บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 2 - 6 กันยายน 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • EUR/USD ตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ การเจรจาระหว่างประเทศในกลุ่ม G7 ระหว่างวันที่ 24-26 ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในทางใดทั้งสิ้น แต่ตลาดกลับได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ ที่เอื้อให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ คาดหวัง โดยปัจจัยดังกล่าวมีดังนี้ ปัจจัยแรกคือการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งช่วยจุดประกายความหวังการเกิดข้อตกลงทางการค้า อีกประการหนึ่งคือตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ (4.7% มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.3%) รวมถึงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และแนวโน้มขาขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ระดับเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในเยอรมนีและคำแถลงการณ์ของนางคริสตีน ลาการ์ด ว่าที่ประธานธนาคารกลางยุโรปเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อหนุนเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเงินยูโรเกือบ 200 จุด
    ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ว่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลงและราคาคู่นี้จะปรับลดลง โดยได้ระบุราคาต่ำสุดของเดือนสิงหาคมที่ 1.1025 เป็นเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ลดลงของยอดขายปลีกในเยอรมนี ( ลดลง 2.1% แทนที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3%) ส่งผลฉุดราคาให้ต่ำลงกว่าเดิมที่บริเวณ 1.0960 ก่อนที่จะตามมาด้วยการรีบาวด์และราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.0990
  • GBP/USD ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์ 70% ของนักวิเคราะห์ได้โหวตให้กับตลาดหมีในสัปดาห์ที่แล้ว โดยคาดการณ์ว่าเงินปอนด์จะอ่อนค่าลงต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปรากฏข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับประเด็นเบร็กซิต การปิดสมัยประชุมสภาโดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ไม่เพียงแต่จะสร้างบรรยากาศความไม่พึงพอใจให้กับประชากรในประเทศ แต่ยังส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ GfK อีกด้วย ซึ่งตัวเลขลดลงตามความคาดหวังการแยกตัวแบบเด็ดขาดของสหราชอาณาจักรออกจากอียู ความเห็นของนายไซมอน โคเวนีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไอร์แลนด์ ระบุว่า “สหราชอาณาจักรไม่มีข้อเสนอที่น่าเชื่อถือใดๆ สำหรับเบร็กซิต” ด้วยเหตุนี้ คู่ GBP/USD ปรับลดลงประมาณ 130 จุดในช่วงสัปดาห์โดยขยับลงมาที่ 1.2165
  • USD/JPY ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดสหรัฐ เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม ส่งผลฉุดราคาให้ต่ำลงเป็นอย่างมากจนราคาตกลงมาที่ 104.45 เมื่อวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมากลับเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (70%) ได้ทำนายไว้ จากรายงานเกี่ยวกับ “บทสนทนาทางโทรศัพท์” ที่เป็นผลระหว่างนายทรัมป์กับทางฝั่งจีน ทำให้เงินดอลลาร์เริ่มกลับมามีน้ำหนัก และแข็งค่าขึ้นโดยขยับมาที่โซนแนวต้านหลักที่ 106.60-106.70 เมื่อวันพฤหัสบดี ราคาปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ระดับ 106.25
  • คริปโตเคอเรนซี คุณไม่สามารถเรียกสถานการณ์นี้ว่าเป็นสถานการณ์แห่งความสุขได้ ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นไปตามคำทำนายของเรา เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนี Bitcoin Fear & Greed Index ตกลงมายังเกณฑ์ “น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง” (Extreme Fear) และนักวิเคราะห์กว่า 70% ได้ให้คำทำนายที่เป็นลบกับคู่ BTC/USD โดยมองว่าราคาน่าจะขยับลดลงมาที่โซน $9,000-9,500 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม ราคาบิทคอยน์ได้ตกลงมาที่กรอบด้านล่างในพื้นที่ที่ $9,355
    หากคุณพิจารณาข่าวต่างๆ จะพบว่าไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนอันใดสำหรับแนวโน้มขาลงดังกล่าว และเราสามารถสันนิษฐานได้ว่า เมื่อไม่ปรากฏความต้องการ นักลงทุนจึงเริ่มเทขายเพื่อทิ้งราคาให้ลดลงอย่างรวดเร็วโดยหวังว่าจะช่วยดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่
    จริงอยู่ที่สถานการณ์บิทคอยน์ดูไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเรียกสถานการณ์นี้ว่าเป็นช่วงคับขัน ราคายังอาศัยแนวรับที่โซน $9,100 โดยยังขยับไม่ถึงช่วงต่ำสุดของเดือนกรกฎาคม สถานการณ์กับอัลท์คอยน์เริ่มมีความนิยมที่ลดลงและดูน่าหดหู่กว่ามาก สำหรับ Litecoin (LTC/USD) ราคากลับตัวลงมาที่ระดับของเดือนมีนาคม 2019 โดยเสียมูลค่ากว่า 56% ตลอด 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของ Ripple (XRP/USD) เสียมูลค่า 50% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และตอนนี้ซื้อขายอยู่ที่ราคาเดียวกับเมื่อสองปีก่อนหน้า ในส่วน Ethereum (ETH/USD) อัลท์คอยน์ผู้นำเสียมูลค่า 54% และมูลค่ารวมในตลาดคริปโตเคอเรนซีลดลงประมาณ 32% ในรอบ 10 สัปดาห์จาก $367 พันล้านเหลือ $250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

  

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD แม้จะมีแถลงการณ์ที่ดูสงบจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การตัดสินใจของนายทรัมป์ที่จะปรับเพิ่มภาษีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนยังคงไม่ถูกยกเลิก มีเพียงคำสัญญาของเขาที่จะเลื่อนกำหนดการใช้มาตรการดังกล่าวไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคมเท่านั้น ดังนั้น สงครามทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศนี้ยังคงไม่ถือว่ายุติลงแต่อย่างใด แถมยังมีข้อสงสัยว่านโยบายการจัดการทางการเงินของฝั่งใครระหว่างธนาคารกลางยุโรปหรือฝั่งธนาคารเฟดที่จะมีความผ่อนคลายมากกว่า นักลงทุนต่างหวังว่าจะได้รับคำตอบกับคำถามนี้จากคำแถลงของนางคริสตีน ลาการ์ด ในวันอังคารที่ 3 กันยายน และคำแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ในวันที่ 6 กันยายนนี้
    นอกจากนี้ คุณควรให้ความสนใจกับตัวเลขดัชนี PMI Caixin ในภาคการผลิตของจีนซึ่งเป็นตัวสะท้อนระดับความมั่นใจทางธุรกิจในเศรษฐกิจประเทศจีน ซึ่งจะมีการประกาศในวันจันทร์ที่ 2 กันยายน ส่วนข้อมูลดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ (ISM) ในสหรัฐฯ จะประกาศออกมาในวันอังคารและวันพุธ และในวันศุกร์จะมีการประกาศข้อมูลตลาดแรงงานอเมริกาตามปกติ ตามคำทำนายระบุว่าจำนวนตำแหน่งงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ในครั้งนี้อาจลดลงเล็กน้อยจาก 164K เหลือ 159K ซึ่งไม่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเงินดอลลาร์
    จากคำทำนายของนักวิเคราะห์พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (55%) คาดการณ์ว่าคู่ EUR/USD จะขยับในทิศทางด้านข้างที่ระดับ 1.1000 ในช่วง 1.0960-1.1050 ในสัปดาห์หน้า ส่วนนักวิเคราะห์ 25% สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 90% และดัชนีเทรนด์ 100% คาดการณ์ว่าราคาจะสามารถตัดทะลุแนวรับที่ 1.0960 ก่อนที่จะวิ่งขนานและขยับลดลงมาที่โซน 1.0875-1.0925 ส่วนที่เหลือ 20% เชื่อว่าราคาจะปรับตัวและขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.1250 สถานการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์จำนวน 10% ในกรอบ D1 โดยให้สัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไป อย่างไรก็ดีควรคำนึงว่าเมื่อปรับไปเป็นคำทำนายในระยะกลาง จำนวนผู้สนับสนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโรเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ต่างรอให้ราคากลับมายังระดับ 1.1400-1.1500.
  • GBP/USD ณ ขณะนี้ ความผันผวนของเงินปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบสามเดือนอยู่ที่ประมาณ 14% ในครั้งที่แล้วเมื่อนางเทเรซา เมย์ พยายามที่ผ่านข้อตกลงกับอียูในสภาอังกฤษ ปรากฏว่ามีความผันผวนที่สูงมาก ส่วนในขณะนี้ความผันผวนจะขึ้นอยู่กับนายบอริส จอห์นสัน และความคาดหวังการแยกตัวแบบเด็ดขาดออกจากอียู
    ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบันเหมือนเช่นเคย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) ไม่คาดการณ์ว่าจะมีข่าวดีสำหรับเงินปอนด์ เช่นเดียวกันกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และดัชนีจำนวน 90% ในกรอบ H4 และ D1 ระบุว่าราคาจะพยายามทดสอบระดับต่ำสุดของวันที่ 12 สิงหาคม 2019 อีกครั้งที่ 1.2015 ส่วนการวิเคราะห์ในกรอบ D1 บ่งชี้ว่าราคาอาจขยับต่ำลงมาอีกที่ระดับต่ำสุดของเดือนตุลาคม 2016 ที่ 1.1945 โดยมีแนวรับที่ใกล้ที่สุดที่ 1.1260
    สำหรับนักวิเคราะห์ 40% ที่เหลือประกอบกับออสซิลเลเตอร์จำนวน 10% เชื่อว่าราคาอยู่ในภาวะถูกขายแล้วและคาดว่าราคาจะกลับมายังช่วง 1.2420-1.2550 คำทำนายนี้มาพร้อมกับความหวังว่าการเจรจากับอียูในประเด็นเบร็กซิตจะเป็นผลในที่สุด
  • USD/JPY สถิติทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของญี่ปุ่น รวมถึงสัญญาณสงบบางส่วนในสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ความสนใจในเงินเยนลดลง นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญ 70% คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะขยับขึ้นต่อไปที่ระดับ 107.00-107.70 เป้าหมายถัดไปตามการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 อยู่ที่ 108.75
    สำหรับมุมมองในทางตรงกันข้ามเป็นข้อโต้แย้งจากตลาดหมีว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลชุด 10 ปีในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ลดลงมาประมาณ 135 จุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2018 และเงินเยนได้แข็งค่าขึ้นต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 7% (จาก 114.5 เป็น 106.00) และเทรนด์กำลังแรงนี้อาจดำเนินต่อไป โดยเป้าหมายถัดไปคือการตัดทะลุระดับแนวรับที่ 104.80 หลังจากนั้นในระยะกลาง เงินเยนญี่ปุ่นอาจขยับถึงระดับสำคัญที่ 100.00
  • คริปโตเคอเรนซี คำแถลงที่ไม่คาดคิดของนายมาร์ค คาร์นีย์ ประธานธนาคารแห่งชาติอังกฤษที่การประชุมทางเศรษฐกิจในเมืองแจ็คสันโฮล (สหรัฐฯ) ซึ่งเขาพูดในแง่ลบอย่างยิ่งเกี่ยวกับการผูกขาดของค่าเงินอเมริกันและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทางเดียวกันกับเงินหยวนจีน โดยเขาระบุว่าเงินดอลลาร์ควรถูกแทนที่ด้วยคริปโตเคอเรนซีในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับสกุลเงิน Libra ที่นำเสนอโดย Facebook เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งไม่เป็นที่ชัดเจนว่าความต้องการของเขาจะเป็นจริงได้หรือไม่ แต่ ณ ขณะนี้ เงินดอลลาร์ เงินหยวน Libra และเงินปอนด์ที่เขาเอ่ยถึง กลับเป็นเงินดอลลาร์ที่เขาไม่พึงพอใจที่ได้เปรียบมากที่สุด
    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น คู่ BTC/USD ขยับเข้าใกล้กับระดับต่ำสุดของเดือนกรกฎาคมที่บริเวณ $9,100 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ในครั้งที่แล้วบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนและขยับเอาชนะระดับ $11,080 ได้สำเร็จในตอนต้นและต่อมาไต่ขึ้นถึง $12,320 ไม่ว่าสถานการณ์ที่คล้ายกันจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับนักลงทุนสถาบันรายใหญ่เป็นสำคัญ นอกจากนี้บิทคอยน์อาจได้รับแรงสนับสนุนจากการเปิดตัว Bakkt ระบบนิเวศน์เงินคริปโตที่สร้างขึ้นโดยตลาด Intercontinental Exchange (ICE) ในกรณีที่ราคาตัดทะลุแนวรับที่ $9,000-9,100 ราคาน่าจะขยับลดลงมาที่โซน $7,450-8,200
    แต่สำหรับแนวโน้มของอัลท์คอยน์ดูมืดมนทั้งในสองกรณี หากบิทคอยน์ขยับลดลง ความสนใจของนักลงทุนในตลาดเงินคริปโตโดยรวมก็จะลดลงด้วยเช่นกัน และหากบิทคอยน์เติบโตขึ้น เราถึงจะสามารถคาดหวังการซื้อขายอัลท์คอยน์ที่มากขึ้นควบคู่ไปกับสกุลเงินอ้างอิงหลักอย่างบิทคอยน์

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา