อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว::
- EUR/USD เทศกาลวันหยุดเป็นช่วงเวลาที่คนเราได้หยุดพักจากปัญหาประจำวัน ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศความมหัศจรรย์และความคาดหวังในปาฏิหารย์ และปาฏิหารย์ก็ได้เกิดขึ้นจริงไม่เว้นแต่ในตลาดการเงินตามที่เราเคยเตือนผู้อ่านของเราไว้แล้ว
ในช่วงเวลาปกติ นักลงทุนจะหันเข้าหาตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงมากกว่าหรือพยายามซ่อนเงินของพวกเขาไว้ในสินทรัพย์หลบภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาล ทองคำ หรือสกุลเงินที่ใช้หลบภัย แต่ช่วงเวลาคริสต์มาสและปีใหม่นี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ และตลาดก็มีความเบาบางมากในช่วงวันเทศกาลนี้จึงมีความผกผันได้แม้จะมีปริมาณการซื้อขายต่ำก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ช่วงปลายเดือนธันวาคม ทั้งดัชนีหุ้น S&P500 ยังคงทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาทองคำ เงินเยน และเงินฟรังก์ที่มีการแข็งค่าขึ้นอย่างน่าประทับใจ ส่วนตราสารหนี้ก็ไม่ถอนตัวจากโซนกำไร นี่ล่ะคือปาฏิหารย์ของช่วงปีใหม่! แต่ก็อย่างที่คุณทราบดีว่า ในแต่ละปีมีวันหยุดเทศกาลน้อยกว่าวันทำการ และตลาดก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติในสัปดาห์นี้
สำหรับคู่ EUR/USD เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ราคาคู่นี้ก็ขยับตามช่องขาขึ้นอย่างช้าๆ โดยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ราคาได้ขยับขึ้นถึงกรอบด้านบนที่ 1.1240 และเปลี่ยนทิศทางโดยเริ่มต้นปี 2020 ด้วยช่องขาลง กราฟเกือบแตะกรอบด้านล่างเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 3 มกราคม ก่อนที่ราคาจะกลับขึ้นมายังโซนตรงกลางของช่องตามสถิติที่อ่อนแอของกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐฯ (ดัชนี ISM ในภาคการผลิตต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์และล้มเหลวขยับไม่ถึง $50) ราคาจึงปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่แนวรับ/แนวต้านสำคัญที่ 1.1160 - GBP/USD ผลลัพธ์ของเงินปอนด์อังกฤษในสัปดาห์นี้แทบจะเป็นศูนย์ เริ่มต้นจาก 1.3085 ราคาปิดตลาดรอบห้าวันที่ 1.3075 โดยขยับลงมาเพียง 10 จุด อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับความผันผวนที่สูงจึงเป็นโอกาสให้นักเทรดได้ทำกำไร ช่วงความผันผวนในวันที่ผ่านมามีค่ามากกว่า 230 จุด
- USD/JPY ตรงกันข้ามกับเงินปอนด์ ซึ่งปิดตลาดรอบห้าวันทำการด้วยผลลัพธ์ที่เกือบเป็นศูนย์ สกุลเงินหลบภัยแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเทียบกับเงินดอลลาร์ เป็นผลให้เงินเยนขยับขึ้นมาเกือบ 135 จุดต่อดอลลาร์ “อเมริกัน” โดยเริ่มต้นสัปดาห์ที่ระดับ 109.45 และปิดตัวที่ 108.10
- คริปโตเคอเรนซี ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงตลาดฟอเร็กซ์ สรุปผลลัพธ์ของปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ ForkLog ได้รวบรวมรายชื่อบุคคลที่มีความสำคัญและทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการเงินคริปโตของปี 2019 และ 10 อันดับแรกนั้นนำมาโดยนาย Changpeng Zhao ซีอีโอตลาดซื้อขายบิทคอยน์ Binance ส่วนนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Facebook ได้อันดับตรงกลาง และปิดท้ายรายชื่อด้วยผู้ก่อตั้ง Telegram นาย Pavel Durov, ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และนาย Vitalik Buterin ผู้พัฒนา Ethereum
แม้ว่าราคาบิทคอยน์จะมีการดีดตัวขึ้นหลายครั้ง โดยขยับขึ้น 110% ในรอบ 12 เดือน ส่วนดัชนี S&P500 ปรับขึ้น 22.8% และราคาทองคำเพิ่มขึ้น 19% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยรวมแล้ว ผลงานของบิทคอยน์ถือว่าค่อนข้างดี แต่สำหรับนักลงทุนที่เคยลงทุนในเหรียญบิทคอยน์เมื่อช่วงต้นปีก่อนหน้า ไม่ใช่เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ก็อาจจะต้องรู้สึกหม่นหมองไปตามๆ กัน
ตอนนี้ถึงเรื่องผลลัพธ์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมาที่จะพูดถึง เพราะยังคงเป็นเทรนด์ด้านข้างเหมือนเดิม คู่ BTC/USD ขยับขึ้นถึง $7,550 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม จากนั้นก็ตกลงมาที่ $6,900 เมื่อวันที่ 3 มกราคม และก็กลับมาที่ระดับเริ่มต้นของสัปดาห์ที่บริเวณ $7,300 อีกครั้ง โดยทั่วไปก็ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับนักลงทุน แต่สำหรับนักเทรดขาประจำที่ซื้อขายในกรอบเวลาสั้นๆ ที่เลเวอเรจ 1:50 กับโบรกเกอร์อย่าง NordFX การที่ราคากระโดดขึ้นลง $650 นั้นเป็นโอกาสการทำกำไรที่ดี
สำหรับอัลท์คอยน์ติดอันดับก็ค่อนข้างราบเรียบเช่นกัน: มีการเคลื่อนไหวในช่องด้านข้างแคบๆ โดยมีการแข็งตัวอย่างช้าๆ เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน: Ripple (XRP/USD) ขยับที่ประมาณ $0.19, Ethereum (ETH/USD) – $130 และ Litecoin (LTC/USD) - $42 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตตกลงมาเหลือ $190 พันล้านเหรียญ และดัชนี Bitcoin Crypto Fear & Greed Index ค่อยๆ เข้าใกล้ระดับตรงกลางอย่างช้าๆ (ขณะนี้ตัวเลขอยู่ที่ 38) ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการชะงักงันของตลาด
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ในสัปดาห์ที่แล้ว เราได้สรุปบทวิเคราะห์ของปี 2020 โดยนักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase, Goldman Sachs, Bank of America Merrill Lynch, Deutsche Bank และธนาคารระดับโลกอีกหลายแห่ง โดยทั่วไปพวกเขามีมติเห็นพ้องกันว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อเงินยูโรและราคาคู่นี้จะเติบโตขึ้นมาจากระดับ 1.1400 เป็น 1.200 เหตุผลหลักก็คือการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีความต้องการถือสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อธนาคารเฟดสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง และมีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออย่างน้อยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเห็นในทางตรงกันข้ามซึ่งก็เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มองว่า ในช่วงปีที่มีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เงินดอลลาร์มักมีผลงานที่ดีเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาดังกล่าวตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ดัชนี USD ปรับลดลงแค่เพียงสองครั้งเท่านั้น แต่เงินยูโรอ่อนค่าลงถึง 9 ครั้งจาก 11 ครั้ง ดังนั้น หากคุณโฟกัสกับสถิติเหล่านี้ เงินดอลลาร์อาจควรซื้อเก็บไว้มากกว่าขายก็เป็นได้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักสำหรับธนาคารกลางต่างๆ มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นใด
สำหรับในอนาคตอันใกล้ ผู้เชี่ยวชาญ 55% ซึ่งสนับสนุนโดยดัชนี 85% ในกรอบ D1 คาดหวังว่าราคาจะขยับขึ้นมายังกรอบด้านบนของช่องขาขึ้นที่ระดับ 1.1240 เป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 1.1330 ส่วนการที่เงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นมากกว่าเงินดอลลาร์อาจสนับสนุนโดยสถิติเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งเราจะได้ทราบกันในสัปดาห์หน้า ในวันอังคารที่ 7 มกราคม จะมีการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ ISM ของเดือนธันวาคมในภาคบริการ และในวันศุกร์จะมีการประกาศสถิติตลาดแรงงานในสหรัฐฯ และหากตัวเลขตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตร (NFP) ลดลงตามการคาดการณ์ 40% (จาก 266K เหลือ 160K) จะยิ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อค่าเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตลาดมักจะตอบสนองต่อการคาดการณ์ดังกล่าวล่วงหน้า ซึ่งทำให้ราคาไม่ผันผวนสูงนัก ณ ช่วงเวลาที่มีการประกาศสถิติจริง
นอกเหนือไปจากผู้สนับสนุนฝั่งตลาดกระทิง 55% ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญอีก 45% ที่สนับสนุนแนวโน้มตลาดหมี โดยดัชนี 85% ในกรอบ H4 และการวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลาเดียวกันก็เห็นด้วยกับกลุ่มนี้ และระบุแนวรับที่ 1.1100, 1.1065 และ 1.1000
- GBP/USD สถานการณ์กับค่าเงินปอนด์ยังคงน่าสับสนุนและขึ้นอยู่กับว่ากระบวนการแยกตัวออกจากอียูจะเป็นไปอย่างไรในทิศทางไหน นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปแสดงความกังวลว่าเหลือเวลาเพียงเล็กน้อยสำหรับการเจรจาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรปหลังเบร็กซิต เธอมองว่าช่วงเวลาการเจรจาเรื่องการเปลี่ยนผ่าน 11 เดือนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากและอาจต้องเลื่อนกรอบเวลาออกไป และนาย Frans Timmermans รองประธานฯ ก็เรียกร้องให้สหราชอาณาจักรรีบกลับเข้าสู่อ้อมอกของครอบครัวอียูโดยเร็วหลังจากการแยกตัว
ในระหว่างนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 60% คาดการณ์ว่าราคาจะเติบโตขึ้นมาที่กรอบด้านบนของช่องที่ 1.3050-1.3215 เป้าหมายในกรณีที่ราคามีการตัดทะลุจะอยู่ที่ 1.3285, 1.3425 และราคาสูงสุดของวันที่ 13 ธันวาคมที่ 1.3515 ส่วนการวิเคราะห์กราฟมีดัชนีเทรนด์ 15% ในกรอบ D1 และออสซิลเลเตอร์จำนวนเดียวกันให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold และเห็นด้วยกับคำทำนายในทิศทางนี้
นักวิเคราะห์อีก 40% และดัชนีส่วนใหญ่โหวตให้กับแนวโน้มขาลงของคู่นี้ โดยมีแนวรับสำคัญที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.2975 เป้าหมายคือการขยับถึงโซน 1.2825-1.2900 - USD/JPY สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 นักวิเคราะห์ 70% เชื่อว่าแนวโน้มขาลงของคู่นี้จะหยุดตัวที่ระดับ 107.80 และจะพยายามผลักตัวออกจากระดับดังกล่าว โดยในตอนต้นจะขยับไปที่ระดับแนวต้านที่ 109.25 และจากนั้นไปที่ตัวเลขสูงสุดของเดือนธันวาคมที่ผ่านมาที่บริเวณ 109.70 ส่วนอีก 30% คาดการณ์ว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นต่อไป ดังนั้้นราคาน่าจะขยับลงมาที่แนวรับ 107.50 และขยับต่ำลงมาอีก 100 จุด
สำหรับในส่วนของดัชนี 100% ให้สัญญาณสีแดงในกรอบ H4 และอีก 85% บนกรอบ D1 ในส่วนออสซิลเลเตอร์ 15% บนกรอบ D1 ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold ซึ่งบ่อยครั้งจะยืนยันได้จากการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อย่างรวดเร็ว - คริปโตเคอเรนซี คำทำนายสำหรับอนาคตอันใกล้ปรากฏเป็นสีเทาและน่าเบื่อสำหรับกราฟของคู่เงินคริปโต อย่างไรก็ตาม ยิ่งใกล้งานฮาล์ฟเหรียญบิทคอยน์ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้มากเท่าใด ทัศนคติของผู้เชี่ยวชาญและสัญญาณสีเขียวก็ปรากฏมากขึ้นเท่านั้น 70% ของผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนักลงทุนก็เห็นด้วยกับภาพการณ์ดังกล่าว ตามรายงานของ TradeBlock ระบุว่ามีเพียงเหรียญบิทคอยน์ 30% ที่มีการเคลื่อนไหวในปี 2019 ส่วน 70% ที่เหลือยังคงอยู่วอลเล็ตในสถานะ “แช่แข็ง” เพราะหวังแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
แน่นอนว่าในบรรดานักวิเคราะห์ก็มีผู้มองโลกในแง่ลบเช่นกัน โดยความเห็นของกลุ่มนี้เชื่อว่าคู่ BTC/USD จะทรุดตัวลงอีกครั้งในเร็วๆ นี้ อุปกรณ์การขุดเหรียญรุ่นใหม่ (ASIC S17 และ T17) ทำให้กระบวนการผลิตประหยัดต้นทุน ราคาบิทคอยน์สามารถตกลงมาที่โซน $3,500-4,400 ซึ่งเป็นระดับที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นแนวรับสำคัญ แต่หากราคาตัดทะลุระดับดังกล่าวนี้ เราอาจจะได้เห็นจุดจบของสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกในประวัติศาสตร์รอบ 10 ปี
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ