อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD คำสั่ง Stop-loss สำหรับตำแหน่งซื้อของคู่นี้มีผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองสัปดาห์ติดต่อกัน ฝั่งตลาดกระทิงถอยหลัง ยอมแพ้ไม่ขอต่อสู้อีกต่อไป ราคาไม่เพียงแต่ทำระดับต่ำสุดของปีนี้และปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังเป็นราคาต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2017 และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ไม่ปรากฏเหตุผลชัดเจนสำหรับการทรุดตัวลงค่าเงินยูโร ในอดีตคุณสามารถอธิบายการทรุดตัวลงของคู่ USD/CHF ในเหตุการณ์ “วันพฤหัสบดีทมิฬ” เมื่อเดือนมกราคมปี 2015 หรือแนวโน้มขาลงของเงินปอนด์หลังจากผลประชามติการแยกตัวเบร็กซิตออกจากอียู และในครั้งนี้ดูเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเกิดขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญพยายามหาสาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กดเงินยูโรถึง 270 จุดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่มีการปรับตัวของราคาใดๆ ในบรรดาเหตุผลเบื้องหลังนี้ได้แก่ ท่าทีที่แตกต่างระหว่างธนาคารกลางยุโรปและธนาคารเฟดสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) และตัวเลขอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยที่จะมีผลยืดเยื้อในยูโรโซน อันเนื่องมาจากรายงานดัชนีเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่สดใสของเศรษฐกิจเยอรมนีและเศรษฐกิจยุโรป ข่าวไวรัสโคโรนาก็มาปิดท้ายด้วยเช่นกัน เศรษฐกิจยุโรปต่างจากของสหรัฐฯ ตรงที่ของยุโรปมีความอ่อนไหวกับความเสี่ยงของจีนมากกว่า ในขณะที่เงินดอลลาร์นั้นสนับสนุนโดยพันธบัตรรัฐบาลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นหลัก
ยังเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่าปัจจัยใดจากทั้งหมดนี้ที่ส่งผลต่อราคา แต่บทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่นั้นปรากฏออกมาถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ในครั้งที่แล้วผู้เชี่ยวชาญ 60% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 ดัชนีเทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 85% มั่นใจว่าราคาคู่นี้จะขยับลดลงต่อไป เป้าหมายคือการทดสอบระดับต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายน-ตุลาคมที่บริเวณ 1.0880 การทดสอบนั้นไม่สำเร็จและราคาปิดตลาดห้าวันทำการที่ 1.0835 - GBP/USD สกุลเงินปอนด์อังกฤษดูเหมือนจะพยายามพิสูจน์ว่าการแยกตัวของอังกฤษออกจากอียูคือเส้นทางที่ถูกต้อง ในขณะที่ฝั่งเงินยูโร “คู่หู” ของเงินปอนด์ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน เงินปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขึ้นกว่า 200 จุดและไต่ถึงระดับสูงสุดที่ 1.3070
ในตอนต้นหลังจากข่าวการลาออกของรัฐมนตรี Sajid Javid ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการบริหารงานบุคคลของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงแต่ก็วกกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วหลังจากรายงานข่าวว่านาย Rishi Sunak เป็นรัฐมนตรีการคลังคนใหม่ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเขาเป็นนักการเงินที่มีประสบการณ์และเป็นลูกเขยเศรษฐีพันล้าน เขายังเป็นผู้สนับสนุนมาตรการปรับลดภาษีและเพิ่มการใช้เงินงบประมาณ ซึ่งอาจส่งผลเป็นแรงกระตุ้นต่ออัตราดอกเบี้ยในค่าเงินปอนด์ได้อย่างจริงจัง
บทวิเคราะห์ในสัปดาห์ที่แล้วเชื่อว่าในกรณีที่ราคากลับตัวในทิศทางขาขึ้น เงินปอนด์จะสามารถตัดผ่านระดับแนวต้านที่ 1.2975 และอาจตัดทะลุกรอบด้านบนที่ช่อง 1.2800-1.3000 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น: ราคาปิดตลาดที่ 1.3045 - USD/JPY ดูเหมือนว่าตลาดหมีจะยังไม่สามารถทำระดับเหนือ 110.00 ได้ ณ ตอนนี้ ราคาคู่นี้พยายามตั้งหลักเหนือระดับดังกล่าวเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมและพยายามอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเช่นกัน แม้แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินหลบภัยก็ไม่ได้ช่วยแต่อย่างใด ราคาขยับแทบไม่ถึงระดับ 110.13 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์และกลับตัวก่อนที่จะปิดตลาดที่ 109.77
- คริปโตเคอเรนซี สินทรัพย์หลบภัยที่ดีที่สุดในช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิงทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโคโรนาไวรัสคือสินทรัพย์ใด? ดอลลาร์? ใช่แล้ว ดอลลาร์เติบโตอย่างน่าประทับใจเทียบกับเงินยูโรและสกุลเงินอื่น ๆ แต่บิทคอยน์มีการเติบโตที่น่าประทับใจมากยิ่งกว่าเงินดอลลาร์อีก ในสัปดาห์ที่แล้ว 80% ของนักวิเคราะห์เชื่อว่าคู่ BTC/USD อาจขยับถึง $10,450 และบทวิเคราะห์นี้ถูกต้อง 99.99%: เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ ราคาได้ขยับถึงระดับที่ $10,490 ดังนั้น ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา ราคาเงินคริปโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 45%
ดังนั้น บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์หลบภัยที่ดีที่สุดใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามผลปรากฏว่ามีสินทรัพย์อื่น ๆ ที่น่าดึงดูดยิ่งกว่า ความต้องการเหรียญบิทคอยน์ก็ผลักดันความต้องการเหรียญอัลท์คอยน์ยอดนิยมอื่น ๆ เช่น Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD), Ripple (XRP/USD) และอีกมากมายเช่นกัน และหากก่อนหน้าเหรียญเหล่านี้เดินตามรอยบิทคอยน์ ขณะนี้เหรียญหลายตัวขยับนำหน้าไปมาก เช่น Ethereum ราคาเพิ่มขึ้น 120% ตั้งแต่ต้นปีแต่เพิ่มขึ้นถึง 35% ในสัปดาห์ที่แล้ว
กิจกรรมของเหรียญทางเลือกก็ส่งผลต่อสัดส่วนของบิทคอยน์ในมูลค่าตลาดเงินคริปโตรวมเช่นกัน เดิมในเดือนมกราคมบิทคอยน์มีส่วนแบ่ง 70% ในวันนี้ลดลงมาเหลือ 62.4% ดังนั้นคำถามว่าอะไรคือสินทรัพย์หลบภัยที่ดีที่สุดนั้นยังไม่สิ้นสุดลง
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ปฏิทินสำหรับสัปดาห์ที่จะถึงนี้เต็มไปด้วยข้อมูลสำหรับนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แม้ว่าสำหรับยูโรโซน ตัวเลขคาดการณ์จะไม่บ่งชี้สัญญาณดีใด ๆ ล่วงหน้า ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าดัชนีต่าง ๆ ที่ชี้วัดสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในเยอรมนีและยูโรโซนอันได้แก่ ดัชนีของ ZEW ที่จะประกาศในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์และของ Markit ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นั้นจะออกมาต่ำกว่าตัวเลขครั้งก่อนหน้า รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ อาจหนุนแรงเสริมในทางลบ ทั้งหมดนี้จะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อไปเทียบกับดอลลาร์ ข่าวดีจากไวรัสโคโรนาอาจช่วยพลิกให้เทรนด์กลับขึ้นมาได้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำนายอะไร ณ ตอนนี้
ดัชนีเทรนด์ 100% บนกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณเป็นสีแดง 65% ของออสซิลเลเตอร์มองทิศทางด้านล่างเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่ 1.0700 และ 1.0525 อย่างไรก้ตาม ออสซิลเลเตอร์ 35% ที่เหลืออยู่โซน oversold แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญว่าเทรนด์จะกลับตัวในทิศทางขาขึ้น หรืออย่างน้อยจะมีการปรับตัวอย่างจริงจัง ซึ่งตามการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ H4 มองว่าราคาอาจกลับมาที่โซน 1.0900 และเข้าใกล้ระดับ 1.1000
ณ ขณะนี้ มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 40% ที่โหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของคู่นี้ แต่หากปรับเป็นการวิเคราะห์รายเดือน ตัวเลขผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นเป็น 65%
- GBP/ส่วนนUSD มีความเป็นไปได้ที่นอกเหนือจากข่าวการลาออกของรัฐมนตรี Sajid Javid สหราชอาณาจักรอาจมีข่าวเซอร์ไพรส์อื่น ๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในตอนนี้ อย่างที่พวกเขากล่าวกันเกี่ยวกับเบร็กซิต ยิ่งเข้าป่าไปลึกเท่าใด ต้นไม้ยิ่งหนาขึ้นเท่านั้น ณ ตอนนี้ สถานการณ์ดูจะเป็นเช่นนี้ ดัชนีเทรนด์ในกรอบ H4 บ่งชี้ว่า มี 95% ชี้ขาขึ้น 5% ชี้ขาลง ส่วนในกรอบ D1 75% ขาขึ้น และ 25% ขาลง สำหรับออสซิลเลเตอร์: ในกรอบ H4 90% ให้สัญญาณเป็นสีเขียว 10% อยู่ในโซน overbought และในกรอบ D1 ดูยุ่งเหยิงโดยสิ้นเชิง ในส่วนของนักวิเคราะห์ยังไม่มีมุมมองที่ชัดเจนใด ๆ แต่หากปรับไปที่ตัวเลขคาดการณ์ในระยะกลาง ส่วนใหญ่ (65%) เข้าข้างตลาดกระทิง โดยมีเป้าหมายตลาดกระทิงที่ใกล้ที่สุดที่ 1.3200 ระดับแนวต้านที่ 1.3070, 1.3115 และ 1.3160 แนวรับที่: 1.3000, 1.2970, 1.2940 และ 1.2880
- USD/JPY หลังจากเทรนด์ด้านข้างเป็นเวลาตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาณจากดัชนีกลับไม่เห็นพ้องกันแต่อย่างใด ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญ 70% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 และ D1 มองแนวโน้มทิศเหนือ โดยพวกเขาคาดการณ์ว่าในที่สุดราคาจะสามารถตัดทะลุแนวต้านที่ 110.00 และขยับขึ้นไปอีก 80-100 จุด นักวิเคราะห์ 30% ที่เหลือมีทัศนคติในแง่ลบ โดยพวกเขามองว่าตลาดหุ้นขาลงและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงอาจกระทบต่อราคาให้ปรับลงมาที่โซน 109.10-109.30 แนวรับถัดมาที่ 108.30 และ 107.65
- คริปโตเคอเรนซี คำทำนายของกูรูตลาดเงินคริปโตก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นอีกเช่นเคย นายทอม ลี ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat Global Advisors กล่าวว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบิทคอยน์จะขยับถึง $40,000 ภายในหนึ่งปี ในบทสัมภาษณ์กับ CNBC เขามองว่าเหตุการณ์ฮาล์ฟเหรียญและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ตลอดจนการขาดเสถียรภาพทางการเมือง และราคาที่จะตัดผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รอบ 200 วันนั้นเป็นเหตุผลที่จะหนุนราคาบิทคอยน์ เขามองว่าทำเนียบขาวตั้งใจแทรกแซงกับแนวโน้มขาขึ้นของบิทคอยน์ในปีที่แล้ว แต่ในขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวุ่นอยู่กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่และจะไม่สามารถแทรกแซงเพื่อต้านทานบิทคอยน์ได้สำเร็จ
อันโธนี ปอมพลีอาโน หุ้นส่วนของบริษัท Morgan Creek Digital ทำนายราคาบิทคอยน์ที่เติบโตขึ้นต่อไปเช่นกัน เขามั่นใจว่าอัตราแลกเปลี่ยนบิทคอยน์จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดอันเนื่องมาจากความต้องการในสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและจำนวนเหรียญที่จำกัดลง ส่งผลให้ราคาขยับถึง $100,000 ภายในสิ้นปี 2021
โดยทั่วไป นักวิเคราะห์ 60% คาดการณ์ว่าคู่ BTC/USD จะทำสถิติทะลุระดับ $11,000 ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สัปดาห์ที่แล้วมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% ที่เตือนให้ “ระวังการกลับตัวของเทรนด์!” ในตอนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญทวีคูณขึ้นเป็น 40% นักเทรดเงินคริปโตบางกลุ่มเชื่อว่าการเติบโตของมูลค่าบิทคอยน์และเงินคริปโตสกุลอื่น ๆ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคมนั้นเป็นผลมาจาก “เงินผี” พวกเขาเล่าว่าในแพล็ตฟอร์มซื้อขายบางแห่ง คำสั่งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งไม่ใช่การตั้งใจซื้อหรือขายเงินคริปโต แต่เป็นการสร้างภาพลวงตาของความต้องการในสินทรัพย์ มีใครบางคนพยายามกระตุ้นนักลงทุนให้ซื้อเหรียญทำให้ราคาเฟ้อขึ้นมา “คุณสามารถผลักราคาให้สูงขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือของ “เงินผี” เท่านั้น ณ จุด ๆ หนึ่ง ผู้คนจะอยากแลกเงินสดออกมาจากกำไรอันสูงลิบลิ่วของพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่จะขายให้ได้ ทั้งหมดนี้จะเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น!” เขียนโดยผู้กังขาเงินคริปโตท่านหนึ่งในทวิตเตอร์
และในสถานการณ์นี้ บริษัทโบรกเกอร์ NordFX นำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดในการเทรดคริปโตเคอเรนซี ได้แก่ สัญญาณส่วนต่างของราคาโดยไม่มีการรับเหรียญจริง ในกรณีนี้ เมื่อเปิดตำแหน่งซื้อหรือขาย คุณสามารถมั่นใจได้ว่า แม้ราคาบิทคอยน์จะไต่ขึ้นเฉียดฟ้าหรือทรุดต่ำลงเป็นศูนย์ คุณก็จะได้รับกำไรของคุณ
โรมัน บุทโก, NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ