บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 2 - 6 มีนาคม 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD สถานการณ์ในตลาดการเงินนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของไวรัสโคโรนาโดยสมบูรณ์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน และหากนักเทรดหลายคนเคยบ่นไว้ในปี 2019 เกี่ยวกับความผันผวนที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของคู่ EUR/USD สถานการณ์ในปี 2020 กลับถือว่าเปลี่ยนไปอย่างมาก ช่วงความผันผวนของคู่นี้สูงกว่า 200 จุดแค่ในสัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์เดียวเท่านั้น และอัตราการเติบโตของเงินยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ เติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018 และทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ความเสี่ยงและหันมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์ปลอดภัยที่สงบมากกว่า
    ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ และรอบโลกยังคงปรับลงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีปรับลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ระดับสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์ พอจะสรุปได้ว่ามีเพียงดัชนี S&P500 เท่านั้นที่ปรับลด 15% ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ส่วนรายงานข่าวว่ามีคนกว่า 8,000 คนที่ถูกกักกันโรคในแคลิฟอร์เนียได้สร้างความวิกตกในหมู่นักลงทุนที่กำลังเทขายทั้งหุ้นอเมริกาและเงินดอลลาร์
    ด้วยเหตุนี้ ความต้องการถือสกุลเงินดังเช่น ยูโร และเงินเยน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้แนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ที่เราเคยเห็นมาตั้งแต่วันที่ 1-20 กุมภาพันธ์ ได้หยุดลงในที่สุด และนักเทรดบางกลุ่มที่ใจเย็นมากพอและมีเงินมากพอที่จะทนถือการขาดทุนสะสมกับตำแหน่งซื้อที่ 310 จุดก็เริ่มถอนหายใจโล่งออกได้บ้าง ราคาคู่นี้เติบโตตลอดทั้งสัปดาห์ โดยขยับถึงระดับสูงสุดในพื้นที่ 1.1053 เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์และปิดตลาดที่ 1.1030
  • GBP/USD หากเงินดอลลาร์รู้สึกไม่ค่อยดีจากข่าวไวรัสโคโรนา ค่าเงินปอนด์นั้นกลับรู้สึกแย่ยิ่งกว่าจากข่าวผลที่ตามมาของเบร็กซิต คำทำนายตลาดหมีซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญ (55%) ปรากฏว่าถูกต้องอย่างชัดเจน ราคาได้ขยับไปยังช่องขาลงระยะกลางตามที่คาดการณ์ไว้ หลังจากพยายามหลายครั้งในที่สุดก็สามารถตัดผ่านระดับต่ำสุดที่ 1.2850 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จากนั้นราคาก็เริ่มไหลลงอย่างต่อเนื่องกว่า 125 จุดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จนปักหลักลงมาที่ระดับ 1.2725 ตามมาด้วยการตีกลับของราคาขึ้นมาจนปิดตลาดห้าวันทำการที่ 1.2820
  • USD/JPY นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (75%) ได้ทำนายในครั้งที่แล้วว่าเงินเยนญี่ปุ่นจะแข็งค่าขึ้น แต่ไม่มีใครคาดการณ์ผลลัพธ์เช่นนี้ ค่าเงินดอลลาร์ที่ดิ่งลงและความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เงินเยนได้เห็นปรากฏการณ์การเติบโตที่สูงถึง 410 จุด โดยเริ่มต้นสัปดาห์ที่ 111.60 ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงมาที่ 107.50 เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์จนทำราคาต่ำสุดของปี 2020 สำหรับราคาสุดท้ายหลังการปรับฐานหยุดอยู่ที่โซน 108.00
  • คริปโตเคอเรนซี มีความเป็นไปได้ว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ สุนัขจิ้งจอกเก่าแก่แห่งวอลล์สตรีท ที่เคยหันหลังให้กับเงินคริปโตด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยามนั้นเป็นฝ่ายถูกต้อง บรรดากูรูบิทคอยน์และผู้ที่ฝักใฝ่เงินคริปโตเคยวิพากวิจารณ์เขา ทำให้พวกเราเชื่อว่า BTC คือสินทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ สินทรัพย์หลบภัยที่เราสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงเราเห็นอะไรได้บ้าง?
    เงินยูโรและเงินเยนแข็งค่าขึ้นต่อเงินดอลลาร์ตลอดทั้งสัปดาห์ และหากบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ราคาก็น่าจะขยับขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เงินดอลลาร์ดิ่งลง และบิทคอยน์ร่วมถึงอัลท์คอยน์ยอดนิยมต่าง ๆ ได้แก่ Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD) และ Ripple (XRP/USD) ดิ่งลดลงรวดเร็วยิ่งกว่า โดยปักหลักที่ระดับต่ำสุดของเดือนที่ $8,455 ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คู่ BTC/USD เสียมูลค่าเกือบ 12.5% ตลอดทั้งสัปดาห์ มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตลดลง 15% และดัชนี Crypto Fear & Greed Index แช่แข็งอยู่ในสถานะ "กลัว” คะแนนตกลงมาที่ระดับ 40

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ตามคำทำนายของนักวิเคราะห์จากตลาดซื้อขายอนุพันธ์ชิคาโก (CME) ชี้ว่ามีแนวโน้มที่ธนาคารเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 18 มีนาคม ซึ่งโอกาสอยู่ที่ 90% (ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขอยู่ที่เพียง 10%) หากสิ่งนี้เกิดขึ้น เราอาจได้เห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในส่วนสถิติจากตลาดแรงงานซึ่งจะประกาศตามปฏิทินในวันศุกร์แรกของเดือน วันที่ 6 มีนาคม นั้นสามารถกระทบต่อเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยเช่นกัน โดยตัวเลขคาดการณ์ชี้ว่าดัชนี NFP อาจลดลงจาก 225K เหลือ 176K ในส่วนดัชนีกิจกรรมธุรกิจ ISM มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าระดับสำคัญที่ 50.0 ซึ่งจะส่งผลเป็นปัจจัยในทางบวก ในสถานการณ์เช่นนี้จึงมีแนวโน้มว่ารายงานข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาจะยังคงเป็นตัวชี้ชะตาคู่ EUR/USD ต่อไป
    ณ เวลาที่เขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้ มีผู้เชี่ยวชาญ 60% สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์และดัชนีเทรนด์ 70% หันไปทางทิศเหนือ ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ 1.1055, 1.1100, 1.1175 และ 1.1240 มุมมองในทางตรงกันข้ามนั้นสนับสนุนโดยนักวิเคราะห์ 40% และดัชนี 30% ซึ่งอยู่ในโซน overbought หรือให้สัญญาณเป็นสีแดง แนวรับได้แก่ 1.0950 1.0900, 1.0830 และระดับต่ำสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ 1.0777
  • GBP/USD ตรงกันข้ามกับดอลลาร์ แนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินปอนด์อังกฤษกลับต่ำลง นายจอห์น คันลิฟฟ์ กรรมการบริหารธนาคารกลางอังกฤษที่เป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินมาตั้งแต่ปี 2013 ชี้ว่า ธนาคารฯ คาดการณ์ว่าระดับเงินเฟ้อจะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากสถิติในตลาดแรงงานที่เป็นบวกและอัตราการเติบโตในรายได้เฉลี่ย ดัชนีราคาผู้บริโภคอาจสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% อีกด้วย และในสถานการณ์เช่นนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงไม่มีความเป็นจำเป็นแต่อย่างใด
    นอกเหนือไปจากความเห็นของนายคันลิฟฟ์แล้ว ตลาดยังกังวลว่า นายมาร์ค คาร์นีย์ ประธานธนาคารกลางอังกฤษจะกล่าวแถลงอะไรในวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคมนี้ ส่วนหนึ่งของประเด็นสำคัญได้แก่ การตอบสนองของธนาคารฯ ต่อภาวะขาลงในตลาดหุ้นอันเนื่องมาจากไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความสนใจในวัตถุประสงค์ที่ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษเพิ่มทองคำสำรอง โดยไม่นานมานี้ สหราชอาณาจักรได้จัดซื้อทองคำมูลค่ากว่า $5.33 พันล้านในรัสเซียซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าการซื้อขายทั่วไปถึง 12 เท่า
    ด้วยความแตกต่างของผลกระทบของไวรัส COVID-19 ต่อตลาดสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร รวมถึงโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารเฟด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) จึงโหวตให้กับตลาดกระทิง โดยคาดว่าคู่ GBP/USD จะกลับสู่โซน 1.3000-1.3070 และอาจจะขยับขึ้นได้อีกถึง 100 จุด ส่วนการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ตลอดจนออสซิลเลเตอร์ 15% ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold ซึ่งสอดคล้องกับคำทำนายทิศทางนี้
    นักวิเคราะห์ส่วนน้อย (35%) ออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ (85%) และดัชนีเทรนด์เกือบ 100% เห็นด้วยกับฝั่งตลาดหมี
  • USD/JPY ชัดเจนว่าดัชนีส่วนใหญ่ในที่นี้นั้นให้สัญญาณเป็นสีแดง อย่างไรก็ตาม มีออสซิลเลเตอร์ 25% ที่อยู่ในโซน oversold ซึ่งอาจหมายความว่าหากราคาไม่กลับทิศทางโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็อาจจะมีการปรับตัวของราคาในทิศทางขาขึ้นครั้งใหญ่ ในส่วนนักวิเคราะห์ 65% คาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีระดับแนวต้านใกล้ที่สุดที่ 109.25 เป้าหมายใกล้ที่สุดคือการกลับมาสู่โซน 109.65-110.25 เป้าหมายถัดไปคือระดับที่ 112.00 ซึ่งสามารถบรรลุได้โดยการลดระดับความวิตกกังวลในตลาดหุ้นหากมีข่าวความสำเร็จในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยไวรัส COVID-19 ลดลงโดยเฉลี่ย 1,600 คนต่อวัน และในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จำนวนผู้ที่รักษาหายแล้วอาจเกิด 50% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด
    แน่นอนว่าเราอยากเห็นอัตราการแพร่ระบาดของโรคนี้ลดลง แต่หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นภายในสองสามวันข้างหน้า ค่าเงินดอลลาร์อาจจะอ่อนลงต่อไป และราคาจะตัดทะลุระดับแนวรับที่ 107.50, 106.65, 105.65 ถัดไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับต่ำสุดเดือนสิงหาคมปี 2019 ที่บริเวณ 104.45
  • คริปโตเคอเรนซี นายชางเปง ฉ่าว เจ้าของตลาดซื้อขายเงินคริปโต Binance แสดงท่าทีอย่างน่าสนใจ โดยให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ดูเป็นการโน้มน้าว เขาบอกว่าหากราคาบิทคอยน์ไม่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากการฮาล์ฟเหรียญ วงการนี้จะต้องเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่ จำนวนผู้ขุดเหรียญจะเริ่มลดลง นอกจากนี้ บิทคอยน์จะเสี่ยงที่จะสูญเสียการสนับสนุนของนักลงทุนรายใหญ่ที่คาดหวังในมูลค่าเหรียญเติบโต “ในเดือนพฤษภาคม นักขุดเหรียญจะสูญเสียรายได้ส่วนหนึ่งในการขุดเหรียญ บิทคอยน์น่าจะชดเชยเหตุการณ์นี้ด้วยเงินดอลลาร์ หากสินทรัพย์นี้ไม่สามารถให้ผลตอบแทนกับนักขุดด้วยเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างน้อย ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะบอกลาวงการนี้ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้!” นายฉ่าวกล่าวโน้มน้าวเพื่อนร่วมงานของเขา
    ไม่ว่าคำกล่าวจูงใจนี้จะได้ผลในอนาคตหรือไม่นั้นยังไม่เป็นที่ทราบชัด แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (45%) ขณะนี้ยังมองโลกในแง่ลบ คาดการณ์ว่าราคา BTC/USD จะลดลงมาที่โซน $8,000-8,250 โดย ณ ตอนนี้มีกลุ่มนักวิเคราะห์ที่มองโลกในแง่บวกอยู่ 30% ซึ่งเชื่อว่าราคาที่ปรับลดลงในสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการปรับฐานราคา และในเร็ว ๆ นี้ เราจะได้เห็นราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นไปที่ระดับ $10,500 อีกครั้ง สำหรับผู้เชี่ยวชาญส่วนที่เหลือนั้นไม่สามารถสรุปความเห็นได้

 

โรมัน บุทโก, NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา