อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐฯ ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากรายงานข่าวความสมัครใจของสหรัฐฯ และจีนในการตัดรายการภาษี ซึ่งเป็นส่วนใหม่ในข้อตกลงการค้าที่กำลังจะมีการลงนาม นักเก็งกำไรเริ่มหันหลังให้กับสินทรัพย์หลบภัยอย่างพันธบัตร เงินเยน และทองคำ สกุลเงินยูโรก็อ่อนค่าต่อเงินดอลลาร์เช่นเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่าดัชนีเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ จะพัฒนาขึ้นหลังจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยุติลง และถึงแม้ว่าเส้นทางการลงนามในข้อตกลงโดยสมบูรณ์นั้นยังอีกยาวไกล นักวิเคราะห์เชื่อว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่มีท่าทีที่ผลีผลามในช่วงระยะเวลาที่ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะถึงนี้
ในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญ 40% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟ ได้โหวตให้กับการปรับลดค่าเงินยูโร ออสซิลเลเตอร์ 10% ชี้ว่าสกุลเงินยูโรถูกซื้อมากเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดว่าเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนทิศทาง ในกรณีที่ราคาตัดทะลุกรอบด้านล่างของช่องด้านข้างที่ 1.1075-1.1175 สถานการณ์ตลาดหมีจึงส่งแรงให้ราคาลดลงมาที่โซนแนวรับ 1.1000 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง โดยในช่วงปลายสัปดาห์ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.1016 และปิดตลาดที่ 1.1020 - GBP/USD เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงที่ 0.75% แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์ไม่ได้คาดหมายก็คือ มีสมาชิก 2 คนจากทั้งหมด 9 คนในคณะกรรมการนโยบายทางการเงินที่โหวตให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% คะแนนเสียงสองคะแนนนี้ก็เพียงพอที่จะส่งผลกดเงินปอนด์ให้อ่อนค่าลงมากกว่า 70 จุด
โดยทั่วไปก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เงินปอนด์เดินรอยตามค่าเงินยูโร และหากคู่ EUR/USD เสียมูลค่ากว่า 150 จุดในห้าวัน เงินปอนด์อังกฤษก็ตกลงมา 170 จุดเช่นกัน โดยปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.2780 - USD/JPY ตามที่ระบุข้างต้น ความคืบหน้าในการเจรจาสหรัฐฯ-จีน สะท้อนถึงความน่าดึงดูดของเงินเยนในฐานะสกุลเงินหลบภัย ด้วยเหตุนี้ แนวโน้มขาลงของสกุลเงินญี่ปุ่นต่อเงินดอลลาร์ลงมาต่ำสุดในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ 130 จุด โดยราคาปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ระดับ 109.22
- คริปโตเคอเรนซี ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ไม่ค่อยมีข่าวสำคัญที่ส่งผลต่อราคาสกุลเงินดิจิทัลมากเท่าใดนัก ดังนั้น ราคาบิทคอยน์จึงเคลื่อนตัวอย่างสงบที่แนวแข็งตัวในช่วง $9,100-9,500 จนถึงวันศุกร์ ก่อนที่ราคาจะขยับลดลงอย่างรวดเร็วและเสียมูลค่าถึง 6% ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยลงมาตั้งหลักที่กรอบด้านล่างที่ระดับ $8,680
ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่าสาเหตุเบื้องหลังแนวโน้มขาลังดังกล่าวนั้นมาจากอะไร บรรดานักวิเคราะห์ทางเทคนิคอ้างอิงถึงรูปสามเหลี่ยมแคบในกรอบ 4 ชั่วโมงของกราฟ BTC/USD หรือสาเหตุอาจมาจากข่าวเกี่ยวกับการโจรกรรมตลาดเงินคริปโตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งที่เจ็ดของปีนี้ ในครั้งนี้ แฮ็คเกอร์ถอนเงินจากสินทรัพย์ดิจิทัล 23 สกุลคิดเป็นเงินกว่า $500,000 จากตลาดแลกเปลี่ยนเวียดนามอย่าง VinDAX
เมื่อพูดถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีความน่าสนใจเนื่องจากจำนวนอัลท์คอยน์สกุลติดอันดับไม่ได้เดินรอยตามเงินคริปโตสกุลหลัก และแสดงออกถึงการเคลื่อนที่ของราคาที่เป็นอิสระ ในขณะที่ราคาบิทคอยน์ขยับในขาลง Ethereum (ETH/USD) คงอยู่ที่ช่วงเดิมที่เคยเริ่มต้นในรอบเจ็ดวัน และ Litecoin (LTC/USD) ขึ้นมา 5%
Ripple แตกต่างออกไป ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความพยายามในการบริหารจัดการ Ripple ยังดูเหมือนหมอกยังคงปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเหรียญสกุลนี้ ราคา “หดตัว” กว่า 90% ในปี 2018-2019 ส่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ความผันผวนของราคา XRP/USD อยู่ที่ประมาณ 14% และราคาตกลงมาที่ระดับ 0.2710 ในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เราคาดว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ หนึ่งในนั้นที่ควรให้ความสำคัญคือการแถลงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรสในช่วงกลางสัปดาห์ และการก่อตัวของเทรนด์อาจได้รับอิทธิพลจากสถิติระดับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน ตัวเลขประมาณการค่า GDP ในยูโรโซนในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน และดัชนีการขายปลีกในสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ควรพิจารณาให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากระดับเงินเฟ้อของเดือนตุลาคมต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์มาก ธนาคารเฟดอาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สี่ของปีในเดือนหน้านี้
และแน่นอนว่าตลาดจะตั้งใจติดตามข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯและจีน ซึ่งมีหลายโอกาสที่ดูมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยินยอมยกเลิกภาษีต่อไปในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ข่าวในทางบวกจากการพบปะหารือของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในเดือนธันวาคม นี่คือเหตุผลว่าทำไม 65% ของผู้เชี่ยวชาญถึงโหวตว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อไปและเงินยูโรจะอ่อนค่าลง ทำให้ราคาอยู่ที่โซน 1.0940-1.0990 โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ราคาต่ำสุดของวันที่ 1 ตุลาคมที่ 1.0880
การวิเคราะห์กราฟและดัชนีต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกันกับนักวิเคราะห์: โดยสัญญาณ 90% จากออสซิลเลเตอร์และดัชนี 100% เป็นสีแดง
มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% และออสซิลเลเตอร์ 10% เท่านั้นที่คาดการณ์ว่าราคาจะเติบโตขึ้น โดยให้สัญญาณถูกขายมากเกินไป และมีโซนแนวต้านใกล้ที่สุดที่ 1.1075 ถัดมาที่ 1.1110 และ 1.1180
และสุดท้ายนักวิเคราะห์อีก 15% ที่เหลือพูดถึงแนวโน้มด้านข้าง ซึ่งตลอดช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทำกราฟรูปทรง Double Head และผู้เชี่ยวชาญคาดว่าราคาจะยังคงตัวอยู่ที่ช่วงฐานอยู่สักระยะหนึ่ง โดยเคลื่อนที่ในช่วง 1.0990-1.1075
- GBP/USD เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรกำลังประสบกับปัญหาอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนในประเด็นเบร็กซิต อุตสาหกรรมก่อสร้างอยู่ในแนวโน้มขาลงที่ 1.3% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และตัวเลขการผลิตในทางอุตสาหกรรมที่ลดลงเป็นผลมาจากโรงงานยานยนต์หลายแห่งที่ปิดตัวลง ด้วยเหตุนี้ ตัวเลขค่า GDP สหราชอาณาจักรในไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน อาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อังกฤษพุ่งทะยาน ตามบทวิเคราะห์ชี้ว่าอัตราการเติบโต GDP อาจแตะถึง +0.3% เทียบกับ -0.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลผลักดันราคาขึ้นไป
ปัจจัยกระตุ้นหลักของคู่ GBP/USD จะยังคงเป็นเงินดอลลาร์ เช่นเดียวกับในกรณีของเงินยูโร ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 65% การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และดัชนีส่วนใหญ่ยังคงรอคอยให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและเงินปอนด์อ่อนค่าลง โดยแนวรับอยู่ที่ระดับ 1.2700, 1.2650 และ 1.2550
สำหรับนักวิเคราะห์ 35% ที่เหลือ พวกเขาเชื่อว่าหลังจากราคาแตะถึงเพดานด้านล่างของช่องด้านข้างในรอบสามสัปดาห์ที่ 1.2770-1.3000 ราคาจะเริ่มกลับและขยับขึ้นทิศเหนือ สัญญาณ 15% ของออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 และ D1 เห็นด้วยกับสิ่งนี้เช่นกัน โดยให้สัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไป - USD/JPY สถานการณ์กับค่าเงินญี่ปุ่นคล้ายกันกับยูโรและเงินปอนด์ ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากดัชนีเศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้นของทางสหรัฐฯและจีนหลังจากการลงนามใน “สนธิสัญญาสงบศึก”
ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน จะมีการประกาศการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของญี่ปุ่น นักวิเคราะห์ทำนายแล้วว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีการชะลอตัว ดังนั้น ค่าเงินเยนญี่ปุ่นจะมีอีกหนึ่งเหตุผลที่จะอ่อนค่าลงในระยะสั้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ 65% ก็เห็นด้วยเช่นกัน โดยมีระดับแนวต้านที่ใกล้ที่สุดที่ 109.50, จากนั้นที่ 110.000 และ 110.70
มีนักวิเคราะห์เพียง 10% ที่โหวตให้เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและแนวโน้มขาลงของคู่นี้ โดยมี 25% เชื่อว่าราคาจะขยับในช่องด้านข้างที่บริเวณจุดวกกลับที่ 109.00 - คริปโตเคอเรนซี ดัชนี Bitcoin Crypto Fear & Greed Index เบี่ยงเบนออกจากค่าเฉลี่ยและขยับได้ใกล้เข้ากับโซนน่ากลัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตาามคำทำนายคลาสสิกแล้วชี้ว่าตำแหน่งนี้เป็นสาเหตุให้ควรพิจารณาเปิดตำแหน่งเข้าซื้อ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่นานมานี้เริ่มมีความระมัดระวังกับดักต่างๆ มากมายจากราคาที่กระโดดอย่างฉับพลัน
ผู้เชี่ยวชาญ 60% ยังคงทัศนคติที่ในทางลบเช่นกัน ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ Bloomberg คริปโตเคอเรนซีสกุลแรกนี้มีโอกาสที่ราคาจะขยับลดลงมาที่ระดับ $8,000 ภายในสิ้นปีนี้ การเติบโตของราคา BTC/USD ตามที่เคยกล่าวไว้ จะถูกขัดขวางโดยการเทขายจากความกลัวของภาวะ “เผาทิ้ง” อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ 40% เชื่อว่าบิทคอยน์จะสามารถขึ้นปี 2020 ที่ราคาในโซน $10,500-11,000
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความกังวลต้องคอยจับตาดูราคาวันต่อวัน มีคำแนะนำจากผู้บริหารตลาดบิทคอยน์อเมริกัน BitInstant นายชาร์ลี ชเร็ม ว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนในบิทคอยน์คือการซ่อนเงิน 5 หรือ 10 BTC ในกระเป๋าถือเงินเย็น และซ่อนเงินนี้ไว้โดยวิธีที่คุณไม่สามารถเข้าถึงมันได้อีก 20 ปีข้างหน้า” เขากล่าวต่อว่า “ผมเชื่อว่าอีก 20 ปี เงินจำนวน 5-10 บิทคอยน์จะเป็นเงินที่เปลี่ยนชีวิตคุณให้ดีขึ้น บิทคอยน์จะรอดพ้นจากแม้แต่ความพังพินาศจากนิวเคลียร์ ในขณะที่ธนาคารและเงินกระดาษสามารถถูกเผาเป็นผุยผง”
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ