อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD ในสัปดาห์ที่แล้วเราพยายามจะตอบคำถามว่าราคาคู่นี้จะขยับลงหรือกลับสู่กรอบ 1.1700-1.2010 ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนใด ๆ ได้ในตอนนั้น คะแนนเสียงของพวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้: 30% เห็นด้วยกับแนวโน้มขาลง 30% ขาขึ้น และ 40% มีท่าทีเป็นกลาง ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนว่าราคาไม่ได้ขยับลดลงต่อ แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าราคากลับตัวมาอยู่ในกรอบ โดยราคาได้ขยับถึงระดับสูงสุดที่ 1.1700 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม ก่อนที่จะหันกลับและปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.1715
นักลงทุนไม่ค่อยประทับใจเท่าไรกับข่าวฝ่ายเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่มูลค่า $2.2 ล้านล้านเหรียญ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ $3 ล้านล้านบวก สถิติตลาดแรงงานสหรัฐฯ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน รายงานการจ้างงานในภาคเอกชนของเดือนกันยายนของ ADP แสดงตัวเลขเพิ่มขึ้นที่ 749K จาก 481K เมื่อเดือนที่แล้ว และจากที่คาดการณ์ 650K ในทางกลับกัน จำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตร (NFP) ปรากฏว่าต่ำกว่าทั้งตัวเลขเดือนสิงหาคมและตัวเลขคาดการณ์ที่ 661K ในเดือนกันยายน โดยอยู่ที่ 1489K ในเดือนสิงหาคมจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 850K ในเดือนกันยายน
นักลงทุนประทับใจมากกว่ากับข่าวประธานาธิบดีทรัมป์และสตรีหมายเลขหนึ่งติดเชื้อโคโรนาไวรัส เมื่อข่าวนี้ประกาศออกมา ดอลลาร์สหรัฐและเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น แต่คำถามก็ปรากฏขึ้นว่าโรคนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหน และมันจะส่งผลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และในโลกได้อย่างไรบ้าง และก่อนที่ความชัดเจนจะเริ่มปรากฏขึ้น ตลาดก็หยุดพัก และคู่ EUR/USD ได้ขยับในทิศทางด้านข้างในช่องแคบ ๆ ที่ 1.1685-1.1770 ซึ่งราคาได้ปิดตลาดในโซนดังกล่าว - GBP/USD ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเบร็กซิต ราคาคู่นี้ได้กลับสู่กรอบที่เคยมีการซื้อขายเมื่อช่วงวันที่ 15-21 กันยายนที่ 1.2805-1.3000 จึงเป็นการยืนยันคำทำนายของสัปดาห์ที่แล้วโดยนักวิเคราะห์และการวิเคราะห์กราฟ 35% และออสซิลเลเตอร์ 15% ที่ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold หลังจากราคาดีดขึ้นมา 230 จุด แรงฝั่งกระทิงก็เริ่มอ่อนล้าลง ไม่สามารถตัดทะลุแนวต้านที่ 1.3000 ได้สำเร็จ และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่บริเวณ 1.2935
- USD/JPY สัปดาห์ที่แล้วไม่ถือว่าโดดเด่นสำหรับเงินเยนญี่ปุ่น ราคาได้ขยับในช่องแคบมาก ๆ ที่ 105.30-105.75 จนถึงวันศุกร์ มีเพียงข่าวผลติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวกของนายโดนัลด์ และเมลาเนีย ทรัมป์ เท่านั้นที่ทำให้ราคาทรุดลงถึงระดับ 104.95 การเคลื่อนที่ของราคาแสดงให้เห็นว่า ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหันเข้าหาเงินเยนโดยสัญชาตญาณ โดยถือว่าเงินเยนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าดอลลาร์ แต่การที่ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 70 จุดก็ไม่ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงอย่างสำคัญ นอกจากนี้ สถานการณ์ก็เริ่มเสถียรขึ้นในเวลาต่อมา ราคาคู่นี้ได้ขยับขึ้นและปิดตลาดที่ระดับ 105.35
- คริปโตเคอเรนซี เราได้เริ่มบทรีวิวของเราในสัปดาห์ที่แล้วด้วยประโยคที่ว่า “เป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งของบิทคอยน์ที่จะยืนเหนือระดับ $11,000 แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง” ในสัปดาห์นี้ก็สามารถใช้ประโยคเดิมได้เช่นกัน ราคาพยายามขึ้นมาทดสอบระดับ $10,940-10,970 แต่ฝั่งกระทิงก็ยอมแพ้ และราคา BTC/USD ย้อนกลับมาที่โซน $10,400-10,500 อีกครั้ง ซึ่งเป็นการยืนยันบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้วอย่างสมบูรณ์ตามที่คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) สำหรับดัชนี Crypto Fear & Greed Index นั้นได้ขยับลดลงเล็กน้อยในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา จาก 46 เหลือ 41 และยังคงอยู่ในโซนตรงกลาง
ตามรายงานของ Messari ชี้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่แท่งเทียนบิทคอยน์รายวันปิดตัวเหนือระดับ $10,000 เป็นเวลา 63 วันติดต่อกัน ช่วงเวลาที่ยาวนานติดต่อกันมากที่สุดรอบที่แล้วคือ 62 วัน ซึ่งเป็นช่วงระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2017 ถึง 31 มกราคม 2018 เมื่อตอนที่บิทคอยน์ทำสถิติขยับถึงระดับสูงสุดใกล้บริเวณ $20,000 โดยราคาเพิ่มขึ้นถึง 100% ในสองสัปดาห์ ในขณะเดียวกัน คริปโตเคอเรนซียืนเหนือ $11,000 เป็นเวลา 50 วัน และเหนือระดับ $12,000 เป็นเวลา 41 วัน
ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากบริการการวิเคราะห์ WhaleMap บิทคอยน์ไม่หลุดแนวรับ $10,000 เพราะมีนักลงทุนรายใหญ่ที่คอยเก็บราคาทันทีที่ BTC ขยับถึงระดับดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงราคาสูงสุดของสัปดาห์ มูลค่ารวมในตลาดคริปโตเพิ่มขึ้นเป็น $350 พันล้านเหรียญแม้ว่าราคาเองจะปรับลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงวันที่ 1-2 ตุลาคม มีแรงขายอีกหนึ่งรอบทำให้มูลค่ารวมกลับมาอยู่ที่ $330 อีกครั้ง
พฤติกรรมตลาดเงินคริปโตนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตลาดเงินดั้งเดิมอย่างเพิ่มมากขึ้น และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในความกระหายในความเสี่ยงของนักลงทุน อย่างหลังนี้ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาและปฏิกิริยาต่าง ๆ ของรัฐบาล
ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก Galaxy Digital Capital Management บิทคอยน์เริ่มถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อโดยนักลงทุนรายสถาบัน กล่าวคือเป็น “หลักประกัน” ชนิดหนึ่งในกรณีที่ดอลลาร์สูญเสียสถานะเงินสำรองของโลก เมื่อเปรียบเทียบมูลค่ารวมของทองคำ (มากกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์) กับบิทคอยน์ (ประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์) นักวิเคราะห์ของบริษัทนี้สรุปว่า “สถานการณ์จะปรับตัวโดยโน้มเอียงไปทางบิทคอยน์ โดยจะมีเงินทุนไหลออกจากทองคำ ซึ่งอาจจะเพิ่มมูลค่าถึง 60 เท่าในอนาคต”
หากคุณดูที่ผลลัพธ์ 9 เดือนแรกของปี 2020 ชัดเจนว่าโรค COVID-19 ส่งผลดีต่อบิทคอยน์ แม้ว่าจะมีช่วงหวาดวิตกตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ - ต้นเดือนมีนาคม ราคาเหรียญนี้ก็ได้ขยับขึ้นประมาณ 40% (ทองคำ 25%) หากเรากำหนดให้วันที่ 13 มีนาคมเป็นจุดเริ่มต้น ในช่วงเวลานี้เอง ราคาบิทคอยน์ได้เติบโตขึ้นถึง 2.75 เท่า (ทองคำ 1.3 เท่า)
สถานการณ์นี้ยังทำให้มีแฟน ๆ เงินคริปโตเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ผลการวิจัยโดย Cambridge Center for Alternative Finance ระบุว่ามีคนกว่า 100 ล้านคนที่เป็นเจ้าของบิทคอยน์และเหรียญอื่น ๆ ในโลกนี้ ในปี 2018 มีประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่า 3 เท่า สัดส่วนผู้ถือบิทคอยน์และเหรียญอื่น ๆ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือและยุโรป ตามมาด้วยทวีปละตินอเมริกาและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในช่วงท้ายไตรมาสที่สามของปี 2020 มีที่อยู่กว่า 191 ล้านแอดเดรสที่ลงทะเบียนบนตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD 65% ของนักวิเคราะห์สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 คาดการณ์ว่า ดอลลาร์จะแข็งค่าประมาณหนึ่งในไม่กี่วันนี้ และราคาจะทดสอบแนวรับที่ 1.1600 อีกครั้ง ซึ่งคำทำนายนี้คัดค้านโดยผู้เชี่ยวชาญ 35% และการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ที่มองว่า EUR/USD หลังจากกลับมาสู่ช่วง 1.1700-1.2010 แล้ว น่าจะขยับไปยังช่วงตรงกลางและแข็งตัวที่บริเวณ 1.1800-1.1900 ในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์
ออสซิลเลเตอร์และอินดิเคเตอร์เทรนด์ไม่ได้ให้สัญญาณใด ๆ ที่เหมาะสำหรับการทำนายราคา สถิติทางเศรษฐกิจที่สำคัญก็ไม่มีกำหนดจะประกาศในสัปดาห์นี้เช่นกัน ความสนใจหลักอาจจะอยู่ที่คำแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 6 ตุลาคม และนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารยุโรป ในวันพุธที่ 7 ตุลาคม ส่วนผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเสรีทางการเงินของสหรัฐฯ จะเผยแพร่ในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่น่าจับตามองในสัปดาห์แน่นอนว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพของคู่สามีและภริยาของประธานาธิบดีทรัมป์ หากประธานาธิบดีที่อายุมากอยู่แล้วของสหรัฐฯ สามารถกลับมาทำงานเต็มเวลาได้อย่างรวดเร็ว นี่จะกลายเป็นไพ่ไม้ตายในศึกการเลือกตั้งของเขา โดยเขาจะสามารถแสดงให้เห็นว่า เขาประเมินระดับความอันตรายของไวรัสโคโรนาไว้อย่างถูกต้อง และใช้มาตรการที่เพียงพอเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐฯ หากอาการของโรครุนแรงมากขึ้น ทรัมป์อาจต้องถูกบังคับให้จำกัดแผนรณรงค์เลือกตั้งของเขา รวมถึงการแสดงถึงความรุนแรงของโรคภัยนี้อาจส่งผลให้หลายคนลังเลที่จะโหวตให้กับทรัมป์ - GBP/USD เนื่องจากราคาคู่นี้ได้ขยับขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อินดิเคเตอร์ส่วนใหญ่ (85%) ให้สัญญาณเป็นสีเขียว แต่เทรนด์นี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่?
การหาคำตอบสำหรับคำถามนี้โดยการวิเคราะห์อินดิเคเตอร์อาจจะไม่คุ้มค่าพอ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม ในขณะที่มีการเขียนบทวิเคราะห์นี้ขึ้นมา ข่าวเบร็กซิตยังคงมีความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษมีกำหนดประชุมร่วมกับ นางเออร์ซูลา วอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม ตอนนี้คนได้แต่เดาว่าผลลัพธ์การประชุมจะจบลงอย่างไร และอีกหนึ่งปัจจัยความไม่แน่นอนก็มาถึงด้วยเช่นกัน คือ ข่าวการติดเชื้อโควิดของนายโดนัลด์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ด้วยเหตุนี้ ความเห็นของนักวิเคราะห์จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้แก่: 40% สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่นี้ 40% สนับสนุนขาลง และ 20% มีท่าทีเป็นกลาง เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดของฝั่งตลาดหมีคือ 1.2675 ตามมาด้วยแนวรับในโซน 1.2500 ภารกิจของฝั่งกระทิงคือการตัดทะลุระดับแนวต้านที่ 1.3000 และกลับสู่กรอบ 1.3000-1.3200 - USD/JPY การวิเคราะห์กราฟของทั้งกรอบ H4 และ D1 แสดงว่า ราคาคู่นี้ได้ขยับลงมาถึงระดับต่ำสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมาในโซน 105.00 และจากนั้นลงต่ำมาอีก 100 จุด ถึงระดับที่ราคาเคยขยับถึงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมและ 21 กันยายน โดยแนวต้านในกรณีนี้คือที่ระดับ 105.80
หลังจากเดินทางสู่ทิศใต้เรียบร้อยแล้ว การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 บ่งชี้ว่า ราคาควรกลับสู่โซน 105.00-106.00 และขยับขึ้นเหนือต่อไปภายในปลายเดือนตุลาคม ไปที่ 107.00
ฝั่งตลาดหมีได้รับการสนับสนุนโดยผู้เชี่ยวชาญ 85% รวมถึงอินดิเคเตอร์ถึง 70% คำทำนายของนักวิเคราะห์นั้นส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งผลต่อครอบครัวของนายทรัมป์โดยตรง และนี่เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น โดยขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญ 15% โหวตว่าราคาจะขยับขึ้นและถึงโซน 106.55-107.00 อย่างรวดเร็ว
- คริปโตเคอเรนซี จำนวนบิทคอยน์ที่ขุดเหรียญเกินกว่า 18.5 ล้านหน่วย มีเหรียญไม่ถึง 12% หรือน้อยกว่า 2.5 ล้านเหรียญที่ยังสามารถผลิตได้ ส่วนใหญ่นั้นจะขุดเหรียญในอีก 4 ปีข้างหน้าและเหรียญสุดท้ายในปี 2140
ก่อนหน้านี้ อัลกอริทึมที่กำหนดโดยผู้ก่อตั้งบิทคอยน์ ซาโตชิ นากะโมโตะ จำนวนเหรียญรวมทั้งหมดคือ 21 ล้านเหรียญ และมีการฮาล์ฟเหรียญเกิดขึ้นทุก ๆ สี่ปี ทำให้ผลตอบแทนของนักขุดเหรียญก็ถูกหั่นครึ่งเช่นกัน ภารกิจของการฮาล์ฟเหรียญคือการควบคุมการออกเงินคริปโตและกันไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
นักขุดเหรียญบิทคอยน์คาดการณ์ว่า ราคาเหรียญจะทะยานขึ้นอีกครั้งเหมือนในช่วงสามปีที่แล้ว ผู้แทนตลาดหลายคนมั่นใจว่า มีเงื่อนไขทุกประการให้ตลาดเงินคริปโตขยับขึ้นอย่างคึกคักในตอนนี้ โดยคาดว่าเหรียญจะขึ้นไปได้ถึง $20,000
นายคี ยอง จู ประธานแพล็ตฟอร์มการเทรด Crypto Quant ระบุว่า สัญญาณการกลับมาของตลาดกระทิงเริ่มปรากฏขึ้นในช่วงกลางฤดูร้อน แต่ปัจจัยภายนอกที่เข้มแข็งคัดค้านกันกับการแข็งค่าขึ้นของราคาเหรียญในขณะนั้น “ไม่มีอะไรปฏิเสธว่าการขุดเหรียญกำลังมีอิทธิพลสำคัญต่อตลาดคริปโตเคอเรนซี เราควรระลึกถึงผลที่ตามมาหลังจากการฮาล์ฟเหรียญเมื่อเดือนพฤษภาคม ตอนที่แฮชเรตของบิทคอยน์ขยับลงชั่วขณะ ราคาไม่สามารถทะยานขึ้นในเงื่อนไขดังกล่าว ดังนั้น นักลงทุนและผู้ถือเหรียญต่างหันไปใช้เทคนิครอดูไปก่อน ในตอนนี้สถานการณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ดัชนี Miner Position Index (MPI) ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง พวกเขาพยายามจะขุดให้ได้บล็อคมากที่สุดเพื่อผลตอบแทนสูงสุด แฮชเรตของบิทคอยน์ก็มั่นคงด้วยเช่นกันที่อัตราสูง” กล่าวโดยนายจู
นายไมค์ แม็คโกลน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Bloomberg Intelligence คาดการณ์การเติบโตเช่นกัน เขาเชื่อว่า บิทคอยน์ควรจะมีมูลค่าที่ $15,000 เขาได้ข้อสรุปนี้มาจากการเติบโตของจำนวนที่อยู่บิทคอยน์ที่เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2017 ในขณะเดียวกัน เขาคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ที่เป็นอื่นไว้ต่ำ
สำหรับคำทำนาย ณ ตอนนี้ ทุกอย่างแทบจะเหมือนเดิม คือ: กรอบด้านล่างของช่วงราคาสำหรับคู่ BTC/USD อยู่ที่ $9,500 แนวรับคือ $10,000 ส่วนแนวต้านคือ $11,000 ในขณะเดียวกัน มีแนวโน้มที่การโจมตีครั้งถัดไปของตลาดกระทิงจะเกิดขึ้นตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกือบ 70% แต่ความเป็นไปได้ที่ราคาจะแข็งตัวเหนือระดับดังกล่าวนั้นน้อยกว่าสองเท่า
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ