บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 29 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2020

อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:

  • EUR/USD COVID-19 ยังคงโจมตีสหรัฐฯ ระลอกที่สอง ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในเจ็ดรัฐเป็นอย่างน้อย และในรัฐที่มีประชากรมากที่สุดสามอันดับแรกมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำสถิติอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดผู้เสียชีวิตมากสุดในรอบสองสัปดาห์ รัฐบาลในเมืองฮิวสตัน (เท็กซัส) ได้ประกาศว่า หน่วยการรักษาพยาบาลขั้นวิกฤติแทบจะเต็มทุกหน่วย ซึ่งชัดเจนว่าการแพร่ระบาดรอบใหม่นี้มีผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการกักกันโรคเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และแม้ว่าทำเนียบขาวและผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ จะไม่อยากกลับมาใช้มาตรการกักกันโรคอีกครั้งมากเท่าใด มีโอกาสเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจต้องบังคับใช้มาตรการอีกครั้ง
    จากสถานการณ์ดังกล่าว ความต้องการในความเสี่ยงเริ่มอ่อนลง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง ในขณะที่ตอนนี้ดอลลาร์เข้าสู่สถานะสกุลเงินปลอดภัยหลักจึงแข็งค่าขึ้น นักลงทุนเชื่อว่าความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร ผลส่วนใหญ่มาจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้สนับสนุนเศรษฐกิจประเทศตัวเอง และกำลังเริ่มเพิ่มแรงกดดันต่อประเทศอื่น ๆ มากขึ้นโดยการบังคับใช้มาตรการภาษีรอบใหม่ ไม่เฉพาะแค่เฉพาะกับประเทศจีน แต่รวมถึงอียู สหราชอาณาจักร และแคนาดาที่ถูกโจมตีโดยมาตรการภาษีแล้ว
    และหากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์กลับแข็งค่าฟื้นขึ้นมาจากจำนวนจุดที่เคยเสียไปตั้งแต่วันอังคารที่ 23 มิถุนายน การกลับขึ้นมาของดอลลาร์ส่งผลให้คู่ EUR/USD กลับสู่โซนระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญที่ 1.1240 ซึ่งราคาได้ผันผวนมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมปี 2019 และปิดตลาดรอบห้าวันที่ 1.1225
  • GBP/USD หากระยะห่างที่ราคา EUR/USD วิ่งไปในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์อยู่ที่ประมาณ 160 จุด เงินปอนด์กลับดิ่งลงมากกว่าที่ 230 จุด แม้แต่ดัชนี Markit ในส่วนกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 60% ก็ไม่ได้ช่วยหนุนเงินปอนด์ ซึ่งไม่น่าประหลาดใจอันเนื่องมาจากตลาดยังมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาเบร็กซิต อย่างไรก็ตาม เมื่อสรุปผลในรอบสัปดาห์ เราจำเป็นต้องพิจารณาการเติบโตขึ้นของราคาคู่นี้ตั้งแต่วันที่ 22 - 24 มิถุนายน โดยหนึ่งในเหตุผลหนุนหลังคือการจัดวงเงินชั่วคราวสำหรับธุรกรรมสวอป (Swap Lines) ของธนาคารกลางเฟด เพื่อรักษาสภาพคล่องเมื่อเดือนมีนาคม การเติบโตดังกล่าวส่งผลให้ผลลัพธ์สุดท้ายของสัปดาห์นี้แทบเป็นศูนย์: เริ่มต้นที่ 1.2350 และปิดที่ 1.2335 โดยฝั่งดอลลาร์เป็นต่อ 15 จุด
  • USD/JPY นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (60%) ซึ่งสนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์ส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะปรับลดลงมาที่ระดับ 106.00 และคำทำนายนี้ปรากฏว่าถูกต้อง 100%: ราคาขยับถึงราคาต่ำสุดที่ 106.05 เมื่อวันอังคารที่ 23 มิถุนายน หลังจากนั้นก็กลับตัวและขยับขึ้นไปที่ระดับ 107.45 ตามมาด้วยการปรับตัวของราคาและปิดตลาดที่ 107.20 ซึ่งฝั่งดอลลาร์ได้เปรียบเล็กน้อยที่ 35 จุด
  • คริปโตเคอเรนซี ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ClearSky บริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์คำนวณว่า กลุ่มแฮ็คเกอร์ชื่อ CryptoCore (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Leery Turtle) ได้ขโมยเงินมากกว่า $200 ล้านเหรียญในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยโจมตีตลาดคริปโตและเจาะรหัสเข้าวอลเล็ตเงินคริปโต ทั้งนี้เรื่องของความมั่นคงนั้นเป็นจุดอ่อนของตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีหลายแห่ง แต่ไม่ใช่ที่บริษัทโบรกเกอร์ NordFX หลังจากมีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 10 ผู้เชี่ยวชาญเก็บเกี่ยวประสบการณ์ขั้นสูงในการป้องกันการโจมตีของแฮ็คเกอร์ ประกอบกับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ช่วยให้เรามั่นใจในการคุ้มครองเงินทุนของลูกค้าระดับสูงสุด ที่ NordFX เราไม่เคยถูกโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวมาตั้งแต่ปี 2008 ไม่ว่าจะเป็นในบัญชีลูกค้าในสกุลเงิน USD และ BTC และ ETH นอกเหนือจากข่าวอาชญากรรม ธนาคาร Deutsche Bank ประกาศคำคาดการณ์ที่น่ากังวล ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารฯ ทำนายแนวโน้มอนาคตของคริปโตเคอเรนซีในภาพที่พังพินาศอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเขามองว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเปลวไฟของแสงอาทิตย์ ส่งผลให้บิทคอยน์หายไปอย่างสิ้นเชิง ต่างจากเงินพันธบัตร โดยเงินดิจิทัลไม่สามารถใช้เป็นสื่อกลางได้หากปราศจากอุปกรณ์เสริมและการใช้พลังงาน
    ในระหว่างนี้ ราคาบิทคอยน์ยังคงเคลื่อนที่ในช่วง $9,000-10,000 เป็นเวลาหกสัปดาห์ติดต่อกัน โดยมีความพยายามอีกครั้งที่จะตัดผ่านระดับแนวต้านเชิงสัญลักษณ์ที่ $10,000 แต่ก็ล้มเหลวเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน ก่อนที่ราคาจะเริ่มเข้าสู่มือของตลาดหมีซึ่งกดราคาต่ำลงไปที่กรอบด้านล่างของช่องราคา
    นักวิเคราะห์บางท่านมองว่า สาเหตุแนวโน้มขาลงนี้มาจากการหมดอายุก่อนกำหนดของออปชั่นบิทคอยน์มูลค่า $1 พันล้านเหรียญ ความกลัวในการแพร่ระบาดรอบที่สองของ COVID-19 กำลังส่งผลเป็นแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นต่อตลาดซึ่งยังตัดปัจจัยนี้ไปไม่ได้ นักลงทุนหลายคนมองว่า บิทคอยน์เคยเป็น ยังเป็นอยู่ และในอนาคตจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่พวกเขาจะสละทิ้งเป็นอันดับแรก ในขณะที่นักเทรดรอคอยสัญญาณที่ชัดเจนกว่าจากตลาดคลาสสิก ตลาดเงินคริปโตมีพลวัตและรอให้เหนี่ยวไกปืน แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากระสุนปืนนี้จะวิ่งไปในทิศทางใด
    แม้ว่ามูลค่ารวมในตลาดจะทะยานขึ้นถึง $276 พันล้านเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน มูลค่ารวมในตลาดกลับถือว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยในรอบเจ็ดวัน: $263 พันล้านเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน จาก $266 พันล้านเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า เช่นเดียวกันกับดัชนี Crypto Fear and Greed Index ซึ่งอยู่ที่ระดับ 40 (39 เมื่อเจ็ดวันก่อนหน้า)
    สำหรับอัลท์คอยน์สกุลหลัก โดยรวมแล้วความผันผวนของราคาเดินตามรอยบิทคอยน์ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของคู่ BTC/USD ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ประมาณ 13% Litecoin และ Ripple ปรับลงมากกว่า: LTC/USD - 18%, XRP/USD - 17% ในทางกลับกัน Ethereum (ETH/USD) กลับเสถียรมากกว่า โดยความผันผวนด้านข้างของราคาไม่เกิน 13% ของราคาสูงสุดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD ยิ่งการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ใกล้มากขึ้นเท่าใด กิจกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์และทีมของเขายิ่งคึกคักขึ้นมากเท่านั้น ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาบังคับใช้ภาษีกับสินค้าจากอียูและสหราชอาณาจักรคิดเป็นมูลค่ามากกว่า $3 พันล้านหเรียญ และบริษัทสัญชาติจีน 20 แห่งก็ถูกติดรายชื่อในบัญชีดำโดยเพนทากอน เนื่องด้วยข้อสงสัยในความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน ในอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งยุโรปดูเหมือนทุกอย่างจะดิ่งลงเหว เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรปทำนายว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อไป และความต้องการในผู้บริโภคจะลดลง อีฟส์ แมร์ช กรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรปมีความเห็นว่า “แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนจมอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอน” ด้วยเหตุนี้ ภาพการณ์ในระยะยาวอาจดูสดใสเกินไป ทั้งหมดนี้ประกอบกับความต้องการในความเสี่ยงที่ลดลงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกที่สองอาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อไป ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษในคำทำนายรายเดือนและระยะกลาง
    ดังนั้นสำหรับพฤติกรรมของคู่นี้ในสัปดาห์ที่จะถึง ความเห็นของนักวิเคราะห์แบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เกือบจะเท่ากัน: 30% โหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของราคา 40$ โหวตขาลง และ 30% โหวตให้กับเทรนด์ด้านข้าง ในขณะเดียวกัน ระดับแนวรับและแนวต้านหลักเป็นกรอบของช่องราคาที่เคลื่อนที่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่บริเวณ 1.1170 และ 1.1350
    เมื่อขยับมาที่คำทำนายสำหรับเดือนกรกฎาคม จำนวนผู้สนับสนุนเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเป็น 65% ในความเห็นของกลุ่มนี้มองว่า ในตอนแรกราคาจะตกลงไปที่ 1.1100 จากนั้นที่ 1.1000 และอาจจะดิ่งลงไปอีก 100 จุดต่ำกว่า และในที่นี้ เราควรควรคำนึงว่าบ่อยครั้งคำทำนายดังกล่าวจะเป็นจริงภายในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือน
    เป้าหมายของตลาดกระทิงคือที่ระดับ 1.1350 ตามมาด้วยระดับสูงสุดของวันที่ 9 มิถุนายนที่ 1.1425 และสุดท้ายที่ระดับ 1.1500
    ในบรรดาเหตุการณ์ที่ควรค่าให้ความสนใจในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ได้แก่ สถิติตลาดผู้บริโภคในเยอรมนีและอียู ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน และวันอังคารที่ 30 มิถุนายนตามลำดับ คำแถลงของ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังของสหรัฐฯ และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟด ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน แน่นอนว่าตลาดให้ความสนใจด้วยเช่นกัน สำหรับในครึ่งหลังของสัปดาห์ เราจะติดตามรอดูดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจและตลาดแรงงานในเยอรมนีและสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีสำคัญอย่าง NFP ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตรในสหรัฐฯ

  • GBP/USD ในสัปดาห์หน้า สำหรับเงินปอนด์มีความเสี่ยงของข่าวสำคัญ ๆ รอเราอยู่ ได้แก่ ข่าวการเจรจากับอียูเกี่ยวกับระยะเวลาเปลี่ยนผ่านในการเริ่มการเจรจาข้อตกลงเบร็กซิตอีกครั้ง คะแนนเสียงของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเกือบเท่า ๆ กันเช่นเดียวกับในกรณีคู่ EUR/USD โดย 35% โหวตให้กับขาขึ้น 35% ขาลง และอีก 30% โหวตให้กับเทรนด์ด้านข้า
    การวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ภาพที่ต่างออกไปเล็กน้อย ในที่นี้อินดิเคเตอร์เทรนด์เกือบ 100% ทั้งในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณสีแดง ฝั่งสีแดงปกคลุมในบรรดาออสซิลเลเตอร์ อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณ 15% บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในโซน oversold ซึ่งอาจทำให้เทรนด์กลับทิศทางสู่ขาขึ้น ในการวิเคราะห์กราฟก็บ่งชี้ว่าราคามีโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นไปที่ราคาสูงสุดของวันที่ 10 มิถุนายนที่ 1.2810 ด้วยเช่นกัน โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1.2245, 1.2160 และ 1.2070 ระดับแนวต้านที่ 1.2470, 1.2545 และ 1.2650
  • USD/JPY หากอินดิเคเตอร์เทรนด์ 75% บนกรอบ H4 ให้สัญญาณไปทางทิศเหนือ จำนวนเดียวกันในกรอบ D1 ให้สัญญาณไปทางทิศใต้ ส่วนสัญญาณสีเขียวก็ปกคลุมในหมู่ออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 เช่นกัน แต่ในกรอบ D1 ให้ภาพที่สับสนระหว่างสีเขียว แดง และเทากลาง
    นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ทำนายฝั่งตลาดหมี: 65% เชื่อว่าราคาจะปรับลงอย่างสมบูรณ์เนื่องด้วยความสนใจในสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนจะเริ่มถอนเงินทุนจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินเยน อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทดสอบระดับ 106.00 อีกครั้งหนึ่ง โดยมีแนวรับใกล้ที่สุดในโซน 106.75
    ส่วนผู้เชี่ยวชาญ 35% โหวตว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และราคาคู่นี้จะขยับขึ้นไปที่โซน 108.00 โดยมีแนวต้านตั้งอยู่ในโซน 107.45-107.60
  • คริปโตเคอเรนซี เทรนด์ขาลงในตลาดเงินคริปโตมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นอีกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า การเทขายสินทรัพย์กลุ่มเสี่ยงเป็นผลมาจากข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกที่สอง ซึ่งส่งผลลบต่อคริปโตเคอเรนซีด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังมีผู้มองโลกในแง่ดีตามเคย เช่น แดน ทาเปโร ผู้ร่วมก่อตั้ง Gold Bullion International ผู้เชื่อว่า มาตรการต้านทานวิกฤติมูลค่ากว่า $4.6 ล้านล้านเหรียญที่ธนาคารเฟดสหรัฐฯ ได้จัดสรรมาตลอดสามเดือนที่ผ่านมาในรูปแบบของเงินช่วยเหลืออาจนำมาใช้ซื้อบิทคอยน์
    ตั้งแต่การฮาล์ฟเหรียญ BTC เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะมีการคาดการณ์ต่าง ๆ นานา ราคาก็ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ $10,000 ได้สำเร็จ สิ่งนี้บ่งบอกว่า โทน เวยส์ นักเทรดและนักวิเคราะห์ชื่อดังทำนายได้ถูกต้องเมื่อตอนที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า “บิทคอยน์จะขึ้นได้ คนจะต้องเริ่มเกลียดมัน” เป็นไปได้ว่านี่คือสิ่งที่นักเก็งกำไรรายใหญ่พยายามทำให้สำเร็จ โดยพวกเขาคงราคาไว้ที่ช่วง $9,000-10,000 และรอให้นักลงทุนรายย่อยที่ยังไม่เห็นราคาทะยานขึ้น เริ่มหันมาเทขายบิทคอยน์ครั้งใหญ่ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เหล่า “ปลาวาฬ” เข้ามาล่าซื้อบิทคอยน์ที่ลดราคามหาศาลและเข้ายึดตลาดอย่างสมบูรณ์
    และจากนั้นเอง
    ..พวกเขาจะเริ่มผลักราคาบิทคอยน์ให้ทะยานขึ้นไปสู่ระดับสถิติใหม่ เช่น ผู้เชี่ยวชาญจาก Weiss Raitings บริษัทการวิเคราะห์จากสหรัฐฯ เชื่อว่า บิทคอยน์จะขยับขึ้นไปที่ $180,000 โดยบิทคอยน์ดีกว่าทองคำในเรื่องของความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และการใช้ประโยชน์ และหากเราดูที่สัดส่วนอย่างน้อยหนึ่งในสามของทองคำ บิทคอยน์จะสามารถซื้อขายได้ที่ราคาสูงกว่าระดับปัจจุบันถึง 20 เท่า พวกเขาเชื่ออย่างนั้น
    ทางด้าน ไมค์ โนโวกราตซ์ ประธานธนาคารเทรดคริปโต Galaxy Digital ก็กำลังรอคอยให้บิทคอยน์ทะยานขึ้นรอบใหม่ ในบทสัมภาษณ์กับ CoinDesk เศรษฐีพันล้านรายนี้ยอมรับว่าเขาเคยพยายามเร่งดึงดูดความสนใจจากสถาบันต่าง ๆ เมื่อสามปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เขามองว่าจังหวะที่ยอดเยี่ยมมาถึงสำหรับความพยายามครั้งใหญ่ “มันใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ แต่สัญชาตญาณบอกผมว่า ในช่วง 6 - 24 เดือนข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นความคืบหน้า “เชิงสถาบัน” ครั้งใหญ่”
    อิทธิพลของนักลงทุนรายสถาบันในกรณีนี้ไม่เป็นที่น่าสงสัย จากการประมาณการของ Chainalysis ชี้ว่ามีเหรียญ BTC 3.5 ล้านเหรียญที่ใช้ในการเทรดในปัจจุบัน (ส่วน 18.6 ล้านเหรียญที่เหลือถูกแช่แข็งไว้ในฐานะเงินลงทุนระยะยาวหรือต่างสูญหายไป) ในที่นี้ 85% จาก 3.5 ล้านเหรียญเป็นของนักลงทุนเหล่า “ปลาวาฬ” ซึ่งเป็นผู้กำหนดเทรนด์ตลาด
    สำหรับคำทำนายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จากฝั่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค ระดับแนวรับสำคัญในรูปของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รอบ 50 วันได้ตัดผ่านระดับ $9,000 และหากราคาตัดผ่านระดับดังกล่าวนี้ เราอาจจะได้เห็นราคาในโซน $ 8,500-8,800 สถานการณ์นี้คาดการณ์โดยนักวิเคราะห์ 30% อีก 25% เชื่อว่าเทรนด์ด้านข้างรอบ 6 สัปดาห์จะดำเนินต่อไปโดยจะรักษาราคาในช่วง $9,000-10,000 และผู้เชี่ยวชาญ 45% ที่เหลือยังคงไม่หมดหวังที่จะเห็นบิทคอยน์ยืนเหนือระดับจิตวิทยาที่ $10,000

 

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา