บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 6 - 10 เมษายน 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD  อัตราการว่างงานเยอรมนีคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 5% ในเดือนมีนาคม แต่สถิติตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดูน่ากังวล: ยอดการใช้สิทธิ์สวัสดิการว่างงาน 6.648 ล้าน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านภายในสองสัปดาห์ ซึ่งคิดเป็น 6% ของสัดส่วนแรงงานทั้งหมด จำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตรลดลง: -705K ในเดือนมีนาคม จากเดิม +275K ของเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน มีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานจะดุ่งสูงขึ้นกว่าช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และในขณะเดียวกัน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์โดยขึ้นกว่า 350 จุดเทียบกับยูโร สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดพร้อมสำหรับภาวะทรุดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้วและพิจารณาปัจจัยนี้ไว้ก่อนล่วงหน้า ดอลลาร์ถูกหนุนโดยคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐมนตรีพลังงานของซาอุฯ เกี่ยวกับโอกาสการกลับมาสู่โต๊ะเจรจาในกรอบ OPEC+ และการสิ้นสุดลงของสงครามน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความชัดเจนไม่มากในความคืบหน้าการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา COVID-19
    ในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากราคาขยับลงใต้มาตลอดห้าวันทำการ คู่ EUR/USD ได้ขยับถึงแนวรับ/แนวต้านสำคัญที่ประมาณ 1.0800 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาปิดตลาด
  • GBP/USD คำทำนายที่แม่นยำที่สุดสำหรับคู่นี้เป็นของการวิเคราะห์กราฟ ซึ่งคาดการณ์การเคลื่อนที่ด้านข้างของคู่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ราคาคู่นี้คงตัวอยู่ในช่วง 1.2245-1.2485 ตลอดทั้งสัปดาห์ และช่วงความผันผวนไม่เกิน 240 จุด ซึ่งในช่วงภาวะไม่ปกติตอนนี้ถือว่าเป็นภาวะนิ่งตัว นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าเหตุผลเบื้องหลังคือ นักลงทุนมีความสนใจเพิ่มมากขึ้นในเงินปอนด์ที่ราคาถูกลงมากในตอนสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม อันเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน
  • USD/JPY เราสามารถเห็นรูปทรงคล้าย ๆ กันกับของ GBP/USD บนกราฟคู่นี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งราคาอยู่ในช่วง 180 จุดในกรอบด้านข้างมาตลอดสัปดาห์ (106.90-108.70) และแม้ว่าดัชนีดอลลาร์ของสัปดาห์ขยับขึ้นไป 2.5% หนึ่งในข้อสันนิษฐานอธิบายพฤติกรรมของทั้งสองคู่นี้ว่า ทั้งบรรดานักลงทุนและนักเก็งกำไรกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับสกุลเงิน “ยักษ์ใหญ่” อย่างดอลลาร์และยูโร พวกเขาจึงเลื่อนเกมของเงินปอนด์และเยนออกไปในอนาคต จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกและมาตรการถัดไปของบรรดาธนาคารกลางต่าง ๆ
  • คริปโตเคอเรนซี เดิมเมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในตลาดเงินคริปโต เราใช้ช่วงเวลาเจ็ดวันตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้วถึงวันศุกร์นี้ ความผันผวนในคู่ BTC/USD ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 23%: ราคาได้ขยับลดลงมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม มาที่ระดับ $5,870 ก่อนที่จะวกกลับและขยับขึ้นไปที่ระดับสูงสุด $7,260 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน ตามมาด้วยการตีกลับลงมาของราคาต่ำกว่าระดับ $7,000 อีกครั้ง หากคุณดูกราฟ คุณจะเห็นได้ชัดว่า ตลาดกระทิงพยายามจะตัดทะลุแนวต้านและยืนเหนือระดับ $7,000 มาเป็นเวลาถึงสามสัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ อันเนื่องมาจากวิกฤติไวรัสโคโรนา นักลงทุนมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นและเลือกที่จะไม่เสี่ยงกับการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดเงินคริปโต ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่าน มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตไม่เปลี่ยนแปลงและคงที่ระดับ $256 พันล้านเหรียญ ดัชนี The Crypto Fear & Greed Index ไม่ออกจากโซนสีแดง: ที่ระดับ 9 เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว และขยับมาที่ 12 ในเจ็ดวันต่อมา และตอนนี้อยู่ที่ระดับ 14 จาก 100 ซึ่งแสดงถึงภาวะความกลัวอย่างรุนแรงในตลาด
    สำหรับเหรียญติดอันดับอย่าง Ripple (XRP/USD), Litecoin (LTC/USD) และ Ethereum (ETH/USD) ล้วนเดินตามรอยบิทคอยน์ โดยก่อตัวเป็นรูปทรง "ascending triangle" ซึ่งพยายามขยับขึ้นและยืนเหนือโซนแนวต้านของตน: Ripple – เหนือ $0.18, Litecoin – $41, and Ethereum – $145

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้

  • EUR/USD ธนาคารกลางฯ ทั้งเฟดและของยูโรโซนกำลังพยายามดับไฟโดยการเพิ่มกระแสเงินถูก ๆ ในตลาด แต่ไฟแห่งวิกฤติไวรัสโคโรนายังคงปะทุอย่างดุเดือดและไม่อาจจะควบคุมได้อย่างรวดเร็ว สถิติเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคมทำให้ทุกคนต่างพูดไม่ออก แต่ไม่เพียงแค่นั้น สถิติของเดือนเมษายนซึ่งเราจะได้เห็นกันในอีกหนึ่งเดือนอาจจะดูรุนแรงมากกว่านี้ นอกจากนี้ งบดุลของธนาคารเฟดกำลังเพิ่มขึ้นวันต่อวัน และนโยบายในการผ่อนคลายเชิงปริมาณยิ่งลดความน่าดึงดูดของเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ข้อโต้แย้งเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์จาก Nordea Market เชื่อว่า EUR/USD น่าจะกลับตัวมาที่ 1.1500 แทนที่จะตกลงไปที่ 1.0000
    ในอีกทางหนึ่งแม้แต่ในยูโรโซนจะมีภาวะเกินดุลงบประมาณในตอนนี้ ทุกอย่างก็ดูจะไม่ราบรื่นเสมอไป เยอรมนีและประเทศทางตอนเหนือของยุโรปที่เป็นสมาชิกอียูได้ปฏิเสธข้อเสนอของอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และประเทศยูโรโซนอื่น ๆ อีกหกประเทศในการขอให้ออกพันธบัตรร่วม ชื่อว่า โคโรนาบอนด์ และพวกเขาจะหาข้อสรุปร่วมกันได้หรือไม่นั้นจะทราบอย่างชัดเจนโดยทั่วกันในอนาคตอันใกล้ในวันอังคารที่ 7 เมษายน ในที่ประชุมกลุ่มยูโร ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีการคลังของอียู และในวันพุธที่ 8 เมษายนจะมีการประชุมของธนาคารกลางยุโรปว่าด้วยนโยบายทางการเงิน นอกจากนี้ ผลลัพธ์การประชุมโอเปกในวันจันทร์ที่ 6 เมษายน และผลการประชุมของวันที่ 8 เมษายน อาจส่งผลให้เกิดการก่อตัวของเทรนด์
    ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ 65% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ H4 ออสซิลเลเตอร์ 75% และดัชนีเทรนด์ 90% คาดการณ์แนวโน้มขาลงจะมีผลต่อไป และคาดว่าราคาจะขยับลงมาที่ระดับต่ำสุดของช่วงวันที่ 20-23 มีนาคมที่โซน 1.0650 แนวรับถัดไปที่ 1.0500 โดยมีเป้าหมายคือกรอบด้านล่างที่ 1.0340 ของวันที่ 1 มกราคม 2017
    ทั้งนี้ควรคำนึงว่าเมื่อปรับจากการวิเคราะห์รายสัปดาห์มาเป็นระยะกลาง สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และในที่นี้นักวิเคราะห์ 65% คาดการณ์ว่าราคาจะวกกลับในช่วงปลายเดือนเมษายน และในเดือนพฤษภาคม ในตอนแรกราคาจะกลับมาสู่ระดับ 1.1100 จากนั้นที่ 1.1240 และในที่สุดจะขึ้นไปที่ 1.1500 ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญ 45% ไม่ได้ปฏิเสธว่า สถานการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

  • GBP/USD หลังจากการตัดสินใจที่ยากลำบากในการออกจากอียู ทางการสหราชอาณาจักรกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างเสถียรภาพในสถานการณ์ทงเศรษฐกิจ 20% ของนักวิเคราะห์เห็นด้วยกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 โดยคาดการณ์แนวโน้มด้านข้างว่าน่าจะมีผลต่อไปในช่วง 1.2245-1.2485 ในส่วนผู้เชี่ยวชาญ 50% คาดการณ์ว่ากรอบดังกล่าวจะถูกตัดทะลุ และราคาจะลดตัวลงมาที่โซน 1.1640-1.1940 ในทางกลับกัน อีก 30% ที่เหลือเข้าข้างกับฝั่งตลาดกระทิง โดยระบุแนวต้านที่ 1.2475, 1.2625 และ 1.2840 สำหรับอินดิเคเตอร์ แม้ว่าดัชนีเทรนด์ส่วนใหญ่จะให้สัญญาณสีแดง แต่ยังมีสัญญาณโต้แย้งในกลุ่มออสซิลเลเตอร์ที่ 25% บนกรอบ D1 ที่ให้สัญญาณว่าราคานั้นอยู่ในโซน overbought และจำนวนเดียวกันในกรอบ H4 ชี้ว่าอยู่ในโซน oversold
  • USD/JPY 60% ของนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะตัดทะลุระดับแนวต้านที่ 108.70 และดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นไปที่ระดับ 111.65 แนวโน้มขาขึ้นของคู่นี้ยังเป็นที่ตั้งคำถาม เนื่องจากมีความพยายามเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในช่วงวันที่ 20 - 25 มีนาคมที่ผ่านมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
    ฝั่งผู้เชี่ยวชาญที่สนับสนุนตลาดหมีคิดเป็นกลุ่มน้อยที่ 40% โดยมีเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดคือการกลับมาสู่กรอบด้านล่างที่ช่วง 106.90-108.70 หากตัดผ่านกรอบดังก่ลาว ราคาจะดิ่งลงมาในตอนแรกที่แนวรับ 105.00 จากนั้นที่ 103.15 และจากนั้นจะลงไปที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 9 มีนาคมที่ระดับ 101.15 ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำนายว่าราคาจะสามารถไปถึงจุดหมายดังกล่าวได้หรือไม่ แต่หากพิจารณาราคาที่ผันผวนกว่า 700 จุดต่อสัปดาห์ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    สำหรับอินดิเคเตอร์ มีความเห็นไม่พ้องกันเช่นเดียวกับของคู่ GBP/USD บนกรอบ H4 ดัชนีเทรนด์ 70% และออสซิลเลเตอร์ 75% ให้สัญญาณสีเขียว ในส่วนที่เหลือเป็นสีแดง โดยในกรอบ D1 ให้ภาพในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ส่วนภาพที่ดูประนีประนอมมากกว่าเป็นของการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ H4: ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเติบโตในตอนแรกที่โซน 111.00 จากนั้นจะวิ่งลงมายังแนวรับแรกที่ 108.00 และลงต่ำมาอีก 100 จุด
  • คริปโตเคอเรนซี นายเกา หวัง นักวิเคราะห์จาก Messari เชื่อว่าบิทคอยน์จะเข้าคุมตลาดเงินคริปโตภายในช่วงท้ายวิกฤตินี้ได้เกินกว่า 90% แทนที่สัดส่วนปัจจุบันที่ 66% นักลงทุนรายใหญ่ย่อมเลือกที่จะทำงานกับเหรียญที่มีความน่าเชื่อถือและพิสูจน์แล้วมากกว่าในช่วงภาวะขาดทุนสะสมในตลาด ในขณะเดียวกัน จากความเห็นของแพล็ตฟอร์มนักวิเคราะห์ Skew จากผลสำรวจการเทรดออปชัน คู่ BTC/USD จะไม่สามารถทำสถิติ $20,000 ได้สำเร็จในปีนี้ โอกาสของสถานการณ์นี้เหลือเพียง 4% เท่านั้น ซึ่งมีนักเก็งกำไรออปชันจำนวนน้อยมาก ๆ ที่เดิมพันว่าราคาจะขยับขึ้นได้เกินระดับ $10,000
    อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงฝากความหวังไว้กับข่าวที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศชั้นนำต่าง ๆ ในช่วงวิกฤตินี้ “ในเร็ว ๆ นี้จำนวนเงินจำนวนมากมายมหาศาลจะหลั่งใหลเข้ามาในระบบการเงิน” กล่าวโดย ชางเปง เฉา ซีอีโอตลาด Binance ในข้อความทวีตของเขา แซมสัน โมว์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ที่ Blockstream เห็นด้วยกับความเห็นนี้ โดยเขามองว่า การตัดสินใจของธนาคารเฟดในการพิมพ์เงิน $6.2 ล้านล้านถือเป็นการโฆษณาที่ยอดเยี่ยมสำหรับบิทคอยน์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคานกับสถาบันการเงิน จึงสมเหตุสมผลที่ในช่วงภาวะเงินเฟ้อและสกุลเงินอ่อนค่าลง นักลงทุนจะหันเข้าหาตลาดเงินดิจิตอลและราคา BTC จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
    สถิติจากบริการวิเคราะห์ Glassnode ดูน่าสดใสเช่นกัน ซึ่งระบุว่าจำนวนกระเป๋าวอลเล็ตที่บรรจุเหรียญ BTC อย่างน้อยหนึ่งเหรียญมีจำนวนสูงสุดถึง 800,000 ในส่วนตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตอย่าง Kraken, OKEx, Bitfinex, Paxful และ Luno ได้รายงานจำนวนผู้ใช้งานใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติไวรัสโคโรนาเช่นกัน ตามสถิติของ Kraken จำนวนผู้ลงทะเบียนบนแพล็ตฟอร์มเพิ่มขึ้น 83%
    สำหรับผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายในที่นี้เราจะอ้างถึงนักวิเคราะห์และนักเทรดชื่อดังอย่างนายปีเตอร์ แบรนดท์ ที่เชื่อว่าบิทคอยน์จะประสบกับ “ปัญหาใหญ่หลวง” หากไม่สามารถแสดงการเติบโตอย่างมั่นคงในช่วงภาวะขาลงในตลาดการเงินทั่วไป
    และกล่าวโดยสรุป อีกหนึ่งคำทำนายระยะยาวซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยซื้อบิทคอยน์ที่ราคา $20,000 และหลังจากนั้นก็ได้แต่เฝ้าดูราคาอย่างโศกเศร้า ผู้เชี่ยวชาญ Kraken คาดการณ์ว่าราคาบิทคอยน์สามารถขยับถึง $350,000 ภายในปี 2044 ซึ่งจะหนุนโดยมรดก $68 ล้านล้านเหรียญจากคนรุ่น “เบบี้บูมเมอร์” ที่จะตกมาสู่คนยุค “ดิจิตอล” ดังนั้นจึงไม่ใช่การขาดทุนทั้งหมดนะท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย!

 

กลุ่มการวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา