อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD สัปดาห์ที่แล้วผ่านไปพร้อมกับเหตุการณ์ไวรัสโครานา ซึ่งเป็นตัวกำหนดสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีนได้รับผลกระทบมากที่สุด
ตามที่คุณทราบอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจยูโรโซนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชนิด และนี่จึงส่งผลบวกต่อเงินดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์ ตามที่คาดการณ์ในครั้งที่แล้วโดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (55%) สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 85% และดัชนีเทรนด์ 100% ไม่เพียงแค่บนกรอบ H4 และ D1 แต่รวมถึงกรอบ W1 ราคา EUR/USD ได้ขยับลงและแตะแนวรับที่ 1.1000 เมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม
หลังจากราคาแตะกรอบด้านล่างที่ 1.0992 ก็ได้กลับทิศทางขึ้น
การออกมาแถลงของ WHO (องค์การอนามัยโลก) ซึ่งทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะวิตกกังวลในตลาดและท้ายที่สุดก็กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในทางหนึ่ง WHO ประกาศว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นวาระฉุกเฉินระหว่างประเทศ แต่อีกทางหนึ่งก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติตนตามปกติ
ด้วยเหตุนี้ ค่าเงินยูโรเริ่มขยับขึ้นต่อไป แม้ว่าจะมีการประกาศสถิติเศรษฐกิจจากฝั่งยูโรโซนที่อ่อนแอก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากดัชนี GDPจากสหรัฐฯ รวมถึงการตัดสินใจของธนาคารแห่งชาติอังกฤษในการคงอัตราดอกเบี้ย (จะกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง) ตลอดปี 2019 เงินปอนด์และเงินยูโรสนับสนุนกันและกันเพื่อต่อสู้กับเงินดอลลาร์ ดังนั้น แนวโน้มขาขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษจึงช่วยผลักดันสกุลเงิน “คู่หู” ของยูโรเช่นกัน การกำจัดตำแหน่งขายในช่วงใกล้วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ส่งผลต่อการเติบโตของคู่ EUR/USD ในวันศุกร์ ทำให้ในช่วงปิดตลาด ราคากลับมาสู่โซนวกกลับระยะกลาง ซึ่งราคาได้ผันผวนในบริเวณ 1.1085 - 1.1100 มาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมปี 2019 ซึ่งเป็นการยืนยันสมมติฐานเกี่ยวกับภาวะสมดุลของทั้งสองสกุลเงินนี้ในหลายเดือนล่าสุด - GBP/USD ผลการประชุมของธนาคารแห่งชาติอังกฤษในวันที่ 30 มกราคม ชี้ว่าปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ในธนาคารแห่งชาติอังกฤษไม่เปลี่ยนแปลง (£435B) คงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิม (0.75%) จำนวนผลโหวตให้คงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง (7) จำนวนผลโหวตให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง (2) กล่าวคือทุกผลลัพธ์เป็นเหมือนผลในเดือนที่แล้ว และภาวะ “ไม่มีการเปลี่ยนแปลง” นี้ก็ผลักดันเงินปอนด์ขึ้นต่อเงินดอลลาร์และสกุลอื่นๆ รวมถึงยูโรอย่างฉับพลัน ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
วันที่ 31 มกราคมเป็นวันแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปี 2020 ตามข้อตกลงการเปลี่ยนผ่านชี้ว่ายังไม่มีเหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ อังกฤษจะรอการเจรจาอย่างยาวนานกับอียูอีกรอบหนึ่ง เหตุการณ์ไวรัสโคโรโนอาจกระทบต่อตลาด จากข่าวแพร่ระบาดทำให้ความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้น คณะกรรมการนโยบายทางการเงินพิจารณาว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นภายหลังการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนธันวาคมจะมีผลต่อไปและตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปตามคำทำนายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (65%) ในสัปดาห์ที่แล้วอย่างสมบูรณ์ พวกเขาได้ทำนายว่าคู่ GBP/USD อาจตัดทะลุผ่านระดับแนวต้านแรกที่ 1.3160 และจากนั้นจะขยับถึงระดับ 1.3200 สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงโดยค่าเงินปอนด์ปิดตลาดที่ระดับ 1.3202 - USD/JPY นักลงทุนหลายคนรู้สึกว่าสกุลเงินหลบภัยอย่างเงินเยนอาจปกป้องพวกเขาจากแรงกระทบจากไวรัสโคโรนา ความมั่นใจนี้และการหันหลังให้กับสินทรัพย์ความเสี่ยงมาสู่สินทรัพย์ปลอดภัยส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญ 40% กำหนดระดับ 108.40 เป็นระดับแนวรับหลักของคู่ USD/JPY ซึ่งราคาปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ระดับ 108.36
- คริปโตเคอเรนซี ควรคำนึงว่าในสัปดาห์ที่แล้วมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% เท่านั้นที่สนับสนุนความเห็นว่าภายในสิ้นเดือนมกราคม ราคาบิทคอยน์จะสามารถตั้งหลักเหนือระดับ $9,000 ได้สำเร็จ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญส่วนมาก (70%) คาดการณ์เหตุการณ์นี้ภายในอีก 2-3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ไวรัสโคโรนาก็ทำหน้าที่ได้สำเร็จ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแรงขายขนานใหญ่ ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีขยับสู่โซนติดลบท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ดัชนี Dow Jones ค่าเฉลี่ยภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง 400 จุด ดัชนี Nasdaq Composite ปรับลดลง 1.8% และ S&P ลดลง 1.4% ในขณะเดียวกันราคาบิทคอยน์ขยับขึ้นถึงระดับ $9,550 USD ในคืนวันพฤหัสบดีเข้าวันศุกร์ “ทุกครั้งที่ตลาดทางการทรุดตัวจากความกลัวและความหวาดหวั่น บิทคอยน์จะเติบโต และยิ่งช่วยยืนยันหลักการที่เงินบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย” กล่าวโดยนักวิเคราะห์ Nathaniel Whittemore ในบทสัมภาษณ์กับ BlockTV
การเติบโตของเงินคริปโตสกุลหลักช่วยกระตุ้นตลาดเงินคริปโตโดยรวมด้วยเช่นกัน ทำให้เหรียญอันดับต้นๆ อย่าง Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD) และ Ripple (XRP/USD) เคลื่อนที่เข้าโซนสีเขียว โดยมูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเพิ่มขึ้น เดิมในวันที่ 25 มกราคม มูลค่ารวมอยู่ที่ $235 พันล้านเหรียญ ในห้าวันถัดมาตลาดเติบโตเกือบถึง $267 พันล้านเหรียญ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 13.5%
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD คนอเมริกันบางคนคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนอกอเมริกานั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่เลย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในนอกประเทศเสียส่วนมาก ธนาคารเฟดจึงค่อนข้างอ่อนไหวต่อความท้าทายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมธนาคารฯ ถึงถูกเรียกว่าเป็น “หาง” ของสุนัขที่สะบัดตาม GDP โลก ส่วน ณ ขณะนี้ ความท้าทายถัดไปคือไวรัสโคโรนาจากจีน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการตอบสนองจาก “หาง” ก็ตาม
ไวรัสโคโรนายังไม่แพร่ระบาดสู่ท้องถิ่น ดังนั้นอารมณ์ความวิตกที่ส่งผลให้เกิดแรงขายสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอาจกลายเป็นเทรนด์หลักในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หากมีข่าวดีว่ามีการค้นพบวัคซีนสำหรับโรคนี้ได้สำเร็จแล้ว “แม่น้ำอาจไหลย้อนกลับ” จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำนายอนาคตในกรณีนี้
หากเราพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดัชนีส่วนใหญ่ในกรอบ H4 ให้สัญญาณเป็นสีเขียว ในขณะที่ในกรอบ D1 สัญญาณกลางสีเทาปกคลุม ในส่วนกรอบเวลาทั้งสองมีสัญญาณออสซิลเลเตอร์ 15% ชี้ว่ามีแรงซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจกลายเป็นสัญญาณล่วงหน้า ซึ่งราคาอาจจะปรับตัวลงทิศใต้เล็กน้อย หรือไม่ก็เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โดยสิ้นเชิง การวิเคราะห์กราฟ H4 เห็นด้วยกับทิศทางนี้ โดยคาดว่าราคาจะกลับมาสู่แนวรับสำคัญที่ 1.0990-1.1000
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้รวมถึงดัชนีในกรอบ D1 เรียกได้ว่าเป็นสีเทากลาง อย่างไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนจากการวิเคราะห์รายสัปดาห์มาเป็นรายเดือนจะเห็นได้ว่าสัญญาณเป็นสีเขียวมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น 70% ของนักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาจะตัดทะลุระดับแนวต้านที่โซน 1.1100-1.1115 และราคาจะพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 1.1145 อย่างต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะขยับต่อไปที่ 1.1170, 1.1200 และไต่ถึงระดับสูงสุดของวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ที่ 1.1240
สำหรับสถิติเศรษฐกิจมหภาค ในสัปดาห์หน้าเราจะได้ทราบตัวเลขดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของ ISM ในภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯ รวมถึงการประกาศสถิติในวันศุกร์แรกของเดือนเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ (รวมถึงดัชนี NFP)
อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจเจอกับข่าวเซอร์ไพรส์เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ซึ่งจะมีการประกาศดัชนีกิจกรรมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ Caixin เดือนมกราคม (PMI) ดัชนีนี้เป็นดัชนีชี้นำภาวะการผลิตในจีนที่จะส่งสัญญาณในตลาดว่าไวรัสโคโรนามีผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในจีนอย่างไร
ข่าวเซอร์ไพรส์ในวันจันทร์ยังไม่จบแค่นี้ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงเริ่มฤดูกาล “ล่า” ที่นั่งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้จะมีการเลือกตั้งระดับมลรัฐแรกเริ่มขึ้นในไอโอวา และในกรณีที่ผลลัพธ์ของ Bernie Sanders ออกมาเข้มแข็ง ตลาดอาจจะตอบสนองอย่างเข้มแข็งด้วยเช่นกัน
- GBP/USD ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วราคาคู่นี้กระโดดอย่างน่าประทับใจถึง 230 จุด ดัชนีส่วนใหญ่ทั้งในกรอบ H4 และ D1 เป็นสีเขียว อย่างไรก็ดีเช่นเดียวกับคู่ก่อนหน้า มีออสซิลเลเตอร์ประมาณ 15% ที่ให้สัญญาณว่ามีแรงซื้อมากเกินไป ในส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ชี้ว่าค่าเงินปอนด์อาจอ่อนค่าลงในตอนแรกมาที่ระดับ 1.2970 และจากนั้นไปที่ระดับ 1.2800 โดยมีแนวรับที่เข้มแข็งใกล้ที่สุดที่ 1.3100
ทั้งนี้ ควรคำนึงว่าเริ่มตั้งแต่หนึ่งเดือนครึ่งก่อนหน้า ความผันผวนของราคาอยู่ในช่วง 1.2900-1.3285 โดยความผันผวนค่อยๆ ลดลงมาอยู่ในกรอบ 1.2975-1.3200 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (55%) เชื่อว่าราคาจะสามารถอยู่ในช่วงดังกล่าวได้ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่น้อยไปกว่าเท่าใดนัก (45%) คาดการณ์ว่าเงินปอนด์จะยังคงเติบโตต่อไป และจะตัดทะลุแนวต้านที่โซน 1.3285-1.3300 และจะขยับสู่จุดสูงสุดของเดือนธันวาคมที่แล้วในบริเวณ 1.3500 - USD/JPY ราคาของคู่นี้ในสัปดาห์นี้จะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโดยตรง หากพวกเขาสามารถรับมือกับไวรัสโคโรนาอย่างสำเร็จได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า ชัยชนะจะตกเป็นของเงินดอลลาร์ หากโรคนี้จะยังคงแพร่ระบาดลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆ จำนวนเหยื่ออาจทวีคูณเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อค่าเงินเยนญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินหลบภัย
เนื่องจาก ณ ตอนนี้นักวิเคราะห์ทางการเงินยังไม่มีข้อมูลความคืบหน้าของสิ่งที่เกิดขึ้นในแล็บวิทยาศาสตร์ ความเห็นของพวกเขาจึงแบ่งเป็น 50-50 ในส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดัชนีเทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 80% ในกรอบ H4 และ D1 ทำนายว่าราคาคู่นี้จะลดลง ส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 เห็นด้วยกับท่าทีนี้ ระดับแนวรับน่าจะอยู่ที่ 107.70, 107.00 และ 106.60 ความเห็นในทางตรงกันข้ามเป็นของการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 และออสซิลเลเตอร์ 20% ที่ให้สัญญาณว่ามีแรงขายมากเกินไป โดยระดับแนวต้านอยู่ที่ 109.25, 109.70 เป้าหมายอยู่ที่ 110.25 - คริปโตเคอเรนซี คู่ BTC/USD ราคาเพิ่มขึ้นถึง 30% หรือ $2,200 ในเดือนแรกของปี 2020 ดัชนี Bitcoin Crypto Fear & Greed Index ได้ขยับผ่านเส้นศูนย์กลางและขณะนี้อยู่ที่ระดับ 55 จาก 100 ทัศนคติเป็นบวกเพิ่มขึ้นในหมู่นักวิเคราะห์ ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ไม่กล้าจะทำนายในทิศทางบวกเพราะยังคงจำเหตุการณ์การทรุดตัวลงของบิทคอยน์แบบไม่คาดคิดในคราวก่อน แต่ในตอนนี้มีนักวิเคราะห์ 60% วางเป้าหมายอย่างมั่นใจที่ระดับ $10,000 และจุดนี้เองที่นักลงทุนจะต้องระวังเป็นพิเศษ ช่วงเวลาที่มีทัศนคติเป็นบวกมากที่สุดนี้เองที่นักเก็งกำไรรายใหญ่เริ่มเล่นเกมขาลงอย่างแข็งขัน และคุณไม่ต้องไปหาตัวอย่างจากที่ไหน แค่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วก็จะเห็นได้ชัด
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ