อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD เราเขียนเน้นไว้ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้วว่า เมื่อราคาตัดทะลุกรอบ 1.1700-1.1910 ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจนเท่านั้นถึงจะชี้ได้ว่าเทรนด์ใดเป็นเทรนด์กุมทิศทางในสภาพแวดล้อมที่มีปริมาณการซื้อขายลดลง ซึ่งราคาขยับอยู่ในช่วงราคาดังกล่าวนี้มาตลอดสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การตัดทะลุกรอบก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น: ทั้งนี้ เดือนนี้เป็นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดและไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ พิเศษที่สามารกระตุ้นตลาดได้ สถานการณ์ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนพร้อมที่จะซื้อคืนขึ้นมาแม้ว่าจะมีขาดทุนสะสมเล็กน้อย และก็ปิดตำแหน่งพร้อมรับกำไรปานกลาง ดังนั้น การตัดทะลุ 1.1965 ไม่ได้นำพาความสำเร็จมาให้กับฝั่งกระทิง และราคากลับสู่ช่องด้านข้างที่ 1.1700-1.1910 ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ไม่ไกลจากเส้นตรงในโซน 1.1795
- GBP/USD เงินปอนด์ก็ขยับในเทรนด์ด้านข้างเช่นกัน ซึ่งเคลื่อนที่มาแล้วเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน ข้อแตกต่างหลักในรอบห้าวันที่ผ่านมานี้ คือ แรงกระทิงปกคลุมมากกว่าเล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าในภาพรวมเมื่อเทียบกับการแข็งค่าของเงินปอนด์ หากมองว่าระดับ 1.3075 เป็น Pivot Point ในช่วงครึ่งแรกของเดือนสิงหาคม ขณะนี้ระดับดังกล่าวได้เป็นแนวรับหลัก เมื่อราคาดีดกลับจากระดับดังกล่าว ฝั่งกระทิงได้หนุน GBP/USD ขึ้นไปที่ 1.3265 และก็กลับมายังแนวรับที่ระบุถึงสองครั้ง ก่อนที่จะปิดตลาดบริเวณใกล้เคียงกันที่ 1.3090
- USD/JPY โซน 106.00-108.10 คือ ช่วงที่ราคาซื้อขายมา 75% ของเวลาทั้งหมดในรอบ 20 สัปดาห์ที่ผ่านมา และผู้เชี่ยวชาญทุกคนมั่นใจว่า ราคาจะยังคงอยู่ในกรอบดังกล่าวในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ยังคาดว่าราคาจะขยับขึ้นไปยังช่วงบนของกรอบ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของดอลลาร์ที่คาดหมายไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ออสซิลเลเตอร์ที่ให้สัญญาณเตือนการเปิดคำสั่งซื้อ โดยชี้ว่าราคาอยู่ในโซนที่มีแรงซื้อมากเกินไป ปรากฏว่าบ่งชี้ได้อย่างถูกต้อง ราคาจึงตัดทะลุระดับแนวรับที่ 106.00 โดยคงอยู่ด้านล่าง 100 จุด จากนั้นหลังจากรีบาวด์ขึ้นมา ราคาก็ไม่สามารถขยับผ่านระดับ 106.00 ซึ่งกลายเป็นแนวต้านหลัก และปิดตลาดที่ 105.80
- คริปโตเคอเรนซี บิทคอยน์ได้ขยับจาก $4,000 เป็น $12,000 ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า เหตุผลหลักเป็นเพราะปริมาณดอลลาร์ที่ทุ่มใส่ตลาดโดยธนาคารเฟดเพื่อเอาชนะวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 นักลงทุนหลายคนต้องจัดสมดุลให้กับพอร์ต โดยการลงทุนในทองคำจริงและทองคำดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ทะยานขึ้นในเดือนล่าสุด เงินอีกส่วนหนึ่งก็ไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างไม่น่าประหลาดใจ แต่ถ้าหากบิทคอยน์ทำราคาขึ้น 200% ราคาทองคำขยับขึ้นมากกว่า 30% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนดัชนี S&P แทบไม่ตัดระดับ 50%
ในสหรัฐฯ ตามรายงานของ TradingView เว็บไซต์การวิเคราะห์ทางการเงินชี้ว่า บิทคอยน์มีความนิยมแซงหน้าหุ้นบริษัทชั้นนำของอเมริกาหลายแห่ง โดยพ่ายแพ้เพียง Tesla ของอีลอน มัสก์ เท่านั้น ส่วน Boeing ติดอันดับที่สาม
ข้อมูลจากอีกหนึ่งการสำรวจที่รวบรวมโดยนักวิเคราะห์ชื่อดังภายใต้ชื่อเล่นว่า Plan B ก็น่าสนใจเช่นกัน โดยได้สำรวจผู้ใช้งานทวิตเตอร์กว่า 22,6000 ราย เมื่อถามว่า “คุณจะเทขายบิทคอยน์ที่ราคาเท่าใด หากราคาไม่ขยับขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้านี้?” 5.8% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุราคาที่ต่ำกว่า $1,000 และปริมาณเดียวกันเลือกช่วงราคาที่ $1,000-$3,000 ส่วน 16.2% เลือกจะขายบิทคอยน์ที่บริเวณ $6,000 ส่วนอีก 72% ที่เหลือของผู้เข้าร่วมระบุว่า พวกเขาจะถือบิทคอยน์แม้ว่าราคาจะเป็นศูนย์
ในระหว่างนี้ ราคาบิทคอยน์ยังคงอยู่ห่างจากระดับ “0” อย่างไกลมาก บิทคอยน์ผันผวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เมื่อดัชนี USD (DXY) ขยับลง BTC ก็ขยับขึ้น และในทางกลับกันเช่นกัน โดยเป็นไปตามที่ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานไว้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว DXY ขยับลดลง 93.1 เป็น 92.16 ในขณะที่ BTC/USD ดีดขึ้นจนตัดทะลุแนวต้านที่ $12,000 และขยับถึงระดับ $12,470 ดัชนีดอลลาร์กลับขึ้นสู่ระดับเหนือ 93 และบิทคอยน์ก็ขยับลงมายังระดับแนวรับค่อนข้างสำคัญที่ $11,600
มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในรอบสัปดาห์ ลดลงจาก $370 พันล้านเหลือ $366 พันล้านเหรียญ ดัชนี The Bitcoin Fear & Greed Index อยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของสี่สัปดาห์และขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 78 เป็น 81 จุด ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ราคาลดลงจาก $ 12,470 เป็น $ 11,600 ไม่ได้ทำให้ตลาดพึงพอใจและราคายังคงอยู่ในช่วงที่แรงซื้อสูงเกินไป
มาพูดถึงอัลท์คอยน์เล็กน้อย ล่าสุดความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ Ethereum อย่างไม่น่าแปลกใจ แลร์รี่ เซอร์มาค นักวิเคราะห์จาก The Block เชื่อว่า เมื่อเทรนด์มีผลต่อไป Ethereum อาจกลายเป็นสินทรัพย์ที่ตามหามากที่สุดในสภาพแวดล้อมทางเอกชน “รายได้จากค่าธรรมเนียมของการขุดเหรียญ Monero, Bitcoin Cash และ BSV ยังคงต่ำ ผมคิดว่าจะปรากฏผู้เล่นรายใหญ่สองรายในเกมนี้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็คือบิทคอยน์และอีธีเรียม” ในความเห็นของเขา ความแตกต่างระหว่างตัวชี้วัดทั้งสองนี้จะเห็นได้ชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ และอีกไม่นาน อัลท์คอยน์จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ETH ยังไม่ใช่สินทรัพย์ที่ทำกำไรได้สูงสุดในตลาด หากเป็นเหรียญ YFI ซึ่งเติบโตถึง 20 เท่าในหนึ่งเดือนและแซงหน้าบิทคอยน์ในสัดส่วนมูลค่า ทำราคาถึง $15,400 นอกจากนี้ นักพัฒนา YFI ยังตัดสินใจที่จะเดินตามรอยเงินคริปโตชั้นนำ โดยจำกัดการหมุนเวียนเพียง 30,000 เหรียญเท่านั้น ซึ่งนำไปสู่มูลค่าที่ก้าวกระโดดขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าราคา YFI จะคงตัวที่ระดับดังกล่าวหรือจะทะยานขึ้นต่อไป เป็นไปได้ว่า เราจะได้เห็นแรงขายอย่างรวดเร็วในเร็ว ๆ นี้ เช่นกัน ข้อเท็จจริงข้างต้นนี้ชี้ให้เห็นว่า นอกเหนือจากเหรียญที่ติด 10 อันดับแรกนั้น ยังมีสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ปรากฏขึ้น และจะยังคงปรากฏขึ้นอีกมากมายในตลาดเงินคริปโต ซึ่งนำพากำไรหลายร้อยหลายพันเท่าเนื่องจากการเก็งกำไรในระยะสั้น
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ยอดผู้ขอใช้สวัสดิการว่างงานเบื้องต้นทะลุเกิน 1 ล้านรายอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในสหรัฐฯ สถิติกิจกรรมการผลิตในนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟียก็น่าผิดหวังเช่นกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ ฝั่งกระทิงพยายามทำสถิติราคาสูงสุดในรอบหลายเดือนและหนุนราคาขึ้นไปเหนือ 1.2000 ความพยายามนี้ล้มเหลว โดยราคาได้กลับมาสู่กรอบ 1.1700-1.1910 และกรอบดังกล่าวยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ในแวบตาแรก สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดีขึ้นในยุโรปน่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะฟื้นตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงทุกวัน ในเยอรมนี อัตราผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ในฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 50% ในหนึ่งสัปดาห์มากกว่า 1,500 ราย ในสเปนมีผู้ติดเชื้อต่อวันกว่า 4,800 ซึ่งในสัดส่วน 1 ล้านคนนั้น ต่ำกว่าสหรัฐฯ เพียง 25% เท่านั้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่อียูจะใช้มาตรการกักกันโรคที่เข้มงวดอีกครั้ง อันจะเกิดความเสียหายรอบใหม่ต่อเศรษฐกิจ และธนาคารกลางยุโรปจะถูกบีบบังคับให้ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะผลักราคา EUR/USD ให้ลดลง
ในทางกลับกัน ดอลลาร์นั้นนอกจากเรื่องข้อกังขาเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้ว ยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณเงินที่ฉีดอัดโดยธนาคารเฟด หนี้สาธารณะประเทศที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มผลตอบแทนในพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเล่นชักเย่อกันกับจีน และความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้น ส่งผลให้ดัชนี USD (DXY) ซึ่งแสดงถึงอัตราส่วนของดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับลดลงมาจากระดับสูงสุดของกลางเดือนมีนาคม (104 จุด) ลงมายังระดับต่ำสุดของเดือนพฤษภาคม 2018 ที่ 92-93 จุด
ในวันนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเลือกข้างดอลลาร์ 60% เชื่อว่าคู่ EUR/USD จะสามารถตัดทะลุแนวรับที่ 1.1700 และตกลงไปอย่างน้อยอีก 100 จุด ส่วน 40% ที่เหลือมองว่า ราคาจะยังคงเคลื่อนที่ในกรอบ 1.1700-1.1910 ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1
อินดิเคเตอร์ในกรอบ H4 เมื่อพิจารณาเทรนด์ครึ่งหลังของสัปดาห์ที่แล้วให้สัญญาณสีแดง แต่ในกรอบ D1 ให้ภาพที่น่าสับสนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งยืนยันว่าราคาน่าจะเคลื่อนที่ในกรอบด้านข้าง
ตอนนี้มาถึงข้อมูลในทางบวกสำหรับผู้ที่เดิมพันชัยชนะของยูโรต่อดอลลาร์ในระยะกลาง หากคุณดูที่ตลาดออปชั่น โอกาสที่ราคาจะขึ้นไปยังระดับ 1.2200-1.2500 ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่า COVID-19 จะเป็นตัวตัดสินอย่างแน่ชัดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินอาจเป็นการปรากฏขึ้นของวัคซีค และอัตราการใช้วัคซีนในประเทศต่าง ๆ
- GBP/USD. “ทั้งยูโรและปอนด์” นี่คือลักษณะของคู่ GBP/USD เป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน สำหรับ EUR/USD ผู้เชี่ยวชาญ 60% โหวตว่าราคาจะกลับตัวลงมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 75% อินดิเคเตอร์ 80% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 แนวรับที่แข็งแรงและใกล้ที่สุดคือ 1.3000 ในกรณีที่ราคาตัดทะลุ ฝั่งตลาดหมีจะพยายามกดราคาลงมาที่ 1.2665-1.2765
แต่ในกรอบ D1 ยังคงมีการได้เปรียบของฝั่ง “เขียว” เล็กน้อยในหมู่อินดิเคเตอร์ นอกจากนี้ยังมีสัญญาณชี้ว่าราคาอยู่ในโซนแรงขายมากเกินไปโดยออสซิลเลเตอร์จำนวน 25% ในกรอบ H4 นักวิเคราะห์ 40% ชี้ว่าสามารถวางกรอบด้านข้างให้กับคู่นี้ได้สองกรอบ กรอบแรกแคบกว่าคือ 1.3075-1.3185 และกรอบที่สองกว้างกว่าในกรณีที่ความผันผวนเพิ่มขึ้น 1.3000-1.3265 เป้าหมายของตลาดกระทิงคือการทำราคาสูงสุดของปี 2019 ที่ 1.3515 ซึ่งไม่น่าจะทำสำเร็จได้ในเร็ววันนี้ - USD/JPY ผู้เชี่ยวชาญ 50% เชื่อว่า ราคาจะพยายามทดสอบความแข็งแกร่งของแนวรับในโซน 105.00 อีกครั้ง และขยับถึงระดับต่ำสุดของวันที่ 31 กรกฎาคมที่ 104.18 สถานการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 60% และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% ในกรอบ D1 ส่วนอินดิเคเตอร์ที่เหลือในทั้สองสองกรอบเวลาให้สีเทาปานกลาง นักวิเคราะห์อีก 15% ยังมีท่าทีที่เป็นกลาง ในส่วนผู้เชี่ยวชาญ 35% ที่เหลือทำนายว่าราคาจะกลับมาเทรดในกรอบที่ 106.00-108.10
- คริปโตเคอเรนซี ฟีดข่าวตามปกติก็ล้วนเต็มไปด้วยเสียงคาดการณ์ของบรรดากูรูที่มองโลกในแง่ดี
แอนโธนี ปอมพลีอาโน ซีอีโอของบริษัทการลงทุน Morgan Creek: “ผมคิดว่า บิทคอยน์จะแซงหน้าเหนือทองคำในมูลค่ารวมในตลาดภายในปี 2029 จากนั้นสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะเลิกกลัวเงินคริปโตและเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนมากในเงินคริปโต ดอลลาร์และสกุลเงินอื่น ๆ แสดงถึงความอ่อนแอในปีนี้เมื่อประสบกับความผันผวนจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และการแพร่ระบาดของโรค ราคาบิทคอยน์ไม่เพียงแต่ต้านทานเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพที่เติบโตขึ้นอีกด้วย” กล่าวโดยนายปอมพลีอาโน
เจสัน วิลเลียมส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทระดมทุน Morgan Creek Digital มั่นใจว่า นักลงทุนในตำนานและผู้ที่ต่อต้านเงินคริปโตอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะเลือกเก็บบิทคอยน์ในพอร์ตการลงทุนของบริษัทลงทุนของเขา Bershire Hathaway ในที่สุด และสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้เลยก็ได้ “คนเหล่านี้คือผู้จัดการอายุน้อยและนักวิเคราะห์ที่กำลังดันการซื้อขายทองคำและ BTC เขาจะไม่รู้เลยเมื่อมันเกิดขึ้น” นายวิลเลียมส์อธิบายต่อ
ราคาบิทคอยน์จะขยับถึง $100,000 ในฤดูร้อนปีหน้า หรือในวันที่ 16 สิงหาคม 2021 คำคาดการณ์นี้เผยแพร่โดยนักวิเคราะห์ภายใต้นามแฝง Bit Harrington โดยอ้างอิงจากโมเดล Stock-to-Flow (S2F) ที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดทองคำ เขายังเสริมต่อว่า มูลค่าดังกล่าวดูสูงเกินไปสำหรับเขาสำหรับช่วงระยะเวลานั้น ๆ แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าบิทคอยน์มักต้านทานฝั่งตลาดหมีได้เสมอ
นักวิเคราะห์และผู้ประกอบการ นายมาร์ค ฟาน เดอร์ เชส อธิบายเหตุผลว่าทำไมคำทำนายของเขาจึงอาจเป็นจริงได้ “หลายคนเชื่อว่ามันไม่เป็นไม่ได้หรอก แต่ผมเห็นการเติบโต 1,000% ในเวลาน้อยกว่า 1 ปีอย่างน้อยสองครั้งในประวัติศาสตร์ BTC (ในปี 2013 และ 2017) โมเดล S2F ค่อนข้างมีน้ำหนักหลังการฮาล์ฟเหรียญ หากความกลัวที่จะสูญเสียกำไรมีผลต่อไป อะไรก็เกิดขึ้นได้"
- นายไมค์ โนโวกราตซ์ ประธาน Galaxy Digital อีกครั้งได้ระบุว่า มูลค่าของบิทคอยน์น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ และนักวิเคราะห์ Plan B ซึ่งเป็นคนแรกที่ใช้ S2F กับบิทคอยน์ นำเสนอกราฟซึ่งชี้ว่าราคาบิทคอยน์อาจขยับถึง $14,000 ในอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้จะมีคำคาดการณ์ในแง่บวกดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังคงมองแนวโน้มสำหรับ BTC อย่างค่อนข้างสงบเสงี่ยม พวกเขายังไม่ตัดโอกาสว่าบิทคอยน์สามารถเป็นทางเลือกแทนสกุลเงินทั่วไป และอาจได้รับแรงกระตุ้นในช่วงการแพร่ระบาดรอบที่สองของไวรัส หากเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้นั่นเอง แต่ ณ เวลานี้ นักวิเคราะห์ 70% คาดหมายว่าในช่วงครึ่งแรกของฤดูใบไม้ร่วง ราคา BTC/USD จะขยับอยู่ในช่วง Pivot Point ที่ $11,000 โดยมีโอกาสแตะที่ $9,500 ในทางใต้และ $13,000 ในทิศทางเหนือ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 30% เท่านั้นที่เชื่อว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ราคาจะสามารถยืนเหนือระดับ $12,000 ได้อย่างมั่นคง
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ