บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 7 - 11 ตุลาคม 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • EUR/USD ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (55%) คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะปรับตัวไปที่โซน 1.1000 สถานการณ์นี้สนับสนุนโดย 15% ของออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 และ W1 ซึ่งให้สัญญาณชัดเจนว่าราคาอยู่ในโซนถูกขายมากเกินไป คำทำนายนี้ถือว่าเป็นจริง 100% เนื่องจากค่าเงิน EUR พุ่งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนไปยังระดับ 1.0999 USD คำเตือนจากการวิเคราะห์กราฟก็ถูกต้องเช่นเดียวกันว่าก่อนที่ราคาจะขยับขึ้นไปยังระดับ 1.1000 ราคาอาจลดลงก่อนซึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์
    ค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นเป็นผลมาจากสถิติทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุเบื้องหลังทั้งสงครามทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ และตัวเลขกิจกรรมทางธุรกิจของ ISM ในภาคธุรกิจที่ลดลงจาก 56.4 เหลือเพียง 52.6 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ส่วนการประกาศสถิติจากตลาดแรงงานอเมริกาที่มักประกาศในทุกวันศุกร์แรกของเดือนและได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมานั้นเป็นที่จับตารอคอยของตลาด โดยตัวเลขจำนวนตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐฯ นอกภาคการเกษตร (Non-Farm Payrolls) ลดลงเกือบ 20% (จาก 168K เหลือเพียง 136K) ซึ่งแสดงถึงการเข้ามาถึงของภาวะถดถอย
    ทั้งดัชนี ISM และ NFP เป็นปัจจัยกำหนดท่าทีการดำเนินนโยบายของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ในการปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น เหตุการณ์สำคัญจะเป็นการแถลงข่าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ ในช่วงปลายสัปดาห์ทำการนี้ ซึ่งนักลงทุนหวังว่าจะได้สัญญาณแผนการของธนาคารในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
    นายพาวเวลล์เป็นที่รู้จักดีว่าเขามีความสามารถในการพูดหลายเรื่องแต่ไม่เฉพาะเจาะจงในเรื่องใด และในครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นราคาคู่นี้จึงดีดตัวขึ้นเล็กน้อยหลายครั้งก่อนที่จะหยุดอยู่ที่บริเวณ 1.0980
  • GBP/USD ในเกาะอังกฤษ สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเป็นสัปดาห์ที่สงบนิ่งอย่างน่าตกใจ ไม่มีเหตุการณ์พิเศษใดๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับเบร็กซิต ดังนั้น ราคาจึงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคมในโซนเดียวกันกับเจ็ดวันก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ราคาจะเคลื่อนที่ในช่องด้านข้างช่วง 1.2275-1.2350 แม้ว่าทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมีพยายามที่จะตัดทะลุช่วงดังกล่าวหลายครั้ง ดังนั้น ระดับต่ำสุดในช่องปักหลักอยู่ที่ 1.2205 และสูงสุดที่ 1.2415 และช่วงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 210 จุด
  • USD/JPY สำหรับเงินเยนเป็นที่คาดการณ์ว่านักลงทุนจะรอจนกว่าจะมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เงินเยนได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนที่ลดลงในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏว่าการเจรจาระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งยังคงมีความคลุมเครือและผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลรอบครบกำหนดสิบปีของสหรัฐฯ ลดลงมา 12% ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงสถิติทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินขยับขึ้น โดยไต่ถึงระดับของเดือนก่อนหน้าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 106.50 ตำแหน่งสุดท้ายของสัปดาห์ปิดตลาดที่ 106.85
  • คริปโตเคอเรนซี ดัชนี “Fear & Greed Index” ของเงินคริปโตขยับออกจากโซนสีแดงของเกณฑ์ “น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง” เข้าสู่โซนสีส้มที่ “น่ากลัวปานกลาง” ซึ่งความกลัวว่าราคาบิทคอยน์จะทรุดตัวลงยังคงไม่จางหายไปไหน แค่เพียงตลาดนิ่งสงบขึ้นและมีการปรับตัวหลังจากที่ตลาดฟิวเจอร์สเงินคริปโต Bakkt เปิดตัวอย่างไม่ประสบความสำเร็จและความวิตกที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นักเทรดและนักลงทุนจึงหยุดพักชั่วขณะซึ่งเห็นได้ชัดจากกราฟ BTC/USD ความผันผวนสูงสุดของคู่นี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในช่วงวันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม และอยู่ที่ประมาณ 9% สำหรับเวลาที่เหลือ ราคาได้ขยับอยู่ที่แนว $8,190 ในช่องที่แคบมากกว่าเดิมโดยผันผวนไม่เกิน 5%
    ตามบิทคอยน์มาติดๆ เป็นอัลท์คอยน์สกุลหลัก ได้แก่ Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD), Ripple (XRP/USD) และอื่นๆ ก็เข้าสู่เทรนด์ด้านข้างเช่นกัน ขณะนี้มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตกลับเข้าสู่ตัวเลขของช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2019 เกิน $223 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เราจะจับตารอคอยเหตุการณ์ต่างๆ หลายเหตุการณ์ เช่น แถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดสหรัฐฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดแน่นอนว่าเป็นการประกาศรายงานการประชุมของกรรมการบริหารธนาคารเฟดในวันพุธที่ 9 ตุลาคม และรายงานการประชุมผู้บริหารธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม รายงานทั้งสองฉบับจะช่วยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ และอียูในอนาคตอันใกล้
    ณ ขณะนี้ เสียงของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นหลายๆ กลุ่ม: 60% ของผู้เชี่ยวชาญซึ่งสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 โหวตให้กับแนวโน้มขาลงว่าราคาจะพยายามทำราคาต่ำใหม่หลังจากราคาต่ำสุดของวันที่ 1 ตุลาคมที่ 1.0880 นักวิเคราะห์อีก 40% ที่เหลือเห็นด้วยกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ซึ่งให้มุมมองในทางตรงกันข้าม เชื่อว่าแรงขาขึ้นของยูโรยังไม่อ่อนกำลังหมดและราคาน่าจะสามารถขยับขึ้นถึงโซน 1.1100 ได้สำเร็จ
    และสุดท้ายในส่วนของดัชนี ทั้งออสซิลเลเตอร์และดัชนีเทรนด์ในกรอบ H4 ส่วนใหญ่ให้สัญญาณสีเขียวในกรอบ D1 ในส่วนกรอบ W1 สัญญาณกว่าครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยมีสีแดงปกคลุมมากกว่า ในขณะเดียวกัน 15% ของออสซิลเลเตอร์ให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในโซนถูกซื้อมากเกินไปในกรอบ H4 และ D1
  • GBP/USD ในวันอังคารที่ 8 ตุลาคม มีกำหนดการกล่าวแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ประธานธนาคารกลางอังกฤษ อย่างไรก็ดี คนที่มีบทบาทมากกว่าไม่ใช่เขา หากแต่เป็นนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อข่าวในสหราชอาณาจักร ณ เวลานี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดหรือทำย่อมทำให้นักลงทุนตื่นเต้นมากกว่าหลายเท่า (หวังว่านายคาร์นีย์จะไม่ถือสา) แต่สิ่งที่นายจอห์นสันจะพูดหรือทำนั้นก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนเท่าใดนัก (เขาเองก็อาจจะยังไม่รู้เหมือนกัน) เหลือเวลาอีกเพียงสามสัปดาห์ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากอียู และเป็นไปได้ยากที่นายจอห์นสันจะสามารถสรุปข้อตกลงกับบรัสเซลส์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ ดังนั้นเบร็กซิตอาจจะเกิดขึ้นโดยไร้ข้อตกลงหรือ...อาจถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง
    แม้ว่าปาฏิหารย์เกิดขึ้นในบางครั้ง..แต่จากผลสำรวจพบว่านักวิเคราะห์จำนวน 65% เช่นเดียวกับการวิเคราะห์กราฟไม่เชื่อในปาฏิหารย์ พวกเขาจึงคาดว่าเงินปอนด์อังกฤษจะทรุดลงต่อไปโดยจะพยายามทำราคาต่ำใหม่จากวันที่ 3 กันยายนที่ 1.1960 โดยมีแนวรับใกล้ที่สุดที่ระดับ 1.2200 และ 1.2070
    มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 35% ที่เชื่อในตัวนายบอริส จอห์นสัน และคาดการณ์สถานการณ์ที่ดีที่สุด รอให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นจนราคาขยับขึ้นมาที่ 1.2525
    สำหรับในส่วนของดัชนี สถานการณ์คล้ายกันกับสถานการณ์ในสภาสหราชอาณาจักร ณ ขณะนี้ เพราะมีสัญญาณผสมกันระหว่างสีแดง เขียว และเทา รวมถึงสัญญาณที่ไม่สอดคล้องกันว่าราคาอยู่ในโซนถูกซื้อหรือถูกขายมากเกินไปในกรอบเวลาที่ต่างกัน ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพึ่งพาอาศัยดัชนีต่างๆ ในการทำการตัดสินใจ ณ ขณะนี้

 

  • USD/JPY การวิเคราะห์กราฟและผู้เชี่ยวชาญ 65% คาดว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นและราคาคู่นี้จะขยับลดลง นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่แค่คำทำนายรายสัปดาห์แต่เป็นคำทำนายจนถึงสิ้นปี 2019 ในส่วนดัชนีเทรนด์ 100% ในกรอบ H4 และ D1 เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้เช่นกัน ตลอดจนดัชนี 75% ในกรอบ W1 แต่ในส่วนออสซิลเลเตอร์ สถานการณ์แตกต่างออกไปดังนี้: 75% โหวตให้กับแนวโน้มขาลงในกรอบ H4 อีก 60% โหวตให้ในกรอบ D1 และเพียง 25% ในกรอบ W1 เป้าหมายของตลาดหมีได้แก่ 106.50, 105.70, 105.00 และ 104.45 ส่วนเป้าหมายของแนวโน้มกระทิงได้แก่ 107.55, 108.50, 109.00
  • คริปโตเคอเรนซี แฟนๆ ตลาดเงินดิจิทัลยังคงสะกดจิตใจนักลงทุนด้วยคำสัญญาของกำไรที่สูงคับฟ้า ซึ่งนายจอห์น แมคกาฟี นักพัฒนาซอฟต์แวร์กำจัดไวรัสชื่อดัง กล่าวอ้างว่าราคาบิทคอยน์อาจขยับถึง $1 ล้านเหรียญในปี 2020 เขาอธิบายคำทำนายสมมติฐานนี้ด้วยจำนวนที่จำกัดของเหรียญบิทคอยน์ซึ่งถูกขุดไปแล้ว 85% คำทำนายที่ดู “ถ่อมตน” มากกว่าเป็นของนักวิเคราะห์ธนาคาร Bayerische Landesbank (BayernLB) ของเยอรมนี ซึ่งมองว่าการวางแผนลดผลตอบแทนในการขุดเหรียญลงครึ่งหนึ่งในปีหน้าอาจส่งผลหนุนให้ราคา BTC ขยับขึ้นไปถึง $90,000 ซึ่ง ณ ขณะนี้ราคาอยู่ที่ $8,200 จึงนับว่าเป็นผลตอบแทนเป็นกำไรเกือบ 1000%
    อย่างไรก็ตาม นอกจากฝั่งที่มองโลกในแง่ดีแล้ว เราจะละเลยเสียงของฝั่งผู้กังขาไม่ได้เช่นกันซึ่งมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงสองปีที่ผ่านมาตั้งแต่กลางปี 2017 เงินคริปโตไม่เพียงแต่จะล้มเหลวที่จะเข้ามาแทนที่สกุลเงินดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังล้มเหลวที่มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกอีกด้วย ยังไม่มีการเริ่มใช้เงินดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระเงินขนานใหญ่ นอกจากนี้หากเงินดิจิทัลตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐก็จะสูญเสียเอกลักษณ์แนวคิดสำคัญของการเป็นอิสระจากรัฐบาลในตลาดการเงิน
    ณ ตอนนี้มีนักวิเคราะห์เพียง 25% ที่เชื่อว่าราคาบิทคอยน์จะสามารถขยับขึ้นเหนือโซน $8,500-8,600 ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ขณะนี้หลายคนพูดถึงการเคลื่อนที่ในแนวด้านข้าง โดยมีตลาดหมีครอบคลุมมากกว่าเล็กน้อยซึ่งอาจส่งผลให้ราคาปรับลดลงมาที่ $7,500-7,700

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา