อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD ดูเหมือนว่าการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ ไม่ได้เริ่มในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน แต่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน สัปดาห์สุดท้ายชองฤดูใบไม้ร่วงนิ่งสงบอย่างผิดปกติ และความผันผวนไม่เกิน 40 จุดจนถึงวันศุกร์ทำให้นักเทรดอยู่ช่วงจำศีลเป็นหลัก สถิติบวกจากค่า GDP และตัวเลขการผลิตในสหรัฐฯ ถูกคานให้สมดุลโดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยูโรโซน และแม้แต่กฎหมายสนับสนุนประชาธิปไตยและกฎสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงที่ลงนามโดยประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดี ประกอบกับท่าทีตอบสนองที่ดุดันจากปักกิ่งก็ส่งผลต่อตลาดแต่เพียงเล็กน้อย
ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้วชี้ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน คู่สกุลเงินจะไม่สามารถตัดทะลุระดับแนวรับที่ 1.1000 และหลังจากพยายามแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง ราคาจะกลับทิศทางสู่ขาขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แม้แต่ความพยายามตัดทะลุในช่วงปลายสัปดาห์ไปที่ระดับ 1.0980 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และไม่นานนักราคาก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นของรอบห้าวันทำการที่โซน 1.1015-1.1020 - GBP/USD ในช่วงเวลารอคอยการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักรซึ่งเริ่มรอมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาก็ได้ขยับอยู่ในช่องด้านข้างที่ 1.2780-1.2980 ซึ่งเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ ได้ช่วยทำให้กรอบดังกล่าวยิ่งแคบลงมาอยู่ที่ช่วง 1.2825-1.2950 และราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.2935
- USD/JPY ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะแตะถึงระดับ 109.50 ภายในสัปดาห์นี้ บทวิเคราะห์นี้ถูกต้อง 100% และแม้แต่การข่มขู่ของจีนต่อสหรัฐฯ จากการที่อเมริกาให้ความสนับสนุนฝั่งผู้ชุมนุมในฮ่องกง ก็ไม่ได้ช่วยป้องกันการเติบโตของเงินดอลลาร์ คำข่มขู่ก็ยังเป็นเพียงเสียงข่มขู่เท่านั้น แต่ข้อตกลงการค้าต้องมีการลงนาม ดังนั้น ราคาจึงได้ขยับสู่ระดับ 109.66 ภายในช่วงเย็นของวันศุกร์และปิดตลาดที่ระดับ 109.44
- คริปโตเคอเรนซี นี่คือตลาดที่ไม่เหมือนกับตลาดฟอเร็กซ์ตรงที่ตลาดเงินคริปโตไม่มีวันหลับใหล และอันดับแรกจะมาพูดถึงข่าว คำแถลง และท่าทีของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ก่อนเล็กน้อย โดยผู้แทนของธนาคารกลางยุโรปยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในการออกเหรียญโทเคนของตนเอง แม้แต่นาย Benoit Coeuré กรรมการบอร์ดธนาคารกลางยุโรปที่ก่อนหน้านี้เคยเรียกบิทคอยน์ว่าเป็น “สิ่งก่อสร้างที่ชั่วร้ายของวิกฤติการเงินปี 2008” ก็สนับสนุนไอเดียการพัฒนาเงิน “คริปโตยูโร” ส่วนฝั่งเกาหลีใต้พัฒนาไปไกลถึงให้การรองรับคริปโตเคอเรนซี และมีการออกร่างกฎหมายที่กำกับสินทรัพย์เสมือนจริง แต่ธนาคารกลางรัสเซียเริ่มแสดงทัศนคติที่เป็นลบอีกครั้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การเงินทางเลือก โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอให้แบนการชำระเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์และเหรียญดิจิทัลอื่นๆ
แต่แน่นอนว่า ผลกระทบมากที่สุดต่อตลาดในฤดูใบไม้ร่วงนี้เป็นข่าวจากจีน ในครั้งที่แล้ว สถาบันธนาคารจากเซี่ยงไฮ้ได้ตัดสินใจให้ชำระบัญชีบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเทรดเงินคริปโต และธนาคารปักกิ่งก็ได้ประกาศให้ธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตเคอเรนซีมีผลผิดกฎหมาย ในขณะที่ธนาคารแห่งชาติจีนประกาศท่าทีล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน โดยสั่งการให้ทุกบริษัทยุติการปฏิบัติการที่ไม่เหมาะสมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์เงินคริปปโต ผู้แทนของฝ่ายมีอิทธิพลอย่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็สนับสนุนการสั่งแบนสกุลเงินดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ดังนั้น การลงทุนในบิทคอยน์ในจีนจึงลดลงมากกว่า 15% ภายในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
โดยทั่วไป ตลาดเงินคริปโต “หดตัวลง” กว่า $20 พันล้านเหรียญตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นเกือบ 10% ของปริมาณทั้งหมด แต่โดยทั่วไปแล้ว สัปดาห์นี้อาจเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จสำหรับบิทคอยน์ โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ $6,585 เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน ก่อนที่จะตีกลับขึ้นมาพักอยู่ที่ระดับสำคัญ $7,800 ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 26 กันยายน - 22 ตุลาคม ราคาแตะระดับแนวรับสำคัญสำหรับคู่ BTC/USD และขณะนี้มีหลายโอกาสที่แนวรับดังกล่าวจะกลายเป็นแนวต้านที่สำคัญเท่าๆ กัน
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของอัลท์คอยน์ติดอันดับอย่าง Ripple (XRP/USD), Ethereum (ETH/USD) และ Litecoin (LTC/USD) ก็ได้เดินตามรอย “พี่ใหญ่” อย่างบิทคอยน์ แต่หากเปรียบเทียบกับวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน บิทคอยน์เติบโตเพียง 5% อัลท์คอยน์ฟื้นตัวมาโดยกลับมาที่ตำแหน่งเดิมก่อนหน้า
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD เราหวังว่าในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ ทั้งตลาดกระทิงและหมีจะไม่เข้าสู่ช่วงจำศีลทั้งคู่ นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้ เรากำลังรอคอยเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือคำแถลงจาก คริสติน ลาการ์ด ธนาคารกลางยุโรปคนใหม่ และการประกาศดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ (ISM) ในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์ ดัชนี GDP ยูโรโซนที่จะประกาศในวันพฤหัสบดี และตลาดแรงงานสหรัฐฯ (รวมถึง NFP) ในวันศุกร์
สำหรับบทวิเคราะห์ต่างๆ เช่น ดัชนีสำคัญอย่างจำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตร (ดัชนีนอนฟาร์ม หรือ NFP) อาจเติบโตขึ้นในสหรัฐฯ มากกว่า 40% (จาก 128K เป็น 183K) ซึ่งอาจทำให้ราคาตัดทะลุแนวรับที่ 1.1000 ในขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 65% เห็นด้วยว่าราคาจะสามารถตกลงมายังโซน 1.0880-1.0925 ได้ซึ่งเป็นช่วงที่สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์และดัชนีเทรนด์บนกรอบ D1 จำนวน 95% อีกหนึ่งแนวรับในทิศใต้ของราคาอยู่ที่ 1.0940
มุมมองในทางตรงกันข้ามเป็นของนักวิเคราะห์เพียง 35% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และ D1 พวกเขามองว่าราคาจะขยับขึ้นทิศเหนือเริ่มจากแนวรับที่ 1.0980-1.1000 เป้าหมายอยู่ที่ 1.1100 และ 1.1175
- GBP/USD ผลลัพธ์การเลือกตั้งและอนาคตเบร็กซิตที่จะตามมานั้นจะเป็นที่ทราบกันในช่วงอีกหนึ่งสัปดาห์ครึ่งข้างหน้า หลังจากวันที่ 12 ธันวาคม ณ ขณะนี้ นักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับคำพูดของนักการเมือง และนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ ก็ยังให้ความสนใจกับดัชนีเศรษฐกิจมหภาคของอังกฤษ อียู และสหรัฐฯ
จากปัจจัยด้านบนเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรรอบ 10 ปีที่ลดลง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ “คู่แข่ง” ที่คล้ายกัน จากปัจจัยด้านล่าง ความสัมพันธ์ของเบร็กซิตกับ “ราคาน้ำมัน” ได้รับแรงหนุนในเทรนด์ขาขึ้นในตลาดน้ำมัน ซึ่งในที่นี้ควรคำนึงว่าการประชุม OPEC+ สัปดาห์หน้าอาจมีการตัดสินใจขยายการผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอน ซึ่งจะนำไปสู่การขาดแคลนน้ำมันและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่สามและสี่ของปี 2020 แต่โดยทั่วไป ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเงินปอนด์นั้นยังไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น
คำทำนายของผู้เชี่ยวชาญก็คล้ายคลึงกัน: 40% โหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินปอนด์ อีก 40% โหวตขาลง และอีก 20% ไม่มีท่าทีใดๆ เราสามารถสันนิษฐานได้ว่า คู่ GBP/USD จะขยับในช่องด้านข้างต่อไปจนถึงการเลือกตั้งรัฐสภา โดยราคาแข็งตัวในโซน Pivot Point 1.2900 - USD/JPY นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าความแตกต่างระหว่างข้อกังวลในเรื่องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงของสหรัฐฯ และจีนนั้นไม่มีความสำคัญ พวกเขามองว่าในไม่ช้าก็เร็วก็จะมีการสรุปข้อตกลงการค้าในที่สุด ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงการเติบโตของเงินเยนญี่ปุ่น การเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชน SP500 ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 85% มองว่าจะช่วยผลักดัน USD/JPY ให้ขยับขึ้นมายังระดับสำคัญที่ 110.000 (โดยพิจารณาการคลาดเคลื่อนที่ 110.25) อย่างไรก็ตาม จากนั้นราคาอาจขยับลงทิศใต้และกลับสู่ช่วงตัดผ่านเส้นแนวรับแนวนอนและกรอบด้านล่างของช่องขาขึ้นที่บริเวณ 109.00 และจากนั้นจะขยับต่ำลงไปอีก โดยมีระดับแนวรับถัดไปที่ 108.50 และ 107.80 สถานการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 โดยสมบูรณ์ และ 15% ของออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ซึ่งราคาได้อยู่ในโซนที่ถูกซื้อมากเกินไปอยู่แล้วในกรอบนี้
- คริปโตเคอเรนซี บิทคอยน์ยังคงอยู่ในช่วงขาลงซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ผู้เชี่ยวชาญบางคนเรียกการรีบาวด์ที่เริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วว่าเป็น “แมวตายกระโดด” โดยเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นภาวะทรุดตัวอีกครั้งของคู่ BTC/USD ที่ระดับ $5,000 อย่างไรก็ตาม ความเห็นของนักวิเคราะห์ส่วนหใญ่ระบุว่าราคาจะอยู่ในช่วงด้านข้างที่ $7,000-8,000 อีกสักระยะ
ส่วนผู้เชี่ยวชาญประมาณ 40% ยังคงมีทัศนคติที่ดีและมีความหวังว่าราคาจะตัดกรอบด้านบนได้สำเร็จ และในขณะเดียวกัน นายโจเซฟ ยัง นักวิเคราะห์การเงินชื่อดังก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่เชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดเงินคริปโตในระยะยาว แต่เขาก็ยังไม่ตัดโอกาสว่าราคาบิทคอยน์อาจตกลงมาที่ $3,000-4,000 ส่วนนายมาร์ติน แม็คโดนากห์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทการลงทุน KR1 ได้แสดงความคิดเห็นที่คล้ายกัน “ขณะนี้ราคาแกว่งไปมาเหมือนลูกตุ้ม ตลาดพยายามที่จะหาตำแหน่งต่ำสุดให้เจออีกครั้ง” เขากล่าวต่อ “ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของตลาดกระทิงและอีกไม่นานเราจะเห็นราคาขยับสูงขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่”
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ