อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD ชัดเจนแล้ว! เศรษฐกิจโลกไม่ถูกควบคุมโดยเหล่ารัฐบาล ธนาคาร หรือบริษัทขนาดใหญ่อีกต่อไป เศรษฐกิจเราถูกปกครองโดย “บุคคล” เดียวที่ชื่อว่า Covid-19 การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลให้เกิดภาวะวิตกในตลาดหุ้น ราคาน้ำมันทรุดตัว ปริมาณการผลิตลดลง และมีการปิดเขตแดน มนุษยชาติเริ่มหวาดกลัวโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือหกเดือนข้างหน้า โรงเรียนและมหาวิทยาลัย ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ สวนสาธารณะ และสนามกีฬาล้วนว่างเปล่า ผู้คนได้รับคำแนะนำให้ไม่ต้องออกจากบ้าน อาหารและกระดาษชำระเริ่มหายไปจากร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง งานกิจกรรมต่าง ๆ ถูกยกเลิกหมด และมีมุกตลก ๆ บนโซเชียลมีเดียว่า งานประชุนเพื่อหารือเรื่องการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาถูกยกเลิกเพราะ..ไวรัสโคโรนา การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในการสั่งปิดเขตแดนสหรัฐฯ และสั่งแบนไม่ให้ชาวยุโรปเดินทางเข้าประเทศช็อคตลาด ดัชนีฟิวเจอร์ส EuroSTOXX50 ปรับลง 5.57% ในขณะที่ DAX30 ลดลง 4.22% ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทรุดลงหนักที่สุดในรอบ 33 ปี ส่วนดัชนีหลักของประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ ดิ่งลงถึงระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเช่นกัน
เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดทรุดฮวบอันเนื่องมาจากการตัดสินใจโดยที่ประชุมฉุกเฉินของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก 1.75% เหลือ 1.25% ส่งผลให้คู่ EUR/USD ขยับขึ้นเกือบ 640 จุดจนใกล้ถึงระดับ 1.1500
ธนาคารกลางยุโรปมีท่าทีต่างจากอเมริกัน โดยอีซีบีคงระดับอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า ระบบธนาคารของยูโรโซนมีเสถียรภาพและไม่จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย (ซึ่งติดลบอยู่แล้วที่ -0.5% ) แต่ตลาดพึงพอใจมากกว่ากับคำพูดของเธอที่ว่า ธนาคารณ ไม่ควรแก้ไขปัญหาค่าสเปรดต่ำ นักลงทุนจดจำวิกฤติหนี้ที่ถูกกระตุ้นโดยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเมื่อปี 2011 ได้เป็นอย่างดี และทั้งดัชนีหุ้นและค่าเงินยูโรในตอนนั้นก็อ่อนค่าลงโดยทันที จนถึงระดับต่ำสุดที่ 1.1055
หากช่วงความผันผวนของปีที่แล้วสำหรับคู่นี้อยู่ที่ประมาณ 200 จุด ในปีนี้ คู่ EUR/USD ทำสถิติความผันผวนใหม่ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เฉพาะในสัปดาห์ที่แล้ว ดอลลาร์ฟื้นขึ้นมาประมาณ 440 จุดเทียบกับยูโร ก่อนที่จะตามมาด้วยการปรับตัวของราคาและปิดตลาดห้าวันทำการใกล้กับระดับ 1.1100 ตามความเห็นของเรามองว่า ผลลัพธ์เช่นนี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังสับสนอย่างรุนแรง เพราะราคาได้กลับสู่โซนกลับตัวอีกครั้งซึ่งราคาขยับในแนวดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2019
สำหรับคำทำนายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ 40% ได้โหวตว่าราคาจะขยับถึงโซน 1.1450-1.1500
ในความเป็นจริงราคาทำตามเป้าดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม ส่วนนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) ที่โหวตว่าราคาจะกลับสู่ช่วง 1.1000-1.1100 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ราคาจะวกกลับตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้า ดังนั้นถือว่าทั้งสองฝ่ายทำนายได้ถูกต้อง 100% อย่างนี้เป็นการย้อนแย้งหรือไม่? คงไม่ เพราะไวโรโคโรนาเป็นตัวตัดสินให้เป็นเช่นนั้น - GBP/USD มีสองปัจจัยหลักที่กดดันค่าเงินปอนด์ในขณะนี้ ปัจจัยประการแรกคือความสับสนในตลาดน้ำมันและราคาที่ปรับลดลงในภาคพลังงาน ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเงินปอนด์อังกฤษ ปัจจัยที่สองคือภาวะติดลบในตลาดตราสารหนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรอบ 10 ปีในอังกฤษลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับตราสารที่คล้ายคลึงกันในสหรัฐฯ และเยอรมนี แต่หากผลตอบแทนพันธบัตรลดลงต่อไป อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์อาจยิ่งทรุดลงอยู่ในความมืดมน คุณจะเรียกภาวะดิ่งลง 900 จุดในเวลา 5 วันว่าเป็นอะไรได้อีก?
ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงแตะถึงระดับราคาของต้นเดือนตุลาคมปี 2019 และปิดตลาด ณ บริเวณที่ 1.2289 ที่ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว ฝั่งกระทิงคงไม่เคยแม้แต่จะเห็นในฝันร้ายของพวกเขา - USD/JPY เงินดอลลาร์ขยับขึ้นมานับตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมต่อเงินยูโร เงินปอนด์ และเงินเยน นักลงทุนทยอยขายทองคำ ซึ่งมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับคู่นี้ ส่งผลให้ราคาตีออกจากแนวรับที่ 101.17 เมื่อวันจันทร์ และเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม ราคาอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม ที่ระดับ 108.00 ซึ่งไม่มีอะไรแปลกสำหรับตัวเลขนี้ในการวิเคราะห์กราฟ สิ่งเดียวที่น่าสนใจคือจังหวะและช่วงการผันผวน ในตอนแรกนั้นผันผวน 700 จุดในเวลา 5.5 วัน จากนั้นจำนวนเดียวกันแต่เป็น 4.5 วัน ซึ่งคุณสามารถทำอะไรได้ ในเมื่อนี่คือความจริงใหม่
- คริปโตเคอเรนซี ชาวโรมโบราณเคยกล่าวไว้ว่า "Cui prodest?” ซึ่งมีความหมายว่า “มองดูว่าใครได้ประโยชน์” และนี่คือประโยชน์สำหรับเหล่ากูรูเงินคริปโต เศรษฐีเงินล้านคริปโต และเจ้าของเหรียญคริปโตปริมาณมากทั้งหลาย ซึ่งพวกเขานี้เองที่คอยโน้มน้าวนักลงทุนและนักเทรดให้เชื่อว่าบิทคอยน์ และตลาดเงินคริปโตที่เหลือจะพุ่งทยานสูงขึ้นไปยังระดับที่คาดไม่ถึงในอนาคตอันใกล้ “บิทคอยน์ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงและอีกไม่นานจะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์!” พวกเขาตะโกนเร่งให้ทุกคนลงทุนในเหรียญคริปโต แล้วก็ทำให้พวกเขายิ่งรวยขึ้น รวยขึ้นไปอีก แล้วยังไงต่อ?
เมื่อพูดถึงคาถาของ “นักบุญ” ทั้งหลายเหล่านี้ เราได้เคยเตือนหลายครั้งแล้วว่า ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงิน คุณจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ให้ถูกต้อง และบางทีแทนที่จะเข้าซื้อ ก็อาจเปิดตำแหน่งขาย เนื่องจากคู่ BTC/USD ไม่เพียงแต่จะเติบโตอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถขยับลดลงได้อย่างรวดเร็วได้เช่นกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
หากคุณเชื่อในบิทคอยน์ มันเคยเป็นเครื่องช่วยชีวิตในยามที่ตลาดหุ้นทรุดตัว อัตราแลกเปลี่ยนตกต่ำ และเศรษฐกิจพังพินาศ เรากำลังเห็นเรื่องราวหลาย ๆ ทั้งหมดนี้ในเวลาเดียวกัน แต่แทนที่เหตุการณ์จะกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาในตลาดคริปโต บิทคอยน์กลับจมลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า
ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนตั้งแต่วันที่ 12 - 13 มีนาคม เงินคริปโตสกุลหลักอ่อนค่าลง 58% จาก $10,340 เหลือ $4,300 ในตลาดแลกเปลี่ยนบางแห่ง ขยับลงมาหนักยิ่งกว่า โดยลงเหลือ $3,815 คิดเป็นถึง 63%
บิทคอยน์เสียมูลค่าในวันเดียวคือวันที่ 12 เข้า 13 มีนาคม ลากตลาดคริปโตทั้งหมดให้จมดิ่ง ซึ่งรวมทั้งอัลท์คอยน์สกุลหลัก ได้แก่ Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD) และ Ripple (XRP/USD) สถานก่ารณ์เริ่มมีความเสถียรขึ้นในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม และคู่ BTC/USD ขยับขึ้นถึงระดับ $5,600 ดัชนี The Crypto Fear & Greed Index อยู่ที่ 10 คะแนนจาก 100 ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ตลาดไม่เพียงแต่หวาดกลัวเท่านั้น แต่ถึงกับขวัญหนีกันทั้งตลาด
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD รัฐบาลและสถาบันธนาคารต่างต้องรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจในประเทศของตนอย่างหนักหน่วงต่อไป ธนาคารกลางยุโรปไม่เพียงแต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ได้ประกาศเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ถึง 60% ซึ่งคิดเป็น €120 ในปี 2019 ในส่วนนี้ ธนาคารเฟดกำลังเร่งกระตุ้นตลาดด้วนพันธบัตรราคาถูกภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ ที่พยายามจะชนะการเลือกตั้งให้ได้ในสมัยที่สอง สหรัฐฯ เริ่มโครงการให้สินเชื่อระยะสั้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเฟดพร้อมปล่อยสินเชื่อให้กับธนาคารในทุกสัปดาห์เป็นเงินถึง $1.42 ล้านล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์นี้ ธนาคารได้รับการชำระเงินงวดแรกที่ 0.255% ต่อปีแล้ว ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มีแนวโน้มสูงที่อัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์จะถูกปรับลดลงอย่างน้อยอีก 0.50% ในที่ประชุมเฟดในสัปดาห์หน้านี้
สมดุลแห่งอำนาจดูไม่เข้าข้างเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญที่มีสัดส่วนห่างกันเล็กน้อย (55%) ยังคงเข้าข้างฝั่งตลาดหมีมากกว่า โดยได้รับการสนับสนุนจากออสซิลเลเตอร์ 85% และดัชนีเทรนด์บนกรอบ H4 ในส่วนนักวิเคราะห์ 45% ที่เหลือเชื่อว่า ดอลลาร์จะยังคงสูญเสียตำแหน่งและราคาจะขยับขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเห็นด้วยโดยออสซิลเลเตอร์ 15% ในกรอบ H4 ที่ให้สัญญาณว่าราคากำลังอยู่ในภาวะ oversold
การวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 แสดงถึงแนวโน้มขาลงอย่างรุนแรงมาที่ระดับ 1.0950 และจากนั้นราคาน่าจะเติบโตขึ้นไปที่ 1.11000 และขยับขึ้นไปอีก 100 จุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะวิตกเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา สถานการณ์ตลาดหุ้นและตลาดเงินตราที่ระส่ำระส่ายเป็นอย่างมาก รวมถึงราคาน้ำมันที่ดิ่งลง คำทำนายใด ๆ ก็กลายเป็นฝุ่นได้ในวินาทีเดียว ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดสัญญาณที่สับสนในกรอบ D1 ซึ่งปรากฏทั้งสัญญาณสีเขียว แดง และสีเทาผสมปนเปกัน
ในที่นี้ โซนแนวรับหลัก ได้แก่ 1.1065, 1.1000, 1.0850 และราคาต่ำสุดของเดือนกุมภาพันธ์ 1.0750 โซนแนวต้านที่ 1.1175, 1.1240, 1.1350 และ 1.1500 - GBP/USD ชัดเจนว่าดัชนีเทรนด์ 100% ในช่วงท้ายสัปดาห์นั้นชี้ไปทางทิศใต้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นั้นแตกต่างเล็กน้อยสำหรับออสซิลเลเตอร์ โดยมี 20% บนกรอบ H4 และ 15% บนกรอบ D1 อยู่ในโซน oversold แล้ว ชี้ให้เห็นว่าราคาจะมีการปรับตัวหรือวกกลับของเทรนด์ขึ้นไป ในส่วนการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ D1 สนับสนุนทิศทางนี้เช่นกัน ตามการวิเคราะห์ดังกล่าว ราคาอาจทำราคาต่ำสุดใกล้กับระดับเดือนตุลาคมปี 2019 ที่ 1.2200 และจากนั้นจะกลับทิศทางขึ้นเหนือ ในตอนแรกไปที่แนวต้าน 1.2425 และจากนั้นต่อไปที่ระดับ 1.2565 และในขณะเดียวกัน ด้วยความผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงสมเหตุสมผลที่จะกำหนดแนวรับเพิ่มอีกสองระดับที่ 1.2065 และ 1.1960 และแนวต้านอีกสองระดับ 1.2725 และ 1.2870 แม้ว่าบางทีนี่จะไม่ใช่ระดับจำกัดก็ตาม
สำหรับความเห็นในหมู่นักลงทุนยังไม่สามารถสรุปได้ชัดสำหรับสัปดาห์หน้านี้ แต่หากเป็นคำทำนายใน 1-2 เดือนข้างหน้า จำนวนผู้สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคานั้นประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ 75% โดยตั้งเป้าว่าราคาจะไต่ขึ้นไปที่ระดับ 1.2900-1.3100 - USD/JPY หากคำทำนายในระยะกลางสำหรับคู่ GBP/USD นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่โหวตให้กับการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สถานการณ์นี้ตรงกันข้ามสำหรับเงินเยน ในที่นี้ผู้เชี่ยวชาญ 60-70% เชื่อว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เงินเยนญี่ปุ่นจะเสียหลัก โดยจะผ่านโซน 108.30-109.75 ราวกับเป็นมีดที่เฉือนผ่านเนย และจะวิ่งไปที่ระดับ 112.00-112.40 เป้าหมายถัดไปของฝั่งกระทิงอยู่ขึ้นไปอีก 200 จุด
ในส่วนสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ นอกเหนือไปจากการตัดสินใจจองธนาคารเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย เราจะรอการตัดสินใจที่คล้ายกันโดยธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม และอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติจีนในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม ทั้งสองธนาคารฯ นี้จะประกาศเรื่องความประสงค์ในการสนับสนุนธนาคารพาณิชย์และบริษัทต่าง ๆ ภายในประเทศ และหากความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไม่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเงินเยนจะเป็นข่าวเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุน
หากอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์ถูกปรับลดลง และอัตราเงินเยนยังคงที่ระดับติดลบเดิม -0.1% จะมีความเป็นไปได้ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อเงินเยนญี่ปุ่น และราคา USD/JPY จะขยับลงอีกครั้ง โดยตัดผ่านแนวรับที่ 105.90, 104.50 และ 103.15 ตามลำดับ เป้าหมายของตลาดคือการกลับมาที่ระดับต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วและพยายามทดสอบระดับ 101.00 และแน่นอนสิ่งที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ผลตอบแทนปัจจุบันของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รอบ 10 ปี และราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน
- คริปโตเคอเรนซี “มันคืออะไรกันนี่?" นักเทรดและนักลงทุนหลายท่านได้แต่ถามตัวเองเมื่อมองย้อนกลับไปที่สถานการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มันคือจุดเริ่มต้นของจุดจบใช่ไหม? หรือเป็นเกมของนักเก็งกำไร หลังจากนั้นบิทคอยน์จะฟื้นตัวขึ้นมาทั้งหมดหรือเปล่า? หรือบางทีผู้คนอาจจะไม่เชื่อในอนาคตที่สดใสของบิทคอยน์อย่างแท้จริง และในสถานการณ์วิกฤติเกี่ยวกับไวรัสโคโรนานี้ พวกเขาจึงอยากที่จะเทขายเงินที่จับต้องไม่ได้ และเปลี่ยนมาถือดอลลาร์ที่จับต้องได้ พิสูจน์แล้วตามกาลเวลามากกว่า
คำทำนายของผู้เชี่ยวชาญที่สำรวจในขณะนี้ดูค่อนข้างสงบและถ่อมตัว 65% ของผู้เชี่ยวชาญมองว่าคู่ BTC/USD อาจขยับถึงโซน $6,000 - 6,500 ในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ 45% ที่เหลือมองที่ระดับบริเวณ $5,000 แต่เมื่อมองลึกลงไปสำหรับฝั่งกระทิงนั้นดูเลวร้ายยิ่งกว่า มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% เชื่อว่าบิทคอยน์จะสามารถตั้งหลักเหนือ $7,000 ได้อย่างมั่นใจภายในสิ้นเดือนมีนาคม และอีก 20% ทำนายว่าราคาเหรียญนี้จะปรับลดลงมาที่โซน $3,000-3,500 ในส่วน 60% ที่เหลือไม่รีบที่จะให้คำทำนายใด ๆ ในเวลานี้
กลุ่มการวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ