาดไม่คาดการณ์ว่าจะมีข่าวสะเทือนวงการใดๆ จากผลการประชุม G20 ในขณะที่ความสนใจทั้งหมดจะมุ่งไปที่การหารือทวิภาคีระหว่างผู้นำสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกที่งานประชุมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหารือระหว่างผู้นำจีนสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีทรัมป์จากสหรัฐฯ ในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน นักลงทุนต่างคาดหวังว่าความเข้มข้นในประเด็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้จะลดลง และหากสิ่งนี้เกิดขึ้น ฟอเร็กซ์อาจเปิดตลาดด้วยช่องว่างระหว่างราคาในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนยังมองสถานการณ์อย่างค่อนข้างใจเย็นและเชื่อว่าสงครามนี้จะไม่ยุติง่ายๆ มาตรการภาษีส่งผลต่อสินค้านำเข้าจากจีนกว่า 10,000 ประเภทและหนึ่งในเงื่อนไขที่ปักกิ่งต้องการก็คือให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษีที่บังคับใช้ทั้งหมด ซึ่งความเป็นไปได้ที่นายทรัมป์จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าวแทบจะเป็นศูนย์ ในขณะที่คำสั่งแบนสินค้าจากบริษัท Huawei ของจีนก็ไม่น่าจะยกเลิกง่ายๆ เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายอาจจะจับมือทักทายกันอย่างยิ้มแย้มที่งานประชุม แต่ยากที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมอ่อนข้อให้กันและกัน ผลลัพธ์ที่เป็นศูนย์ (หรือเกือบศูนย์) จากการประชุมจะทำให้นายทรัปม์สามารถประกาศ “ชัยชนะ” ครั้งถัดไปของเขาได้ท่ามกลางช่วงเวลาเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยถัดไป และฝั่งจีนก็จะซื้อเวลาได้เช่นกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารเฟดสหรัฐฯ จะกลายเป็นตัวแสดงสำคัญใน “เกมหมากรุก” นี้ซึ่งท่ามกลางสภาพตลาดหุ้นที่ตกต่ำ ธนาคารจะถูกบังคับให้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและจะส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงในที่สุด
ยิ่งสถิติเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์หน้านี้ อ่อนแอลงมากเท่าใด ยิ่งมีผลกดดันให้ธนาคารเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม และ 3 กรกฎาคม จะมีการประกาศตัวบ่งชี้จากดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ ISM และในวันศุกร์แรกของเดือนที่ 5 กรกฎาคมจะมีการประกาศสถิติจากตลาดแรงงาน (รวมถึงดัชนี NFP)
หนึ่งในสี่ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าธนาคารเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 หรือ 50 จุดในเร็วๆ นี้ที่การประชุมวันที่ 31 กรกฎาคม โดยตลาดเชื่อว่าจะได้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นจากคำแถลงของสมาชิกคณะกรรมการ FOMC นายริชาร์ด คลาริดา ที่ฟินแลนด์ในวันที่ 1 กรกฎาคม และรองประธานเฟด นายจอห์น วิลเลียมส์ ในวันที่ 2 กรกฎาคมที่เมืองซูริค
อีกด้านหนึ่ง ความเสี่ยงทางการเมืองและปัญหาทางเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงไม่หายไป อีกทั้งธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มใช้มาตรการเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 25 กรกฎาคม
การให้คำทำนายแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับสัปดาห์หน้านี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มแทบจะเท่าๆ กัน อย่างไรก็ตาม หากคุณพิจารณาคำทำนายในรอบเดือนและคำทำนายระยะกลางจะพบว่า 75% ของนักวิเคราะห์ทั้งหมดเชื่อว่าราคาจะพยายามทำสถิติต่ำสุดใหม่จากช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 และจะพยายามตัดทะลุระดับแนวรับที่โซน 1.1100 ให้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายตลาดหมีถัดไปอยู่ที่ 1.0900 และ 1.0800 ในส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 25% ที่เหลือมองว่าโซน 1.1100 เป็นกรอบจำกัดของขาลงและคาดว่าราคาจะขยับขึ้นไปที่โซน 1.1530-1.1650 ในที่สุด
สำหรับการวิเคราะห์ดัชนีพบว่าดัชนีเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ส่วนใหญ่ให้สัญญาณเป็นสีเขียว อย่างไรก็ตาม มีออสซิลเลเตอร์ 20% แล้วที่ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในช่วงถูกซื้อมากเกินไป - GBP/USD บทบาทของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะค่อยๆ เลือนลางลง และผู้ที่คาดว่าจะรับเก้าอี้นายกฯต่อ อย่างนายบอริส จอห์นสัน จะเป็นผู้ส่งอิทธิพลต่อข่าวเบร็กซิตคนสำคัญ เขากล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่าหากเป็นหัวหน้ารัฐบาล เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความเป็นไปได้ในการแยกตัวแบบ “เด็ดขาด” ออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลง ซึ่งท่าทีคุกคามนี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับเขาในการต่อรองเจรจากับสหภาพยุโรป และเขาก็พร้อมที่จะตั้งต้นใหม่ในการทำงานของรัฐสภา
ตลาดตอบสนองต่อท่าทีดังกล่าวแล้วโดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงต่อยูโร โดยสำหรับ GBP/USD ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) คาดว่าเงินปอนด์อังกฤษจะอ่อนค่าลงอีกและราคาจะตกลงมาในตอนต้นที่ 1.2475-1.2500 และจากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ราคาจะตกไปที่จุดต่ำสุดที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2019 ที่ 1.2400
ในส่วนนักวิเคราะห์อีก 35% ยังคงมองโลกในแง่ดีและเชื่อว่าการเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียูจะมีผลลัพธ์ที่ดี กลุ่มนี้มองว่าราคาจะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายถัดไปที่ 1.2775 และ 1.2830 จากนั้นที่ 1.2930
ในขณะที่ทางเลือกที่ประนีประนอมมากกว่าอยู่ในช่วงวงจรที่ 1.2500-1.2860 ตามการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 - USD/JPY ตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดจากการหารือระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำสี จิ้นผิง ในที่ประชุม G20 คือการเจรจาที่ไม่สิ้นสุดและไม่เกิดผลระหว่างทั้งสองประเทศ ในสถานการณ์เช่นนี้ ตลาดหุ้นยังคงรอจังหวะซบเซา นโยบายการเงินสหรัฐฯ จะเริ่มผ่อนปรนและดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ในส่วนนักลงทุนจะตอบสนองต่อสถานการณ์นี้โดยจะหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นในหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์ ในระหว่างนี้มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 40% และผลการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ที่โหวตว่าเงินเยนญี่ปุ่นจะแข็งค่าขึ้นและจะส่งผลให้ราคาคู่นี้ขยับลงทิศใต้ ในขณะที่อีก 30% กลับให้ภาพในทิศเหนือเป็นหลัก ส่วนนักวิเคราะห์กลุ่มที่เหลือกลับมีท่าทีเป็นกลาง ซึ่งภาพการวิเคราะห์ออสซิลเลเตอร์และดัชนีเทรนด์ในกรอบ D1 ก็แทบไม่ต่างกัน
โดยระดับแนวรับอยู่ในโซน 106.80-107.00 จากนั้นที่ 105.50-106.00 และมีแนวต้านที่ 108.85, 109.70 และ 110.65 - คริปโตเคอเรนซี ผู้ก่อตั้ง Morgan Creek Digital และหุ้นส่วนนาย Anthony “Pomp” Pompliano ได้ทำนายการเติบโตของบิทคอยน์ที่ $100,000 ในจดหมายของเขาถึงลูกค้าบริษัท โดยเขามองว่าโอกาสความเป็นไปดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นภายใน 2.5 ปีข้างหน้านั้นอยู่ที่ 70-75%
คำทำนายที่คล้ายกันเป็นของนักเทรดและนักวิเคราะห์ชื่อดังนาย Peter Brandt ระบุว่า “บิทคอยน์กำลังเล็งที่ระดับ $100,000 ราคา BTC/USD กำลังเข้าสู่ช่วงพาราโบลิคที่สี่ตั้งแต่ปี /010 ไม่มีตลาดใดที่มีลักษณะกราฟเช่นนี้ในช่วงเวลาการเทรด 45 ปีที่ผมเคยประสบมา”
แต่หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Fundstrat Global Advisors นาย Tom Lee รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีก 45 คนเชื่อว่าบิทคอยน์จะประสบกับการปรับตัวของราคาครั้งใหญ่ และการที่ราคาลดลง 25% เมื่อช่วงวันที่ 26-27 มิถุนายนที่ผ่านมาก็คือปรับตัวของราคานั่นเอง นักวิเคราะห์ยังคงไม่ตัดโอกาสความเป็นไปได้ที่ราคาอาจลดลงกลับมาที่ $7,500-8,000
สำหรับอัลท์คอยน์ติดสิบอันดับแรกจากกราฟมูลค่ารวมในตลาดก็ค่อยๆ เสียตำแหน่งให้กับสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่ง ดังนั้นจึงมีเพียงบิทคอยน์ที่แสดงการเติบโตของราคาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยส่งผลให้มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเพิ่มขึ้นจาก 41% เป็น 66% ในขณะที่ส่วนแบ่งของเหรียญดิจิทัลสกุลอื่นกลับลดลงหรืออย่างมากก็อยู่ในระดับเดิม
ป.ล. สำหรับคำทำนายข้างต้น การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในวันสุดท้ายของการประชุมที่โอซากาก็ไม่ส่งผลให้สงครามการค้ายุติ ทั้งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง ผู้นำสองประเทศสามารถตกลงกันได้เฉพาะในหลักการการเจรจากันบนพื้นฐานของ “การเคารพซึ่งกันและกันและความเท่าเทียม” แต่เพียงเท่านั้น
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ