บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 23 - 27 กันยายน 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • EUR/USD นักวิเคราะห์ได้พูดถึงสิ่งนี้มานานมากและมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว: เมื่อวันพุธที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารเฟดสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.0% แต่เนื่องจากว่าพวกเขาได้พูดถึงสิ่งนี้มาเป็นเวลานานมาก ตลาดจึงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ดังกล่าวมาตั้งแต่เนิ่นๆ และไม่ปรากฏราคาที่ก้าวกระโดด “เป็นประวัติการณ์” แต่อย่างใด ในทางกลับกันความผันผวนกลับลดลงและราคาปรับเข้าสู่การเคลื่อนที่ด้านข้างในช่วง 1.1000-1.1075 ซึ่งเป็นช่วงราคาที่นักเทรดทราบกันเป็นอย่างดี
    ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้วเราได้พูดถึงโซนกลับทิศทาง (Pivot Point) ของรอบสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏขึ้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ครอบคลุมตลาด ในสัปดาห์ที่แล้วก็เป็นตัวพิสูจน์สถานการณ์นี้ ในทางหนึ่งการแถลงข่าวของธนาคารเฟดเมื่อวันพุธเป็นไปอย่างไร้กระแสสำคัญ โดยยิ่งเน้นย้ำมุมมองว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไปในปีนี้ แต่ในวันถัดมาธนาคารกลางสวิสและธนาคารกลางอังกฤษออกมาประกาศล้มแผนการใช้นโยบายผ่อนคลายในที่ประชุมเช่นกันและจะคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ในส่วนธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดและบังคับให้คู่ EUR/USD ขยับออกในทางด้านข้างอย่างไปไหนไม่ได้
  • GBP/USD ค่าเงินปอนด์ฟื้นคืนส่วนที่เสียไปอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความหวังของการแยกตัวเบร็กซิตอย่างไม่ถูกกำกับ โดยราคาเพิ่มขึ้นมา 5% จากราคาต่ำสุดที่ 1.1958 เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฌ็อง โคลท ยุงเคอร์ ประกาศว่าเขาพร้อมที่จะล้มเลิกแนวคิดการกั้นเขตแดนไอร์แลนด์เหนือหากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรมีแผนการใหม่ที่ดีกว่า คำแถลงนี้ส่งผลหนุนให้ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้นจนราคาไต่ถึงช่วง 1.2440-1.2580 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาเคยเคลื่อนที่ในเดือนกรกฎาคมและปิดตลาดห้าวันทำการที่ระดับ 1.2470
  • USD/JPY ราคาคู่นี้อัปเดตจุดสูงสุดในระยะกลางเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทำราคาสูงสุดที่ระดับ 108.47 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะรักษาผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลรอบสิบในระดับศูนย์ ตลอดจนคำแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ระบุว่าประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังคงมีโอกาสอยู่ ก็ยิ่งส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม ตามปกติแล้วคำพูดของนายทรัมป์ส่งอิทธิพลต่อนักลงทุนมากยิ่งกว่า และในฝั่งสหรัฐฯ ประธานาธิบดีฯ กล่าวว่าวอชิงตันได้สรุปข้อตกลงทางการค้า “เบื้องต้น” กับโตเกียว ซึ่งสหรัฐฯ ให้สัญญาว่าจะไม่ปรับขึ้นภาษีและจะเพิ่มโควตาสำหรับรถยนต์ญี่ปุ่น และฝั่งโตเกียวจะปรับภาษีนำเข้าไวน์อเมริกาภายในเจ็ดปี
    รถยนต์ต่อไวน์ ย่อมเป็นข้อตกลงที่ให้ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลาง ความต้องการถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยจึงสูงขึ้นและแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเงินเยน ดังนั้น ราคาจึงขยับขึ้นไปประมาณ 100 จุดในทิศทางตรงกันข้ามและปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 107.55
  • คริปโตเคอเรนซี ในสัปดาห์ที่แล้วราคาทำให้บางคนยิ้มออกแต่ก็ทำให้บางคนต้องเหงื่อตกเนื่องจากราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิดของบิทคอยน์ (BTC/USD) กว่า 6% และจากนั้นตามมาด้วยเทรนด์ขาขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลชัดเจน ราคาที่ทรุดลงอย่างรวดเร็วทำให้มีการแห่ปิดตำแหน่งซื้อ: โดยในตลาดคริปโต BitMEX แห่งเดียวมีตำแหน่งที่ถูกปิดลงเป็นมูลค่าถึง $150 ล้านดอลลาร์
    คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือเกมของเจ้ามือรายใหญ่ที่เล่นกับรายย่อยเพราะผิดหวังจากราคาที่แน่นิ่งของบิทคอยน์ ในขณะเดียวกันเจ้ามือรายใหญ่ก็ไม่ต้องการให้เกิดกระแสวิตกจนราคาทรุดตัวและไม่ยอมให้ราคาตกลงไปต่ำกว่าระดับที่ยอมรับได้ จึงคงราคาไว้ที่ช่วงกลับทิศทางที่ $10,000
    น่าสนใจที่อัลท์คอยน์สกุลหลักก็ดูเหมือนจะมีชีวิตที่เป็นอิสระ โดยเดินตามรอยกราฟบิทคอนย์แค่บางส่วนเท่านั้น ราคา Ethereum (ETH/USD) ขยับขึ้น 35% ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Litecoin (LTC/USD) ขยับขึ้น 30% และ Ripple ไต่ขึ้นมา 27% ในเวลาเพียง 4 วัน (14 - 18 กันยายน) และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นแม้ว่าความผันผวนสูงสุดของบิทคอยน์ในเดือนนี้อยู่ไม่เกิน 9% ปัจจัยที่สมเหตุสมผลมากที่สุดในความเห็นของเราคือการเป็นรองของตลาดอัลท์คอยน์ซึ่งมีธรรมชาติที่แตกต่างจากบิทคอยน์ ในตลาดอัลท์คอยน์สามารถปั่นป่วนอัตราแลกเปลี่ยนได้ง่ายกว่ามากด้วยเงินจำนวนต่ำกว่าจึงย่อมจะดึงดูดนักเก็งกำไรที่กระหายการทำกำไรระยะสั้นได้มากกว่า

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD จากที่ราคาไม่สามารถตัดทะลุระดับแนวต้านที่ 98.23 ได้สำเร็จ ดัชนี USDX เคลื่อนที่ในช่องด้านข้าง คู่ EUR/USD ก็ขยับออกด้านข้างเช่นกัน โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าปัจจัยตลาดหมีอย่างเช่น การใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในยุโรปและการแยกตัวแบบไร้ข้อผูกพันได้ส่งผลต่อตลาดแล้ว หากมองอย่างเป็นกลางจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้มแข็งมากกว่าเศรษฐกิจยุโรป แต่สงครามการค้าที่ขับเคลื่อนโดยเงินดอลลาร์ของนายทรัมป์นั้นยิ่งส่งผลสะเทือนต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และขณะนี้ก็มีกระแสความคาดหวังว่าจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลางจากเหตุการณ์การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ ทางโดรน ซึ่งอิหร่านถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว และแน่นอนว่าสหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงในความขัดแย้งนี้ในที่สุด
    ทั้งหมดนี้นำไปสู่การแห่ปิดตำแหน่งขายในคู่ EUR/USD และเป็นไปได้ว่าราคาจะไม่สามารถทำระดับต่ำสุดที่ 1.0925 ของเดือนกันยายนได้ ผู้เชี่ยวชาญครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับสถานการณ์นี้และคาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นไปทำราคาที่ 1.1100 เป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 1.1160 ในขณะที่นักวิเคราะห์ 20% เชื่อว่าอย่างไรก็ตาม ราคาน่าจะขยับลดลงไปที่บริเวณ 1.0800 และอีก 30% ได้รับการสนับสนุนจากออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 คาดการณ์ว่าเทรนด์ด้านข้างจะมีผลต่อไป

  • GBP/USD ตามการคำนวณขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เผยว่าการแยกตัวเบร็กซิตแบบไร้ระเบียบจะกระทบต่อค่า GDP ยูโรโซนให้ลดลง 0.5 จุดและอาจสูงถึง 2 จุดต่อ GDP สหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญ OECD ระบุว่าแนวโน้มขาลงดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนอยู่ที่ขอบเหวของภาวะซบเซาและสหราชอาณาจักรจะต้องตกสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างลึกซึ้ง แน่นอนว่าคำทำนายนี้ส่งผลต่อตลาด โดยเฉพาะผู้บริโภคทั่วไปที่พยายามเทขายเงินปอนด์ ราคาจึงได้ขยับถึงระดับต่ำสุดของปี 2016
    หากคุณดูกราฟจะเห็นได้ว่าเมื่อสามปีก่อนหน้า ราคาได้ผลักออกจากโซน 1.1945-1.1985 ราคาได้ขยับขึ้นไปกว่า 2,400 จุดจนถึงระดับ 1.4345 เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 ประสบการณ์อันเป็น “ประวัติการณ์” นี้ยิ่งผลักดันให้นักลงทุนบางส่วนกวาดซื้อเงินปอนด์ในขณะนี้ โดยหวังว่าสถานการณ์เบร็กซิตจะคลี่คลายลงในที่สุด และธนาคารกลางอังกฤษจะต่อสู้กับระดับเงินเฟ้อโดยเริ่มจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
    ในส่วนของนักวิเคราะห์ จำนวนผู้สนับสนุนสถานการณ์ดังกล่าวในวันนี้อยู่ที่ 40% ส่วน 80% ของออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ก็เห็นด้วยกับคำทำนายนี้เช่นกัน หากตลาดกระทิงเกิดขึ้นจริง ราคาน่าจะขยับขึ้นไปในตอนแรกยังโซน 1.2575-1.2645 และจากนั้นจะขึ้นไปอีก 100 จุด คำทำนายที่ดูทะเยอทะยานมากที่สุดระบุว่าราคาอาจกระโดดขึ้นถึง 1.3100 ภายในสิ้นปีนี้
    อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน ปัญหาเบร็กซิตยังคงเปิดรอการแก้ไข นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์จำนวน 70% ในกรอบ H4 และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 จึงยังคงท่าทีในทางลบและคาดว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ราคาจะพยายามอีกครั้งที่จะขยับเข้าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 228(!) ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปี 2016 เงินปอนด์มีราคามากกว่าดอลลาร์เล็กน้อยเพียงแค่ 1.19 ดอลลาร์ (ในปี 1791 ราคา GBP/USD อยู่ที่ 4.55) ช่วงแนวรับที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.2385-1.2400, 1.2280-1.2300, 1.2065-1.2200, 1.1955-1.2015
  • USD/JPY ด้วยเหตุผลที่อธิบายข้างต้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) สนับสนุนแนวโน้มตลาดหมีโดยโหวตว่าราคาดอลลาร์จะลดลงและราคาคู่นี้จะกลับมาสู่ช่วง 105.75-106.75 ในส่วนออสซิลเลเตอร์ 85% และดัชนีในกรอบ H4 เห็นด้วยกับสถานการณ์นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามมีออสซิลเลเตอร์ 15% ที่ให้สัญญาณแล้วว่าราคาถูกขายมากเกินไป
    35% ของนักวิเคราะห์พิจารณาว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว ดังนั้นจึงทำนายว่าราคาน่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 109.00
    สำหรับการวิเคราะห์กราฟ ในช่วงขั้นแรกการเติบโตของราคาจะไปยังที่ระดับ 108.50 และจากนั้นจะตกลงมายังระดับ 106.75 โดยระดับแนวรับที่ตามมาได้แก่ 105.75 และ 105.00 สำหรับเป้าหมายของตลาดหมีคือราคาต่ำสุดของวันที่ 26 สิงหาคม 2019 ที่ระดับ 104.45  
  • คริปโตเคอเรนซี แม้ว่าจะมีกระแสความมั่นใจจากหลาย “กูรู” ในตลาดคริปโตว่าราคาบิทคอยน์จะขยับขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงห้าหมื่น หนึ่งแสน หรือสองแสนดอลลาร์ ณ ตอนนี้ราคาบิทคอยน์ยังคงอยู่ในโซนแข็งตัวและขยับในช่วงระดับ $10,000 นอกจากนี้ ความผันผวนของคู่ BTC/USD กลับลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละวันและดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะเหมาะสำหรับเจ้ามือรายใหญ่ในการสร้าง “รั้ว” ต่ำๆ เพื่อทำกำไรจากปริมาณของธุรกรรมมากกว่าราคาที่ดีดตัวอย่างผันผวน
    แน่นอนว่าราคาอาจพุ่งกระโดดได้ทุกขณะ อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำนายตอนนี้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและราคาจะพุ่งไปในทิศทางใด เราเน้นย้ำได้เพียงว่า ณ ขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญ 65% จากผลสำรวจที่ยังคงมีทัศนคติที่ดีและในส่วน 35% คาดการณ์ว่าราคาจะตกลงมาที่ประมาณ $8,000

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา