ควรคาดหวังอะไรจากคู่สกุลเงินหลักในปีใหม่นี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บริษัทโบรกเกอร์ส่วนใหญ่และนักเทรดภาคเอกชนถือว่าคู่ EUR/USD เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักสำหรับการทำงานของพวกเขา แหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่าคู่นี้มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 22%-32% ของตลาดฟอเร็กซ์ ตามมาด้วย USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF, USD/CAD, EUR/JPY และ EUR/GBP
คู่สกุลเงินเหล่านี้ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโรมักมีความสัมพันธ์กับดัชนีเศรษฐกิจมหภาคและเหตุการณ์ทางการเมืองซึ่งถือว่าเป็นข้อด้อยในมุมมองของแฟนๆ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และในทางกลับกันก็เป็นข้อดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ในกรณีแรกนั้น เพียงโพสต์ทวิตเตอร์เดียวจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็สามารถทำให้กราฟวิ่งตัดทะลุโซนแนวต้าน/แนวรับได้อย่างรุนแรง ทั้งยังเป็นปัจจัยพลิกผันช่องราคาและเทรนด์ต่างๆ ทำให้ดัชนีผันผวนอย่างบ้าคลั่งและทฤษฎีคลื่นเอลเลียตกลายเป็นแค่ฝุ่นเล็กๆ เท่านั้น ส่วนในกรณีที่สอง สถิติเศรษฐกิจมหภาคช่วยให้คำคาดการณ์ในระยะยาวที่ค่อนข้างมีความแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยไม่กระทบต่อรูปทรงกราฟและการวิเคราะห์แท่งเทียนเท่าใดนัก
แล้วสำหรับผู้เชี่ยวชาญเรา มีอะไรรอเราอยู่ในปีหน้านี้?
นักวิเคราะห์ที่ Deutsche Bank, Goldman Sachs, Bank of New York Mellon และธนาคารอื่นๆ อีกหลายแห่งได้ข้อสรุปเป็นฉันทามติร่วมกัน และทำนายว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในปี 2020 เหตุผลรองรับหลักก็คือการชะลอตัวของการเติบโตในเศรษฐกิจโลก ซึ่งเพิ่มความต้องการในการถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้เข้ามา ธนาคารเฟดของสหรัฐฯ จึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันเป็นอย่างน้อย
นิตยสาร Financial Times รายงานว่า ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ Citigroup นโยบายการผ่อนคลายทางปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการโดยธนาคารเฟดสหรัฐฯ กำลังกระตุ้นสภาพคล่องในตลาดด้วยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง นักวิคเราะห์จาก Swiss Bank Lombard Odier รวมถึงหนึ่งในบริษัทการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง BlackRock คาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในอีกหกเดือนข้างหน้า ซึ่งเห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญจาก Citigroup
ผู้เชี่ยวชาญ JPMorgan Chase ทำนายระดับที่ 1.14 สำหรับคู่ EUR/USD ภายในสิ้นปี 2020 ส่วน Goldman Sachs และ Bank of America Merrill Lynch ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 1.15 และ Deutsche Bank ของเยอรมนีและ Societe Generale ของฝรั่งเศสทำนายว่าเงินดอลลาร์จะมีความมืดมนยิ่งกว่า ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเงินยูโรจะซื้อขายอยู่ที่ $1.20 ในเวลาหนึ่งปี
ตามรายงานของ Bloomberg คำทำนายที่เห็นพ้องกันกับสถาบันขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดชี้ว่า ภายในสิ้นปี 2020 ดอลลาร์สหรัฐจะ “เสียน้ำหนัก” อีกประมาณ 400-500 จุด และคู่ EUR/USD จะขยับขึ้นมาที่โซน 1.16
แน่นอนว่านักทฤษฎีสมคบคิดคาดการณ์ว่าตลาดจะถูกบงการและมีการคุยกันว่า บรรดาธนาคารอาจต้องการซื้อสภาพคล่องดอลลาร์ในราคาที่ต่ำ เขาจึงทำบทวิเคราะห์ “ตลาดหมี” ออกมา และในที่นี้เราควรระลึกถึงคำพูดของ อันเดรียส เคอนิจ ผู้บริหาร Global FX ใน Amundi Asset Manange บริษัทเพื่อการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเขากล่าวว่า เขาเคยได้ยินหลายครั้งเกี่ยวกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเทียบกับยูโร และทุกครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นมักเป็นในทางตรงกันข้าม "ผมจะประหลาดใจมากหากฉันทามตินี้เป็นจริง" เขากล่าว
"จริงอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฟดที่ 1.75% นั้นน้อย” กล่าวโดย จอห์น กอร์ดอน นักวิเคราะห์ชั้นนำที่โบรกเกอร์ NordFX “แต่ธนาคารกลางอื่นๆ ก็มีอัตราดอกเบี้ยที่ระดับศูนย์หรือติดลบ แม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สงครามการค้า และปัญหาอื่นๆ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับยูโรมากกว่า 10% มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 และหากคุณมองย้อนไปยังผลลัพธ์ของปีที่ผ่านมา มันชัดเจนว่าด้วยความอ่อนแอของสภาพเศรษฐกิจยุโรปและปัญหาเบร็กซิต เงินดอลลาร์จะกลายเป็นสกุลเงินหลบภัย และสำหรับธนาคารกลาง ดอลลาร์จะกลายเป็นสกุลเงินสำรองหลักเหนือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ"
สำหรับสกุลเงินอื่นๆ Goldman Sachs ทำนายว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์อังกฤษต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2020 จะขยับถึง 1.37
Bank of America Merrill Lynch เชื่อเช่นกันว่า ไม่เพียงแต่ยูโรเท่านั้น แต่รวมถึงเงินปอนด์ควรจะได้ประโยชน์จากการแก้ปัญหาความไม่แน่นอนของเบร็กซิต ที่จะส่งผลให้คู่ GBP/USD ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.39 เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงก็จะสนับสนุนตลาดใหม่ ส่งผลให้ค่าเงินของประเทศในกลุ่มอาเซียนแข็งค่าขึ้น และราคา USD/JPY จะตกลงมาที่ 103 เยนต่อดอลลาร์
ดอลลาร์แคนาดาและนิวซีแลนด์จะยังคงดึงดูดความสนใจต่อไป และราคาทองคำจะขยับขึ้น
ปี Leap year 2020 คือปีที่มี 12 เดือน 366 วัน และในช่วงปีนี้อาจมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่สามารถพลิกบทวิเคราะห์ใดๆ สถานการณ์เงินดอลลาร์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในสหรัฐฯ และสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดโลก ไม่เพียงแต่ในอเมริกา แต่รวมถึงในยุโรปและเอเชีย “ผมคิดว่าข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และจีนแบบเต็มฉบับจะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงกติกาของเกม… มันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง!” ทำนายโดย เดวิด บลูม นักยุทธศาสตร์ Global FX ที่ HSBC
มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม? เหลือเวลาอีกไม่นานที่จะทราบคำตอบของคำถามนี้ ในระหว่างนี้:
ขอให้คุณอดทน โชคดี และสมปรารถนาทุกประการ!
สวัสดีปีใหม่ 2020!
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ