บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 23 - 27 มีนาคม 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนากระทบตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง สงครามน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียซึ่งแน่นอนว่าจะขาดการแทรกแซงโดยสหรัฐฯ ไม่ได้ ยิ่งทำให้เกิดความน่าวิตกเพิ่มขึ้น น้ำมันเชลของสหรัฐฯ ในฐานะอีกหนึ่งเป้าหมายการโจมตีของรัสเซีย สหรัฐฯ จึงพยายามทำตัวเป็นสื่อกลางในสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุฯ และรัสเซีย
    Covid-19 สะเทือนเศรษฐกิจอเมริกาอย่างรุนแรง แต่เศรษฐกิจประเทศอื่น ๆ นั้นได้รับผลกระทบมากยิ่งกว่า นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม สถานการณ์เริ่มจะมีความเสถียรมากขึ้น แต่ราคาน้ำมันเบรนท์ รวมถึงดัชนี NASDAQ และ S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อย สำหรับดอลลาร์ซึ่งแข็งค่าขึ้นมาตลอดสองสัปดาห์ติดต่อกัน และช่วงเวลานี้อาจเรียกว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติปี 2008 โดยตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเงินยูโรมากกว่า 800 จุด ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์เติบโตขึ้นมากกว่า 3.3% ส่วนธนาคารเฟดสหรัฐฯ ซึ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 1.25% เหลือ 0.25% เมื่อวันจันทร์ ได้เปิดเส้นสวอปสำหรับธนาคารกลางในหลายประเทศตั้งแต่วันพฤหัสบดี ประกอบกับภารกิจการไกล่เกลี่ยสงครามน้ำมันที่ช่วยทำให้ตลาดสงบลงบ้าง แม้ว่ามีแนวโน้มต่ำที่ใครจะสามารถการันตีสถานการณ์ได้ในตอนนี้
    การวิเคราะห์สถานการณ์ ณ ขณะนี้เป็นเรื่องยากมาก เทคนิคมาตรฐานทั่วไปแทบไม่เป็นผล แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (55%) สนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 85% และดัชนีเทรนด์บนกรอบ H4 ให้คำทำนายที่ถูกต้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทำนายไว้ว่า EUR/USD จะขยับลงต่อไป อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงผิดความคาดหมายทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญกำหนดให้ระดับต่ำสุดของเดือนกุมภาพันธ์ที่ 1.0750 เป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่ขาลงดิ่งลงต่ำยิ่งกว่า และราคาดิ่งลงไปอีก 100 จุด ปิดตลาดห้าวันทำการที่ 1.0695
  • GBP/USD สกุลเงินปอนด์อังกฤษไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อน! เมื่อ 230 ปีก่อนหน้าในปี 1791 เงินปอนด์มีค่า $4.555 ในปี 1900 - $4.864 ในปี 2000 - $1.515 และในวันที่ 20 มีนาคม 2020 เงินปอนด์มีค่าเพียง $1.141 เมื่อเรากำหนดเป้าหมายสำหรับขาลงของเงินปอนด์ไว้ที่ 1.1960 เราได้เตือนไว้ว่าราคาอาจไม่ได้จำกัดอยู่ที่ระดับดังกล่าว และเราก็ทำนายได้ถูกต้อง ราคาต่ำสุดในรอบสัปดาห์อยู่ที่ 1.1409  และหากเงินปอนด์ขยับลงมาประมาณ 1,900 จุดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2016 หลังจากผลการลงประชามติเบร็กซิต คู่ GBP/USD ได้ตกลงมาเกือบ 1,800 จุดในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มขาลงล่าสุดนี้เป็นผลมาจากข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก 0.25% เหลือ 0.10% โดยธนาคารแห่งชาติอังกฤษ และการขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณหนุนเป็นเงิน £200 พันล้านปอนด์ สำหรับราคาสุดท้ายของสัปดาห์จบลงที่ระดับ 1.1635
  • USD/JPY คำทำนายสำหรับคู่นี้โดยรวมปรากฏออกมาถูกต้อง ในที่นี้ นักวิเคราะห์เกือบ 70% โหวตว่าค่าเงินญี่ปุ่นจะยอมแพ้ และราคาจะวิ่งผ่านไปที่โซน 108.30-109.75 ราวกับมีดเฉือนเนย และจะวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 112.00-112.40 ผู้เชี่ยวชาญกำหนดขีดเส้นตายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า แต่ราคาวิ่งผ่านโซนสำคัญดังกล่าวภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น จนถึงระดับ 111.50 ซึ่งเป็นราคาสูงสุดก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับ 110.70
  • คริปโตเคอเรนซี หากการเคลื่อนที่ของ EUR/USD ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเดินตามรอยของกราฟราคาน้ำมันเบรนท์ ดัชนี NASDAQ หรือ S&P500 อย่างแทบจะแม่นยำ สำหรับคู่ BTC/USD ดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างเป็นอิสระมากกว่า ตอนที่ดอลลาร์ดิ่งลงในช่วงสัปดาห์วันที่ 24 กุมภาพันธ์ถึง 1 มีนาคม บิทคอยน์อ่อนค่าลงตามด้วย ส่วนระหว่างวันที่ 2-8 มีนาคม ดอลลาร์ปรับลดลงต่อไป ในขณะที่บิทคอยน์มีพฤติกรรมค่อนข้างสงบและกลับปรับขึ้นเล็กน้อย จากนั้นในช่วงวันที่ 9-15 มีนาคม บิทคอยน์วกกลับ 189 องศา ดอลลาร์เองก็เริ่มเติบโตไม่ได้ช้าไปกว่ากัน ในขณะที่แนวโน้มขาลงของราคาบิทคอยน์สามารถอธิบายได้ด้วยเงื่อนไขสภาวะวิกฤติที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนเริ่มเททิ้งสกุลเงินดิจิทัล และแปลงเป็นสกุลเงินจริง ในช่วงวันที่ 16-22 มีนาคม ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น และบิทคอยน์ขยับเรียบในตอนแรก และจากนั้นก็เติบโตขึ้นเล็กน้อย
    สิ่งนี้หมายความว่าอะไร?
    เรายกเลิกสมมติฐานว่า BTC เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งเดิมเคยกล่าวขาวไว้โดยเหล่าบรรดากูรูเงินคริปโตทั้งหลาย ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม ราคาบิทคอยน์ลดลง 58% จาก $10,340 เหลือ $4,300 ในบางตลาดราคากลับดิ่งลงยิ่งกว่า ถึง $3,815 คิดเป็น 63% บิทคอยน์เสียมูลค่ากว่าครึ่งในเวลาเพียงหนึ่งวันตั้งแต่วันที่ 12-13 มีนาคม โดยลากตลาดเงินคริปโตตกลงไปด้วย ซึ่งรวมถึงเหรียญอัลท์คอยน์ติดอันดับอย่าง Ethereum (ETH/USD), Litecoin (LTC/USD) และ Ripple (XRP/USD)  ช่างเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอะไรเช่นนี้!
    แต่การใช้คู่ BTC/USD เป็นดัชนีชี้นำนั้นเป็นเรื่องน่าคิด แน่นอนที่นี่ยังเป็นเพียงทฤษฎี แต่มันก็มีพอมีข้อสนับสนุนอยู่บ้าง การเปลี่ยน BTC/USD เป็นสถานะการเคลื่อนที่แบบเงินทั่วไปในเงื่อนไขที่สถานการณ์มีความผันผวนสูงมากในตลาดอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่า ผู้เล่นรายใหญ่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรในขณะนี้ ว่าควรซื่อหรือขายสินทรัพย์เงินคริปโต และนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้น (หรือการปรับตัวของราคาครั้งใหญ่) สำหรับ EUR/USD และคู่ดอลลาร์หลักอื่น ๆ
    สำหรับในสัปดาห์ที่แล้ว ระดับต่ำสุดของบิทคอยน์อยู่ที่ $4,465 และสูงสุดที่ $6,900 ต่อเหรียญ ภายในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม มูลค่ารวมในตลาดบิทคอยน์เพิ่มขึ้นจาก $91.459 พันล้านเหรียญเป็น $103.590 พันล้าน และราคา BTC/USD อยู่ที่ระดับ $6,140

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ในวิกฤติระดับโลกอย่างแท้จริง ดอลลาร์ชี้ให้เห็นว่า เงินยูโรหรือเงินเยนไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าดึงดูดมากที่สุดสำหรับนักลงทุน ดอลลาร์จะสามารถรักษาสถานะนี้ได้หรือไม่ และมันจะเติบโตขึ้นต่อไปหรือไม่?
    ในทางหนึ่ง ธนาคารเฟดได้ดำเนินมาตรการอย่างเร่งด่วนใกนาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.25% เร่งพิมพ์ธนบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้สินเชื่อธนาคารต่าง ๆ กว่า $1.42 ล้านล้านเหรียญในทุกสัปดาห์ ตัวเลขอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเสริมเป็นแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์เช่นกัน: จำนวนผู้ขอใช้สิทธิ์ว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 70K จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 9K ส่วนแคลิฟอร์เนีย เท็กซัส นิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย ได้ปิดธุรกิจสำรองทั้งหมดและรัฐเหล่านี้มีสัดส่วนใน GDP สหรัฐฯ สูงถึง 35% ความร่วมมือกันของกลุ่มประเทศ G7 และธนาคารกลางของประเทศอื่น ๆ อาจกระทบต่อค่าเงินสหรัฐฯ หากพวกเขาเริ่มเทขายดอลลาร์อย่างหนักหน่วงพร้อม ๆ กัน
    อีกทางหนึ่งยังมีชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่น่าจะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส และที่สำคัญที่สุด สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ นั้นย่ำแย่เลวร้ายยิ่งกว่าในอเมริกา
    หากคุณดูกราฟในวันพฤหัสบดีที่แล้วและช่วงครึ่งวันแรกของวันศุกร์ คุณจะพอเห็นว่าตลาดเริ่มจะนิ่งสงบมากขึ้น คู่ EUR/USD ได้ขยับถึงระดับต่ำสุดและถึงเวลาที่จะเปิดตำแหน่งซื้อ แต่ท้ายสัปดาห์แรงขายเทกระหน่ำอีกครั้ง ทำให้เงินยูโรเสียตำแหน่งที่ฟื้นคืนมาทั้งหมดจนไปอยู่ระดับต่ำสุดของสัปดาห์ เหตุการณ์นี้ทำให้เราคิดว่าเงินดอลลาร์ยังไม่ถึงจุดสูงสุดแต่อย่างใด และแนวโน้มขาลงของคู่นี้อาจดำเนินต่อไป
    ในที่นี่ ปัจจัยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับกาารต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ณ ขณะนี้ เทรนด์ดัชนี 100% และออสซิลเลเตอร์ 85% ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณเป็นสีแดง ส่วนออสซิลเลเตอร์อีก 15% อยู่ในโซน oversold
    สำหรับคำทำนายของนักวิเคราะห์นั้นยังไม่สามารถสรุปความเห็นในทิศทางใดโดยเฉพาะได้ในสัปดาห์หน้านี้ และเมื่อปรับเป็นกรอบเวลาที่นานขึ้น ฝั่งสนับสนุนตลาดกระทิงดูจะเป็นต่อมากกว่า โดยผู้เชี่ยวชาญ 60% คาดการณ์ว่าราคาจะขยับสูงขึ้นในช่วงเดือน และ 75% ในช่วงไตรมาส มีเป้าหมายคือการกลับไปสู่โซน 1.1000-1.1240 แนวต้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ในโซน 1.0800
    ระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุดแน่นอนว่าอยู่ที่บริเวณ 1.0600 และแนวรับถัดไปลงมาอีก 100 จุด เป้าหมายหลักของฝั่งตลาดหมีคือจุดต่ำสุดของปี 2016-2017 ที่ระดับ 1.0350 หลังจากนั้นจะเป็นการเปิดทางสู่ระดับคู่ขนานระหว่างเงินดอลลาร์และยูโรที่ 1.0000
  • GBP/USD ตรงกันข้ามกับเงินยูโร ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม เงินปอนด์อังกฤษเริ่มเสถียรมากขึ้นในช่องด้านข้างที่ 1.1450-1.1800 และขยับตามจุด Pivot Point ที่ 1.1625 ซึ่งช่องระยะห่างที่ 350 อาจดูกว้างเกินไปสำหรับบางคน แต่ ณ ขณะนี้ ที่ความผันผวน 500-600 จุดต่อวัน ก็ดูไม่มากเท่าไร
    นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (65%) หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้านี้ และเงินปอนด์จะยังคงเคลื่อนที่ในกรอบที่ระบุข้างต้น ในขณะเดียวกัน 70% - 80% ของนักวิเคราห์คาดการณ์ว่าเงินปอนด์จะสามารถกลับมายังโซน 1.2725-1.3025 ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม โซนแนวรับได้แก่ 1.1800, 1.1875, 1.2125, 1.2325 และ 1.2625 แนวรับนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ 1.1425, 1.1300 และ 1.1200 แต่ระดับเหล่านี้นั้นค่อนข้างมีเงื่อนไขสำคัญ เพราะเป็นระดับที่เงินปอนด์ไม่เคยตัดทะลุต่ำกว่ามาเป็นเวลาถึง 230 ปี
  • USD/JPY การเคลื่อนที่ของคู่นี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเงินดอลลาร์ คู่นี้จะขยับไปตามเงินดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญที่สามารถส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ในระหว่างนี้ ราคาคู่นี้ได้ฟื้นขึ้นมาจากระดับที่สูญเสียไปตั้งแต่วันที่  24 กุมภาพันธ์จนถึง 9 มีนาคม และ ณ ขณะนี้ถือว่าคะแนนเท่ากัน โดยราคาวิ่งลง 1000 จุดอยู่สองสัปดาห์ จากนั้นก็กลับขึ้นมาอีก 1000 จุดในอีกสองสัปดาห์ถัดมา ในตอนนี้โบรกเกอร์ 55% กำลังรอคอยการกลับตัวของเทรนด์ในสัปดาห์ที่จะถึงและคาดว่าราคาจะลดตัวลงมาอยู่ในโซน 108.50-110.00 เป็นอย่างน้อย และเมื่อปรับเป็นกรอบเวลารายเดือน จำนวนผู้สนับสนุนตลาดหมีเพิ่มขึ้นเป็น 65% โซนเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 107.00-107.70
    ฝั่งผู้สนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์มีเป้าหมายในทางตรงกันข้าม โดยคาดว่าอันดับแรกราคาจะขยับไปที่ระดับ 112.25 เยนต่อดอลลาร์ จากนั้นขึ้นไปอีก 100 จุด โดยตั้งเป้าไว้ที่ระดับสูงสุดของปี 2018 ที่ 114.55
  • คริปโตเคอเรนซี ดัชนี Bitcoin Crypto Fear & Greed อยู่ที่ระดับเกือบที่เดิมของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 9 คะแนนจากทั้งหมด 100 ในทางหนึ่งนี่ถือว่าเป็นระดับเลวร้าย และชี้ว่านักลงทุนกำลังอยู่ในสภาะหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ในอีกทางหนึ่งนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากดัชนียังไม่ได้ลดตัวลงเป็นศูนย์ แต่กลับแช่แข็งอยู่ในที่เดียว บางที “ราชสีห์” อาจกำลังเตรียมิ่งกระโดดและเราอาจจะได้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจของเงินคริปโตก็เป็นไปได้หรือไม่? สิ่งนี้เป็นไปได้ เนื่องจากในทางหนึ่ง นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารเฟดส่งผลให้มีสภาพคล่องของเงินดอลลาร์ไหลเวียนเข้าสู่ตลาดเป็นอย่างมาก และอีกทางหนึ่ง ระดับอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์ที่ใกล้ระดับศูนย์ และผู้เล่นที่รับแจ็คพ็อตจากการเติบโตของดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจนำเงินแปลงเป็นสินทรัพย์คริปโต
    ผู้เชี่ยวชาญ 45% ที่คาดการณ์ว่าจะได้เห็นคู่ BTC/USD ในโซน $7,500 เห็นด้วยกับสถานการณ์ข้างต้นนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนเดียวกันคาดว่าราคาจะตกลงมายังระดับ $5,000-5,500 ในส่วน 10% ที่เหลือไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เกี่ยวกับบทวิเคราะห์ และอ้างว่าสถานการณ์นั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้เนื่องด้วยวิกฤติไวรัสโคโรนา Covid-19

 

กลุ่มการวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา