อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีตัดสินเกี่ยวกับมาตรการของธนาคารกลางยุโรปในการฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลตัดสินว่าธนาคารกลางฯ กระทำเกินขอบเขตอำนาจเกี่ยวกับนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และดังนั้นการตัดสินใจของธนาคารฯ จึงไม่มีผลผูกพันต่อเยอรมนี ข่าวนี้ส่งผลกระทบให้คู่ EUR/USD อ่อนแอลงโดยทันที หากคุณพิจารณาปัจจัยการขาดความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลประเทศอียูเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ความเสี่ยงที่ยูโรโซนจะแตกหักนั้นเพิ่มขึ้นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งอเมริกาสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนั้น สถิติล่าสุดชี้ว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ ชาวอเมริกัน 33.5 ล้านคนยื่นขอใช้สวัสดิการว่างงานเบื้องต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม การจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนเมษายนอย่างเดียวลดลง 22.5 ล้านตำแหน่ง และอัตราว่างงานสูงถึง 14.7% (4.4% ในเดือนมีนาคม) ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังไม่ตัดโอกาสว่าธนาคารเฟดอาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบ
แต่ดูเหมือนว่าตลาดกำลังเหนื่อยล้าและลังเลที่จะตอบสนองต่อบุคคลหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ และให้ความสนใจเฉพาะการกลับมาดำเนินกิจการตามปกติในภาคธุรกิจ และการยกเลิกมาตรการกักกันโรคในประเทศต่าง ๆ แน่นอนว่าคู่ EUR/USD ผันผวนขึ้นและลง แต่ความผันผวนที่พวกเราเห็นกันในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมไม่ปรากฏขึ้นอีก คู่นี้ขยับในช่อง 1.0750-1.1000 เป็นเวลาห้าสัปดาห์ติดต่อกันนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) ทำนายว่าแม้จะมีการคาดการณ์สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ไม่น่าจะผลักราคาให้หลุดกรอบดังกล่าวนี้ไปได้ - GBP/USD การคาดการณ์ของทั้งผู้เชี่ยวชาญและอินดิเคเตอร์สำหรับคู่นี้อยู่ในช่วงกลางสีเทาในสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในสามโหวตแนวโน้มขาขึ้น หนึ่งในสามโหวตขาลง และอีกหนึ่งในสามโหวตเทรนด์ด้านข้าง ผลการประชุมของธนาคารแห่งชาติอังกฤษเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมก็ไม่ช่วยไขความกระจ่างเพิ่มเติม เพราะธนาคารฯ ตัดสินใจคงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับเดิมที่ 0.1% และมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ $645 พันล้านปอนด์ มีสองเสียงจากบอร์ดบริหารธนาคารฯ ให้เพิ่มการพิมพ์ธนบัตรอีก £100 พันล้านปอนด์ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากกรรมการอีกเจ็ดท่านที่เหลือ
ในสถานการณ์ที่ดูคลุมเครือเช่นนี้ เงินปอนด์จึงเคลื่อนที่ในกรอบ 1.2200-1.2645 เป็นเวลาหกสัปดาห์ติดต่อกัน และช่วงความผันผวนแคบลงมาที่ระดับ 1.2265-1.2500 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งราคาปิดตลาดที่บริเวณ 1.2405 - USD/JPY 75% ของออสซิลเลเตอร์และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% บนกรอบ D1 ได้ทำนายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเทรนด์ขาลง ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม จะมีผลต่อไป และราคาจะปักหลักอยู่ต่ำกว่าระดับสำคัญที่ 107.00 โดยรวมแล้วถือว่าราคาเคลื่อนที่ตามคำคาดการณ์นี้ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ราคาพยายามตัดทะลุแนวรับที่ 107.00 อีกครั้งก่อนที่จะปิดตลาดต่ำกว่าระดับดังกล่าวเล็กน้อยที่ 106.85 จากนั้นตามมาด้วยเทรนด์ขาลง และเมื่อวันพุธที่ 6 พฤษภาคม ราคาขยับลงไปกรอบด้านล่างที่ 106.00 ตามมาด้วยการกลับตัวของเทรนด์ และราคากลับสู่ค่าเริ่มต้นของสัปดาห์ ปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 106.70
- คริปโตเคอเรนซี การฮาล์ฟเหรียญในเน็ตเวิร์คบิทคอยน์เข้าใกล้ขึ้นมาทุกที ณ ขณะที่กำลังเขียนบทเคราะห์นี้เหลือเวลาอีกสี่วันเท่านั้น และ ณ ขณะที่คุณกำลังอ่านบทวิเคราะห์นี้ การฮาล์ฟเหรียญอาจเกิดขึ้นแล้ว
คำถามที่นักเทรดและนักลงทุนถามเราชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความหมายของเหตุการณ์นี้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องอธิบายให้กระจ่าง
บิทคอยน์ถูกกำหนดให้ขุดเหรียญได้จำนวน 21 ล้านเหรียญ จึงแตกต่างจากธนาคารกลางทั่วไปที่สามารถพิมพ์ธนบัตรสกุลเงินของตนเองได้อย่างไม่จำกัด ปริมาณ BTC มีการจำกัดอย่างเคร่งคัด ซึ่งเป็นตัวกำหนดมูลค่า และทำให้เงินคริปโตสกุลนี้คล้ายกันกับทองคำ
การฮาล์ฟเหรียญคือกระบวนการลดผลตอบแทนสำหรับการขุดบล็อกเหรียญลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งบิทคอยน์มีการฮาล์ฟเหรียญเกิดขึ้นแล้วสองครั้งในปี 2012 และ 2016 และหากในช่วงแรกนักขุดรุ่นแรกเคยได้รับ 50 BTC ต่อบล็อกที่ขุดเหรียญคริปโต ตัวเลขนี้จะลดลงเหลือเพียง 6.25 BTC เท่านั้นในเร็ว ๆ นี้ เหตุการณ์นี้จะช่วยป้องกันภาวะเงินเฟ้อในบิทคอยน์และมั่นใจว่าบิทคอยน์ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญจะถูกขุดขึ้นมาโดยสมบูรณ์ภายในปี 2140
สิ่งสำคัญคือการฮาล์ฟเหรียญไม่มีกำหนดวันตายตัว แต่ ณ ขณะนี้ เมื่อมีการขุดบล็อกถัดไป 210,000 บล็อก การฮาล์ฟเหรียญที่จะมีขึ้นจะขุดที่ 630,000 บล็อก และจากการคำนวณชี้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม
ก่อนถึงวันดังกล่าว ราคาบิทคอยน์เติบโตต่อขึ้นแต่ละสัปดาห์เกือบ 14% ซึ่งบางจุดราคาขึ้นไปยืนเหนือระดับสำคัญที่ $10,000 มูลค่ารวมในตลาดคริปโตขยับถึง $270 พันล้านเหรียญ ซึ่ง 70% ของส่วนแบ่งในตลาดเป็นของบิทคอยน์ ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ขยับขึ้นจาก 20 เป็น 55 ภายในสองสัปดาห์ ซึ่งจากความเห็นของผู้สร้างดัชนีมองว่าในตลาดมีความโลภครอบงำอยู่มากทำให้เกิดตำแหน่งขายเป็นสิ่งอันตราย
ต่างจากคริปโตเคอเรนซีตัวหลัก อัลท์คอยน์สกุลอื่น ๆ ไม่มีการเติบโตใด ๆ หรือบางตัวก็ติดลบ Ethereum (ETH/USD), Ripple (XRP/USD และ Litecoin (LTC/USD) อยู่ที่ระดับเดิมกับเจ็ดวันก่อนเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งหมายความนักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับบิทคอยน์จนไม่สนใจเหรียญอื่น ๆ ที่เหลือ
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้
- EUR/USD รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังลับคมเขี้ยวของตนเอง โดยจับตาไปที่จีนเป็นหลัก โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้จับตาดูคำสัญญาของปักกิ่งที่จะเพิ่มการส่งออกสินค้าอเมริกัน ในขณะเดียว มีสัญญาณที่ได้ยินบ่อยๆ จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า จีนเป็นบ่อเกิดสำคัญของปัญหาทั้งปวงที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งช่วยให้เราคาดการณ์ว่าการขึ้นภาษีกีดกันสินค้าจีนรอบใหม่คงอยู่อีกไม่ไกลนัก
อีกด้านหนึ่ง ยุโรปพยายามที่จะทำความเข้าใจคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจยุโรป ธนาคารชั้นนำอย่าง Societe Generale และ Citi กำลังพูดถึงการแยกตัวออกจากยูโรโซนหากธนาคารกลางยุโรปเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี ดังนั้นจึงเป็นการท้าทายรัฐบาลเยอรมัน จากการทำนายชี้ว่าแม้ในช่วงเวลาที่ไม่มีเหตุการณ์สำคัญพิเศษใด ๆ GDP ในยูโรโซนของปี 2020 อาจลดลงถึง 7.7%
ทั้งหมดนี้เป็นชนวนที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้าน นักลงทุนจึงเริ่มหันมาหาดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์หลบภัย หากธนาคารกลางยุโรปจำเป็นที่จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปต่อ บทวิเคราะห์จาก BofA Merill Lynch ชี้ว่าคู่ EUR/USD อาจขยับลดลงมาที่ 1.0200 ภายในสิ้นปี
สำหรับสัปดาห์หน้านี้ เสียงของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้: 35% เชื่อว่าราคาจะคงตัวในช่วง 1.0750-1.1000 อีก 50% คาดการณ์ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าและตัดผ่านกรอบด้านล่างของช่องดังกล่าว และอีก 15% มองว่าราคาจะกลับสู่ทิศเหนือ
อินดิเคเตอร์ให้ภาพที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ในกรอบ H4 60% ของอินดิเคเตอร์เทรนด์และออสซิลเลเตอร์ 70% เป็นสีเขียว และในกรอบ D1 มีสีปดงปกคลุมมากกว่า โดยออสซิลเลเตอร์ 60% และ 90% อินดิเคเตอร์เทรนด์ให้สีแดง ระดับแนวรับ ได้แก่ 1.0750 และ 1.0650 ส่วนระดับแนวต้านได้แก่ 1.1000, 1.1065, 1.1100 และ 1.1150;
- GBP/USD เงินปอนด์ยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเบร็กซิตถูกทวีคูณด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ธนาคารแห่งชาติอังกฤษประเมินว่า GDP สหราชอาณาจักรในไตรมาสที่สองของปี 2020 “จะต่ำกว่าเกือบ 30%” เทียบกับช่วงปลายปี 2019 อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางฯ ยังไม่เพิ่มปริมาณโครงการอุดหนุนเศรษฐกิจอังกฤษ แต่การซื้อพันธบัตรที่อัตรา ณ ปัจจุบัน จะส่งผลให้ถึงระดับที่จำกัดภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? ก็ยังไม่ชัดเจนนัก
40% ของนักวิเคราะห์สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ D1 และอินดิเคเตอร์บนกรอบเวลาทั้งสอง (H4 และ D1) คาดการณ์ว่าราคาจะขยับต่อไปในเทรนด์ด้านข้างในกรอบ 1.2265-1.2500 อีก 40% ของผู้เชี่ยวชาญกำลังรอให้ราคาตัดทะลุกรอบด้านล่างของช่องและคาดว่าราคาจะปรับตัวลดลงมาที่โซน 1.1000-1.2165 และผู้เชี่ยวชาญเพียง 20% เชื่อว่าราคาจะขยับขึ้นและไต่ถึงระดับ 1.2640 เป้าหมายถัดไปของฝั่งกระทิงคือ 1.2725 หลังจากนั้นราคาจะพยายามขยับถึงระดับ 1.2865-1.3025 - USD/JPY การเคลื่อนที่เป็นรูปตัว V ของคู่นี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้เสียงผู้เชี่ยวชาญแบ่งเป็นหลายกลุ่ม 50% สนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์ในกรอบ D1 ทำนายแนวโน้มตลาดหมี และอีก 50% สนับสนุนโดยอินดิเคเตอรืในกรอบ H4 โหวตให้กับฝั่งกระทิง ในขณะเดียวกันกลุ่มหลังเชื่อว่าการกลับตัวเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมไม่มีอะไรมากไปกว่าการเริ่มต้นของเทรนด์ระยะกลางรอบใหม่ และหากระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่ขยับสูงขึ้น ราคาจะสามารถขยับถึงระดับ 109.00 และจากนั้นไปที่ 112.00
ระดับแนวรับที่ใกล้ที่สุดคือ 106.20, 106.00 และ 105.00 ระดับแนวต้านอยู่ที่ 107.00, 107.45 และ 108.00 - คริปโตเคอเรนซี การทำนายใด ๆ ในช่วงก่อนถึงเหตุการณ์สำคัญเช่นการฮาล์ฟเหรียญนี้มีความหลากหลาย เราเคยพูดถึงคำทำนายของเหล่าบรรดากูรูเงินคริปโตที่กำลังรอคอยให้บิทคอยน์ขยับถึง $50,000 หรือ $100,000 และสูงถึง $250,000 แน่นอนว่าย่อมมีผู้ที่มีความเห็นในทางตรงกันข้าม เช่น Joseph Young นักวิเคราะห์การเงินและคริปโตเคอเรนซีคาดการณ์ว่าราคาจะตีกลับเล็กน้อยหลังการฮาล์ฟเหรียญ หลังจากนั้นจะมีช่วงระยะการเติบโตในระยะกลางและระยะยาว ตามมาด้วยราคาขาลงหรือช่วงคงที่
Ton Vays อีกหนึ่งนักวิเคราะห์ชื่อดังเชื่อว่าคู่ BTC/USD ไม่น่าจะขยับขึ้นสูงมาก “เรามีโอกาสที่จะเห็นราคาติดอยู่ในกรอบระหว่าง $6,000 และ $10,000 และจะเป็นเช่นนี้จนถึงสิ้นปี” เขากล่าว
สำหรับคำทำนายถึงช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมมีความห่างของราคาสูง จากราคาต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 ที่บริเวณ $4,000 ถึงสูงสุดของเดือนมิถุนายนที่ 2019 ที่ระดับ $14,000 ณ ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 65% เข้าข้างฝั่งกระทิง และ 35% อยู่ฝั่งตลาดหมี เราจะมาดูกันว่าฝั่งไหนคือฝั่งที่ถูกต้องในอนาคตอันใกล้นี้
กลุ่มการวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ