บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซี ประจำวันที่ 25 - 29 พฤศจิกายน 2019

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว: 

  • EUR/USD ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้ว โฟกัสอยู่ที่ความไม่แน่นอนที่ปกคลุมตลาดอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ในตอนนั้นจำนวนผู้สนับสนุนตลาดกระทิงมีมากกว่าฝั่งตลาดหมีเพียง 10% ในส่วนผู้เชี่ยวชาญ 55% โหวตว่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยมีจำนวน 45% ทั้งนี้ ในความเป็นจริง ราคาได้ขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน ไต่ถึงระดับ 1.0900 และขยับเข้าสู่เทรนด์ด้านข้าง ราคาพักอยู่ที่ระดับดังกล่าวจนถึงวันศุกร์ ซึ่งมีการประกาศตัวเลขสถิติยุโรปที่อ่อนแอ (PMI) และการกล่าวแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรปคนใหม่ นางคริสติน ลาการ์ด ทำให้ราคาขยับลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ราคายังไม่สามารถตัดทะลุแนวรับที่ 1.1000 และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.1020
    ลาการ์ดยิ่งเพิ่มความคลุมเครือต่อตลาด เธอกล่าวว่ายุโรปจำเป็นต้องมีระบบมาตรการทางเศรษฐกิจใหม่ และธนาคารกลางยุโรปจะทบทวนยุทธศาสตร์ใหม่ในเร็วๆ นี้ แต่ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้จะเป็นอะไรนั้นยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด โดยเฉพาะเสียงที่ไม่ลงรอยกันในสภาบริหารธนาคารกลางฯ และการขาดฉันทามติที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป
  • GBP/USD สหราชอาณาจักรกำลังเตรียมความพร้อมต่อการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งสถานการณ์ทั้งเบร็กซิตและสภาพเศรษฐกิจประเทศในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เช่นเดียวกับสถานการณ์ของเงินยูโร ดังนั้น ฝั่งตลาดกระทิงและหมีกำลังมองหาเหตุปัจจัยที่จะผลักดันราคาไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งด้วยข่าวดัชนีเศรษฐกิจ
    หากเราสรุปผลของสัปดาห์ที่ผ่านมา ชัยชนะคงเป็นของฝั่งตลาดหมี โดยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ PMI ในภาคบริการตกลงมาต่ำกว่าระดับสำคัญที่ 50.0 และอยู่ที่เพียง 48.6 ส่งผลให้ราคาตกลงมาที่ระดับ 1.2822 โดยปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.2835
  • USD/JPY อย่างที่เคยอธิบายในครั้งก่อนว่า เงินเยนอ่อนค่าลงเกือบตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และราคาได้ขยับขึ้นตามเส้น MA200 ในกราฟกรอบเวลาสี่ชั่วโมง โดยมีความพยายามสี่ครั้งที่จะตัดทะลุระดับแนวรับแต่ไม่เป็นผล และความพยายามครั้งที่ห้าจะเป็นอย่างไรตามที่เราเคยเขียนไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว ล้วนขึ้นอยู่กับแนวโน้มการลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรายงานสัญญาณที่ดีออกมามากมาย แต่ก็ยังคงไม่ปรากฏผลลัพธ์เจาะจงใดๆ ผู้แทนเจรจาของอเมริกาดูเหมือนจะมีความพร้อมต่อการหารือแต่ยังคงรอสัญญาณยืนยันจากฝั่งจีนว่า ปักกิ่งพร้อมที่จะคุ้มครองสินทรัพย์ทางปัญญาและเทคโนโลยีรวมถึงสั่งซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ หรือไม่ แต่ทั้งนี้จีนจะยอมปฏิบัติตามหรือจะมีท่าทีในรูปแบบใดนั้นคือคำถามหลัก ดังนั้น ความพยายามครั้งที่ห้าที่จะตัดทะลุเส้น MA200 ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ล้มเหลวเช่นกัน โดยราคาตกลงมายังระดับ 108.27 ก่อนที่จะกลับทิศทางและปิดท้ายสัปดาห์อยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ระบุเล็กน้อยที่ 108.63
  • คริปโตเคอเรนซี “คำทำนาย” หลักในช่วงหลังนี้สามารถสรุปได้เป็นสองคำเท่านั้นก็คือ “ระวัง” และ “สัญญาณลบ” เราหวังว่านักเทรดและนักลงทุนจะปฏิบัติตามคำแนะนำแรกของเรา เพราะว่าสัญญาณที่สองนั้นเกิดขึ้นแล้วอย่างชัดเจน: เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน ราคาตกลงมาเกือบ 20% จาก $8,500 เหลือ $6,820 โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าสาเหตุแนวโน้มขาลงดังกล่าวนั้นมาจากบรรดานักขุดเงินที่เริ่มเทขายสินทรัพย์เงินคริปโต บางคนต้องการเงินพันธบัตรจริงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและทำงานต่อไป และบางคนกลับผิดหวังจึงตัดสินใจที่จะหันหลังให้ตลาด
    ปัจจัยกระตุ้นเพิ่มเติมของแรงขายมาจากข่าวลือจากเซี่ยงไฮ้ในจีน เกี่ยวกับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปเยี่ยมสำนักงานตลาดแลกเปลี่ยน Binance
    อัลท์คอยน์ยอดนิยมอื่นๆ เช่น Ripple (XRP/USD), Ethereum (ETH/USD) และ Litecoin (LTC/USD) ล้วนขยับตาม “พี่ใหญ่” บิทคอยน์ ส่งผลให้มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตลดลง 15.8% จาก $239 พันล้านเหรียญเหลือ $201 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD จำนวนคำขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง การเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่สี่ยังคงไม่ถึง 0.5% ทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนนึกถึงสัญญาณภาวะถดถอยของเศรษฐกิจอเมริกา ในสัปดาห์หน้านี้ เราจะรอติดตามดัชนีเศรษฐกิจมหภาคชุดถัดไปจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยยืนยันหรือปฏิเสธความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์โดยธนาคารเฟด นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจไม่ “ธรรมดา” ที่ปกติปรับที่ 0.25% แต่อาจปรับลดสองเท่าที่ 0.5%
    แน่นอนว่าสถานการณ์นี้จะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์สุดท้ายของไตรมาสที่สี่และปี 2019 โดยรวม แต่อย่าลืมว่าปี 2020 คือปีแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯ และสถานการณ์เศรษฐกิจอเมริกาล้วนขึ้นอยู่กับว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถคงตำแหน่งในทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สองได้สำเร็จหรือไม่ ณ ตอนนี้ ธนาคารเฟดอยู่ภายใต้แรงกดดันของนายทรัมป์ และกำลังบังคับใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินทีละนิดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับเงินดอลลาร์ สถานการณ์ที่คล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2000 ซึ่งธนาคารเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยพยายามเพิ่มการผลิตในประเทศ และส่งผลให้เกิดฟองสบู่แตกในการจำนองสินเชื่อจนนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2007-2008
    ณ ขณะนี้ ดัชนีส่วนใหญ่ให้สัญญาณเป็นสีแดง แต่ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ระบุข้างต้น ผู้เชี่ยวชาญไม่คาดว่าราคาจะสามารถตัดทะลุแนวรับที่ 1.1000 ได้สำเร็จ ส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และ D1 บ่งชี้เช่นกันว่าหลังจากความพยายามที่ไม่สำเร็จหนึ่งหรือสองครั้ง ราคาจะกลับทิศทางขยับขึ้นมา: โดยในตอนแรกคาดว่าจะขยับขึ้นมาที่แนวต้าน 1.1090 และจากนั้นสูงขึ้นมาอีกที่ระดับ 1.1175
    แน่นอนที่ผลลัพธ์รอบถัดไปของการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งปักกิ่งต้องการให้จัดขึ้นก่อนวันที่ 28 พฤศจิกายน วันเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อราคาได้มาก นักวิเคราะห์ 65% คาดว่าจะมีฉันทามติในบางส่วนในเรื่องการค้าภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD ลดลงมาที่โซน 1.0800-1.0900
  • GBP/USD มุ่งหน้าสู่วันเลือกตั้งรัฐสภาในสหราชอาณาจักรในวันที่ 12 ธันวาคม และการพักสงบชั่วครู่ของเบร็กซิต ส่งผลให้ราคาขยับในช่องด้านข้างที่ 1.2780-1.2980 เป็นสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน ดัชนีเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ให้สัญญาณเป็นสีเทาากลาง คำทำนายของผู้เชี่ยวชาญเรียกได้ว่าเป็น “สีเทา” เช่นกัน (50% ต่อ 50%) การติดตามรายงานเงินเฟ้อในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายนนี้ไม่น่าจะผลักดันราคาได้เกินช่องดังกล่าว สถานการณ์ในสัปดาห์นี้ล้วนขึ้นอยู่กับสหรัฐฯ เป็นหลักมากกว่าสหราชอาณาจักร และความคืบหน้าที่ชัดเจนในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน อาจให้แรงกระตุ้นขาลง พาราคาลงมาที่แนวรับ 1.2650
  • USD/JPY ธนาคารเฟดกำลังเพิ่มสภาพคล่องให้กับเงินดอลลาร์ในตลาด แต่ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นเองก็ดำเนินมาตรการเดียวกันนี้มาเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยายามเพิ่มสภาพเงินเฟ้อและเร่งฟื้นฟูการผลิตในประเทศ ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นสำหรับค่าเงินเยนนั้นต่ำกว่าของค่าเงินดอลลาร์มาก ดังนั้น เงินเยนญี่ปุ่นจะเป็นที่สนใจต่อนักลงทุนเฉพาะเมื่อมีสถานการณ์ให้หลบภัยจากพายุทางการเงินเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตามกราฟราคาบ่งชี้ว่ายังไม่มีพายุใดๆ ปรากฏมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูร้อน และดังนั้น เงินเยนจึงอ่อนค่าลง และราคาของอัตราแลกเปลี่ยนคู่นี้จึงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ณ ตอนนี้ ราคาแข็งตัวอยู่ในโซน 108.60 เยนต่อหนึ่งดอลลาร์ แต่ความคืบหน้าในการลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจช่วยผลักดันราคาขึ้นไปที่ระดับ 109.50 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเกือบ 65% คาดการณ์การเคลื่อนที่ดังกล่าวในอนาคตอันใกล้
    ทั้งนี้ ในระยะกลาง นักวิเคราะห์จำนวนมากกว่า (70%) กำลังรอให้ราคาหันลงทิศใต้และกลับมาที่โซน 105.70-106.70 ซึ่งความคาดหมายเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มขาลงของดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไปของธนาคารเฟด

  • คริปโตเคอเรนซี ณ ขณะเวลาที่เขียนบทวิเคราะห์นี้ คู่ BTC/USD อยู่ที่ประมาณระดับเดิมของเดือนก่อนหน้า ก่อนที่จะ “พุ่งทะยาน” ในวันที่ 25 ตุลาคมเดือนที่แล้ว ซึ่ง ณ ตอนนั้น เงินบิทคอยน์แตะถึงระดับ $10,500 เพิ่มมูลค่า 40% ที่ระดับสูงสุด หลังจากมีข่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้สนับสนุนการพัฒนาบล็อกเชน
    หากคุณดูที่กราฟจะเห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนเป็นต้นมา ราคาบิทคอยน์ได้เคลื่อนที่ในช่องขาลง และหากการเคลื่อนที่นี้ดำเนินต่อไป เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มด้านข้างตลอดแนว $7,300 และการทรุดลงของราคาอีกครั้งลงมาที่ $5,000
    ความหวังหลักของนักลงทุนซึ่งอาจสามารถสนับสนุนอัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์ให้ดีขึ้นคือการลดจำนวนครึ่งหนึ่งในปี 2020 นี้ ความเห็นของนักลงทุนบางกลุ่มเชื่อว่าหลังการฮาล์ฟบิทคอยน์ในปี 2020 อัตราแลกเปลี่ยนเงินคริปโตนี้จะพุ่งขึ้นถึง 4,000% พวกเขาอ้างอิงราคาที่กระโดดสูงขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัลหลัก ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการลดผลตอบแทนให้กับนักขุดเงินเป็นข้อโต้แย้ง หลังจากการปรับลดครั้งแรก ราคาขึ้นถึง 3,420% หลังจากครั้งที่สองอยู่ที่ 4,080%
    ณ ขณะนี้ ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ของบิทคอยน์ได้ตกลงมาที่โซนสีแดงที่ต่ำกว่าและอยู่ที่ค่า 23 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง” อ้างอิงจากผู้ก่อตั้งดัชนีนี้ ดัชนีนี้อาจหมายถึงตลาดกำลังอยู่ในช่วงวิตกกังวลอย่างรุนแรง และเป็นไปได้ว่าแนวโน้มการเติบโตจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะสุดท้ายแล้ว นักเก็งกำไรรายใหญ่ที่ซื้อเหรียญเพื่อเก็งกำไรในขาลง จะต้องเริ่มเกมขาขึ้นอีกครั้ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นตรรกะของตลาดแห่งนี้

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา