บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 21-25 ตุลาคม 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD หัวข้อหลักของสัปดาห์ที่แล้วแน่นอนว่าคือเบร็กซิต นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายบอริส จอห์นสัน ในที่สุดก็ประนีประนอมกับบรัสเซลส์ได้สำเร็จ และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปได้ให้ความเห็นชอบในข้อตกลงการแยกตัวเบร็กซิตออกจากอียูและกำหนดวันแยกตัวเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน ความคืบหน้านี้รวมถึงความเสี่ยงด้านการเมืองและการค้าที่ลดลงในยุโรป เอเชีย และอเมริกา ตลอดจนสถิติอ่อนแอ “ตามฤดูกาล” จากสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาขยับไปทางทิศเหนือตามฝั่งตลาดกระทิง
    ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (70%) ได้กำหนดเป้าหมายหลักไว้ที่ 1.1160 และคำทำนายนี้ปรากฏว่าถูกต้องโดยสมบูรณ์ โดยในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาได้ขยับถึงและปิดตลาดที่บริเวณระดับดังกล่าว
  • GBP/USD ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นมา ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้นมาเกือบ 800 จุดหรือประมาณ 6% และทั้งหมดนี้เป็นเพราะความหวังในการความสำเร็จของ “มหากาพย์” เบร็กซิตที่กินเวลายาวนานมากว่า 3.5 ปีจนทำให้ทุกฝ่ายต่างเริ่มค่อนข้างเบื่อหน่าย จนกระทั่งถึงข่าวดีที่ปรากฏเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคมส่งผลหนุนให้เงินปอนด์พุ่งไปที่ราคา 1.2990 ก่อนที่จะปรับตัวเล็กน้อยและปิดที่ 1.2940 
  • USD/JPY ในสัปดาห์ที่แล้วความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเงินเยนแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเท่าๆ กัน: หนึ่งในสามโหวตให้กับเทรนด์ขาขึ้น อีกหนึ่งในสามโหวตเทรนด์ขาลง และอีกหนึ่งในสามโหวตเทรนด์ด้านข้าง และปรากฏว่ากลุ่มทุกกลุ่มต่างทำนายได้ถูกต้อง ในช่วงต้น ราคาได้ขยับลดลงเล็กน้อยมาที่ระดับ 108.02 จากนั้นก็ขยับขึ้นอีกนิดที่ 108.90 ก่อนที่จะเคลื่อนที่ออกทางด้านข้างและปิดตลาดแทบจะที่บริเวณเดียวกับราคาเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าในโซนกลับตัวที่ 108.40-108.45
  • คริปโตเคอเรนซี ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ได้ประมาณการว่าราคาของเงินคริปโตสกุลหลักเพิ่มขึ้นกว่า 838.078.685% ตลอดสิบปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มการพุ่งทะยานจะไม่คุ้มค่าต่อการรอคอยอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ไม่นาน ราคาบิทคอยน์ถูกหนุนขึ้นด้วยข่าวการเปิดตัวโครงการขนานใหญ่อย่าง Libra ของ Facebook และโปรเจ็คเหรียญ TON ของ Telegam (แม้ว่าจะยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไม เพราะหากเหรียญทั้งสองนี้เปิดตัวจริงก็จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของบิทคอยน์) แต่รัฐบาลหลายประเทศและสถาบันทางการเงินต่างตอบโต้โจมตีโครงการของ Facebook และบริษัท Telegram ก็ได้สั่งเลื่อนกำหนดการเปิดตัวเหรียญ TON ออกไปเนื่องด้วยปัญหาประเด็นทางกฎหมายอเมริกา ดังนั้น แรงกระตุ้นจากทั้งสองปัจจัยนี้ก็ถูกลดความสำคัญลงไปมาก และแน่นอนก็ย่อมส่งผลต่อตลาดเงินคริปโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนในช่วงสิบวันที่ผ่านมา มูลค่ารวมในตลาดลดลงมาจาก $236 พันล้านเหลือ $224 พันล้านเหรียญสหรัฐ และราคาบิทคอยน์ก็ลดลงมายังกรอบด้านล่างของช่องด้านข่างที่ $7,795-8,700 ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำนายไว้
    Ethereum (ETH/USD) และ Litecoin (LTC/USD) เดินตามรอยบิทคอยน์ในทางทิศใต้เช่นกัน แต่ในส่วนของ Ripple (XRP/USD) ปรากฏถึงความดื้อรั้นในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาเหรียญนี้ขยับขึ้นกว่า 40% กลับสู่ระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญในระยะกลางที่โซน 0.30 มีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มขาขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากข่าวในทางบวกของบริษัทหลายข่าวด้วยกัน

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • GBP/USD เรานำเสนอคู่นี้ก่อน Euro/Dollar เพราะว่าทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อค่าเงินปอนด์ในสัปดาห์นี้จะส่งอิทธิพลที่สำคัญเป็นอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินหลักสกุลอื่นๆ
    ที่จริงแล้วข้อตกลงเบร็กซิตฉบับใหม่ก็เป็นเนื้อหาเดียวกันกับข้อตกลงของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ คนก่อนที่ล้มเหลวในการ “ผลักดัน” ข้อตกลงให้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสหราชอาณาจักร และ ณ ตอนนี้ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จะพยายามผลักดันข้อตกลงอีกครั้ง ซึ่งหากไม่ผ่านมติเห็นชอบของสภา ข้อตกลงกับอียูก็จะไม่เกิดขึ้น
    ความแตกต่างระหว่างข้อตกลงฉบับเก่าและฉบับของนายจอห์นสันคือการตัดประเด็น “เขตแดนไอร์แลนด์” ที่เป็นความเสี่ยงในการคงสมาชิกภาพของสหราชอาณาจักรในสหภาพศุลกากรยุโรป แต่นายจอห์นสันเองก็ล้มเหลวที่จะปิดช่องว่างทางเขตแดนอย่างสิ้นเชิง และไอร์แลนด์เหนือจะยังคงต้องปฏิบัติตามกฎทางการค้าของอียู และด้วยประเด็นนี้เองทำให้หลายคนมองว่าเป็นภัยต่อเอกภาพของสหราชอาจักรโดยรวม ฝ่ายพรรคสหภาพเดโมแครตของไอร์แลนด์เหนือก็ไม่พึงพอใจเช่นกัน “เราไม่ได้ตั้งใจที่จะโหวตให้กับโปรเจ็คนี้” กล่าวโดยผู้นำพรรค DUP นางอาร์ลีน ฟอสเตอร์ “มันยังไม่ใช่จุดจบ มันยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของจุดจบเลยด้วยซ้ำ!”
    ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามฟอล์คแลนด์ในปี 1982 ที่สมาชิกรัฐสภาจะต้องเข้าประชุมสภาเป็นการฉุกเฉินในช่วงวันสุดสัปดาห์ ณ เวลาที่เขียนบทวิเคราะห์นี้เรายังไม่ทราบว่า “วันเสาร์สำคัญ” นี้จะจบลงอย่างไร แต่จากการนับคะแนนง่ายๆ ชี้ว่านายจอห์นสันอาจจะขาดเสียงโหวตเล็กน้อย และการลงคะแนนที่ล้มเหลวอาจจะนำไปสู่ความไม่แน่นอนของผลลัพธ์เบร็กซิตแบบเดิมๆ อีกครั้ง
    อย่างไรก็ตาม ยังคงมีโอกาสสูงที่ในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคมนี้ ตลาดจะเปิดทำการพร้อมช่องว่างราคาขนาดใหญ่ ออสซิลเลเตอร์ 20% ชี้แล้วว่าค่าเงินปอนด์อังกฤษถูกซื้อมากเกินไป และในกรณีที่นายจอห์นสันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เราจะได้เห็นการโต้กลับอย่างรุนแรงโดยฝั่งตลาดหมีที่จะพาราคากลับไปยังจุดต่ำสุดของเดือนตุลาคมในรอบสิบปีที่ 1.2200 (แนวรับที่ 1.2515, 1.2380 และ 1.2280) แต่หากข้อตกลงได้รับการเห็นชอบ ค่าเงินปอนด์ก็มีโอกาสที่จะพุ่งทะยานขึ้นไปยังจุดสูงสุดของปีที่ 1.3380
    หากเราปรับจากคำทำนายรายสัปดาห์เป็นคำทำนายในระยะกลาง จะเห็นได้ชัดว่าแม้แต่สถานการณ์เบร็กซิตที่ผ่านข้อตกลงเรียบร้อยดี เงินปอนด์ก็จะยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน การปรับความสัมพันธ์กับอียูที่สหราชอาณาจักรต้องโดดเดี่ยวออกมานั้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ที่จะเป็นผลบังคับให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยและดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างจริงจัง ในสถานการณ์เช่นนี้ เงินปอนด์จะมีโอกาสที่กลับตัวจากราคาสูงสุดลงมาที่โซน 1.3100
  • EUR/USD ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้จะมีการประกาศผลการตัดสินใจในอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติจีนในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม และของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 24 ตุลาคม และหากอัตราดอกเบี้ยของยูโรคงที่ ทางฝั่งปักกิ่งอาจสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเล็กน้อย ส่วนสถิติกิจกรรมทางธุรกิจในเยอรมนีที่จะมีการประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ก็เป็นที่น่าสนใจเช่นกัน แต่อย่างที่อธิบายไว้ข้างต้น แนวโน้มหลักของราคาคู่นี้จะถูกกำหนดโดยค่าเงินปอนด์เป็นหลักที่จะส่งผลดึงค่าเงินยูโรขึ้นไปหรือฉุดให้ต่ำลงมาหนึ่งหรือสองร้อยจุด เป้าหมายของตลาดหมีคือราคาต่ำสุดรอบเดือนกันยายน-ตุลาคมที่ 1.0850-1.0925 ในขณะที่เป้าหมายของตลาดกระทิงอยู่ที่ 1.1250-1.1350
    ณ ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (80%) คาดการณ์ว่านายบอริส จอห์นสัน จะสามารถได้รับคะแนนเสียงข้างมากผ่านมติในสภา และมีเพียง 20% ที่ทำนายว่าราคาจะขยับลดลง ซึ่งเป็นที่น่าสนใจเมื่อปรับไปสู่คำทำนายระยะกลาง ความสมดุลดังกล่าวกลับกลับกันในทางตรงกันข้าม โดยมี 80% คาดว่าราคาจะขยับลดลงมาที่โซน 1.0800-1.0900 ภายในสิ้นปีนี้
  • USD/JPY เป้าหมายของเงินเยนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โซนแนวรับอยู่ที่ 107.00, 106.65 และ 105.70 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 109.00 และ 109.85 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีแต่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดย 60% โหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของราคาในสัปดาห์หน้าและ 40% โหวตเทรนด์ขาลง ส่วนในระยะกลางทุกอย่างกลับกันในทางตรงกันข้าม 40% โหวตให้กับขาขึ้นและ 60% โหวตให้กับขาลง
    ในส่วนดัชนีต่างๆ ก็ไม่มีสัญญาณที่พ้องกันเช่นกัน หากในกรอบ H4 มีออสซิลเลเตอร์ 80% ให้สัญญาณสีแดง และ 20% ระบุว่าราคาถูกขายมากเกินไป แล้วในกรอบ D1 มี 80% ให้สัญญาณสีเขียว และ 20% เชื่อว่าราคาถูกขายมากเกินไป
    ผลลัพธ์นี้ยังสรุปได้โดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ที่ระบุว่าราคาจะตกลงมาในตอนแรกที่ระดับ 107.50 จากนั้นจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 109.00
  • คริปโตเคอเรนซี คู่ BTC/USD ได้ขยับในช่วง $7,795-8,700 โดยมีจุดกลับตัวที่ $8,300 เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา สถานการณ์เดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน แต่ในตอนนั้นหากคุณติดตามทฤษฎีคลื่นของ Elliot จะเห็นว่าเป็นช่วงคลื่นพักตัว (หรือคลื่นปรับตัวที่ #4) ระหว่างคลื่นขาขึ้นที่ #3 และ #5 (ซึ่งปรากฏเห็นได้ชัดในกรอบเวลา W1) ส่วนในขณะนี้ภาพรวมกลับกลับกันเมื่อใช้ทฤษฎีคลื่นเดียวกัน เราจะเห็นได้ว่าขณะนี้คลื่นที่ #5 กำลังอยู่ในช่วงขาลงแล้ว ในทางทฤษฎี เราจะสันนิษฐานว่าจะมีการปรับตัวของราคาในทางขาขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดัชนี MFI ในกรอบ H4, D1 และ W1 ปรากฏอยู่ในโซนต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และเส้น MACD ในกรอบ H4 และ D1 เบนออกจากกราฟ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีตัวอย่างให้เห็นหลายครั้งแล้วว่าการใช้การวิเคราะห์กราฟและการวิเคราะห์ทางเทคนิคกับสกุลเงินคริปโตมักจะมีความคลาดเคลื่อน ปัจจัยสำคัญในที่นี้คือข่าวและการปั่นป่วนของนักเก็งกำไรรายใหญ่ ข้อเท็จจริงก็คือในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์ลดลงกว่า 40% และดัชนีเงินคริปโต “Fear & Greed Index” ยังคงอยู่ในโซน “น่ากลัว”
    ทัศนคติในแง่ลบเป็นของผู้เชี่ยวชาญ 60% ที่คาดว่าราคาจะตัดทะลุกรอบด้านล่างของช่องราคาและ BTC/USD จะตกลงมาที่โซน $7,000-7,400 ส่วนนักวิเคราะห์ 40% ที่เหลือไม่คาดว่าบิทคอยน์จะพุ่งทะยานสำเร็จได้เช่นกัน พวกเขามองว่าในสัปดาห์หน้านี้จะมีการซื้อขายบิทคอยน์อยู่ในช่วง $8,300-8,700 ต่อ 1 เหรียญ

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา