อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD ในสัปดาห์ที่แล้ว เราได้เริ่มพูดถึงความไม่แน่นอนที่ชัดเจนในตลาด เมื่อนักลงทุนทำได้แต่เพียงยักไหล่ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จริงอยู่ที่นายโจ ไบเดน คว้าชัยชนะในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าเขาจะชนะแล้ว ทั้งนี้ ทีมงานของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รวบรวมข้อเท็จจริงหลายประการเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายและการกระทำผิด และจะเดินหน้าท้าทายผลการเลือกตั้งครั้งนี้ในศาล ในระหว่างนี้ จำนวนหน่วยงานรัฐหลายแห่ง รวมถึง สำนักงานผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (ODNI) ปฏิเสธที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี การแบ่งสรรที่นั่งในวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังคงเป็นเรื่องถกเถียงกัน และทิศทางนโยบายประเทศ รวมถึงมาตรการและโครงการด้านการคลังต่าง ๆ นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
ไม่มีความชัดเจนใด ๆ เลยว่า สถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะพัฒนาในทิศทางใดและรวดเร็วมากแค่ไหน จะมีการสั่งล็อคดาวน์รอบใหม่และมีความรุนแรงมากเท่าใด ไม่มีใครรู้ จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ขณะนี้สูงกว่า 100,000 รายในสหรัฐฯ เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ครึ่งแล้ว ซึ่งจำเป็นจะต้องออกมาตรการกักกันโรคใหม่อย่างน้อยในบางรัฐ และนี่หมายถึงการผลิตที่ลดลง จำนวนงานที่ลดลง และดัชนีหุ้นที่ลดลง
โดยทั่วไปนั้นมีคำถามมากกว่าคำตอบ ด้วยเหตุนี้เอง คำทำนายที่เราให้ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจึงปรากฏว่าถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ในครั้งที่แล้ว ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเท่า ๆ กัน หนึ่งในสามโหวตให้กับแนวโน้มขาขึ้นของคู่ EUR/USD หนึ่งในสามโหวตขาลง และอีกหนึ่งในสามมีท่าทีเป็นกลาง โดยให้ระดับใกล้ที่สุดไว้ที่: แนวรับ - 1.1760 และแนวต้าน - 1.1965 ตลอดทั้งสัปดาห์ คู่ EUR/USD ขยับอยู่บริเวณกรอบดังกล่าว โดยผันผวนในช่วงตั้งแต่ 1.1745 ถึง 1.1920 และท้ายที่สุดก็กลับมาสู่โซน Pivot Point ที่ราคาขยับมาตลอดเป็นเวลา 16 สัปดาห์ติดต่อกัน และปิดตลาดที่ 1.1830 - GBP/USD มาเริ่มกันเลยที่ผลลัพธ์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา การตัดทะลุที่รอคอยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในการเจรจาเบร็กซิต และพายุปรากฏขึ้น เมื่อเงินปอนด์รีบดีดตัวขึ้นทิศเหนือตามคำคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ 70% ไปถึงระดับ 1.3315 จากนั้นก็ลงมาทิศใต้ 210 จุด ลงมาที่ 1.3105 ก่อนที่จะปิดตลาดในช่วงกลางของกรอบอย่างสงบที่บริเวณ 1.3200
- USD/JPY เมื่อดูกราฟของคู่นี้ เราสามารถสรุปได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญ 30% กลุ่มที่เข้าข้างกับฝั่งตลาดกระทิงและโหวตว่า USD จะกลับมาสู่โซน 104.00-105.00 นั้นเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง หลังจากเรื่องผลตอบแทนระยะยาวในสินทรัพย์อเมริกัน ราคาก็ได้พยายามถึงสองครั้งที่จะตัดทะลุแนวต้านที่ 105.65 แต่ก็ล้มเหลว ท้ายที่สุดราคาปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 104.60 โดยไต่ขึ้นมา 130 จุด
- คริปโตเคอเรนซี มาเริ่มกันที่ข่าวอาชญากรรม ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจากสัปดาห์ที่แล้วมากเท่าไรนัก ตัวอย่างข่าว เช่น แฮ็คเกอร์สร้างวีรกรรมอีกครั้ง ในครั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อปสัญชาติไต้หวัน Compal Electronics ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ DoppePaymer โดยแฮ็คเกอร์เรียกเงิน 1,100 BTC (เกือบ $17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามราคา ณ ขณะที่เขียนบทความนี้) เพื่อปลดรหัสไฟล์ อ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของข้อมูลจาก Group-IB มัลแวร์ DoppelPaymer นั้นแพร่กระจายบนเครือข่ายของ Windows โดยเป็นที่รู้จักในการโจมตีเครือข่ายบริษัท โดยการเข้าถึงสิทธิของผู้ดูแลระบบและเป็นหนึ่งในมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่รุนแรงและเรียกเงินมากที่สุดของปี 2019
ข่าวอีกชิ้นหนึ่งคือ ความตื่นเต้นของการโอนเงินบิทคอยน์โดยบุคคลนิรนามเป็นมูลค่ากว่า $1 พันล้านดอลลาร์ในคืนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สิ้นสุดลง จนกระทั่งมีรายงานปรากฏว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยืดเงินเกือบ 70,000 BTC จากวอลเล็ตที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดมือในเส้นทางสายไหม
ขณะนี้มาถึงสถิติบางส่วน จำนวน ATMs เงินคริปโตเพิ่มขึ้น 80% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับจำนวนในปี 2019 โดยเฉลี่ยแล้วมี ATMs 23 แห่งใหม่ที่ติดตั้งขึ้นในทุก ๆ วัน ปัจจุบัน มีจำนวนสาขา ATMs ที่ประมาณ 11,000 แห่งรอบโลก และส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดา ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ตู้ ATMs ส่วนใหญ่นั้นติดตั้งขึ้นโดยบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กที่พยายามจะทำเงินจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินคริปโตกับเงินธรรมดา
ในสัปดาห์ที่แล้ว การแลกเงินบิทคอยน์เป็นดอลลาร์ให้กำไรมากขึ้น เนื่องจากเป็นไปตามที่วิเคราะห์ไว้โดยผู้เชี่ยวชาญ คู่ BTC/USD ได้ตัดทะลุระดับ $16,000 โดยราคาบิทคอยน์ขึ้นสู่ $16,460 ในระดับสูงสุด และเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ในวันที่เรียกว่าเป็น “วันเจ้าปัญหา” อันได้ชื่อเสียงมาจากความเชื่องมงายหลายแห่งและตำนานที่ส่งต่อกันมาผ่านทางภาพยนตร์สยองขวัญของอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนบิทคอยน์นั้น วันนี้กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม และทำให้ผู้ถือบิทคอยน์ปลาบปลื้มไปตาม ๆ กัน หลายคนเริ่มเก็บกำไร และสำหรับผู้ที่จะไม่ขายเหรียญดังกล่าว ก็มีความหวังอีกครั้งว่าราคาจะเติบโตขึ้นต่อไป
หากคุณดูกราฟมูลค่ารวมของตลาดเงินคริปโตในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อราคา BTC/USD ลดลง แนวโน้มการเข้าซื้อเหรียญจะเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อราคายับลงมายัง $14,390 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน และราคาก็ดีดตัวในเวลาสองวันถัดมา ทำให้ราคาค่อย ๆ ทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงถึงภาพรวมที่เป็นบวก ทำให้มูลค่ารวมของตลาดเงินคริปโตเพิ่มขึ้นในรอบ 7 วัน จาก $447 พันล้านเหรียญ เป็น $465 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ดัชนี Crypto Fear & Greed Index อยู่ในระดับเดียวกันกับสัปดาห์ก่อนหน้าเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ 90 คะแนน อยู่ในโซนที่นักพัฒนาดัชนีออกแบบให้ว่าเป็นระดับ “โลภอย่างยิ่ง” ตัวเลขนี้ชี้ว่าราคาคู่ BTC/USD มีแรงซื้อมากเกินไปและคาดว่าจะมีการปรับฐานราคา ทั้งนี้ ในสถานการณ์เดียวกันเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ราคาได้ปรับฐานลดลง 8% แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันกลับขึ้นมาสู่ระดับเดิมได้
สำหรับ Ethereum มีรายงานว่า ความพึ่งพาบิทคอยน์เริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดสองสกุลนี้ลดลง ท่ามกลางการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดตัวเครือข่าย ETH 2.0 เวอร์ชันอัปเดต ปัจจัยนี้เองที่ได้เร่งการแยกตัวออกจากอัลท์คอยน์หลักคือ BTC ขณะนี้ ความสัมพันธ์ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2018 หากราคาอีธีเรียมสามารถขยับขึ้นมาที่ $500 ในเดือนธันวาคม ท่ามกลางราคาบิทคอยน์ที่อ่อนค่า (ขณะนี้ ETH อยู่ที่ $460) ก็จะสามารถ “เข้าร่วม” กับ “พี่ชายคนโต” ได้สำเร็จ
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD 90% ของผู้เชี่ยวชาญจาก Wall Street Journal จำนวน 65 คน มองว่า ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินน่าจะลดลงอย่างชัดเจนหลังจากผลลัพธ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และข่าวเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 นอกจากนี้ คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป เชื่อว่าหลายอย่างได้มีความชัดเจนมากขึ้นสำหรับเธอ โดยเฉพาะจากชัยชนะของนายโจ ไบเดน ความสำเร็จของการเจรจาเบร็กซิต และการพัฒนาวัคซีน ด้วยเหตุนี้ ยิ่งความชัดเจนมากขึ้น ความต้องการที่จะกว้านซื้อเงินดอลลาร์จะลดลง และคนจะยิ่งมีความต้องการในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงมากขึ้น ทั้งหมดนี้จึงน่าจะทำให้คู่ EUR/USD ขยับขึ้นต่อไป
แต่มุมมองของลาการ์ดยังคงไม่ใช่มุมมองของตลาดทั้งหมด คลื่นการระบาดที่สองกำลังทวีความรุนแรง สหรัฐฯ จะมีท่าทีอย่างไรภายใต้รัฐบาลของนายไบเดนนั้นยังไม่มีใครทราบ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญ Wall Street Journal 58% คาดการณ์ว่า ขนาดของมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจจะอยู่ที่ $1-2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วน 29% โหวตว่ามาตรการจะน้อยกว่า $1 ล้านล้านดอลลาร์ และอีก 13% ที่เหลือตั้งเป้าไว้ที่ $2-3 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีคำถามเกี่ยวกับสงครามทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ
ทั้งนี้แตกต่างปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่รับทราบเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี สงครามการค้า หรือวัคซีน ด้วยเหตุนี้ แม้ตลาดจะปกคลุมด้วยความไม่แน่นอน การวิเคราะห์อินดิเคเตอร์ให้ภาพที่ชัดเจนมากกว่า อินดิเคเตอร์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 75% ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณสีเขียว ซึ่งมีเพียงออสซิลเลเตอร์ 25% เท่านั้นที่ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน overbought
ทางด้านนักวิเคราะห์ แม้ว่าจะมีอารมณ์ใกล้เคียงกับความคาดหมายของ คริสติน ลาการ์ด แต่ก็ยังยากที่จะเรียกว่าอารมณ์เหล่านี้ปกคลุม ตลาดกระทิงยังได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญ 50% เข้าข้างตลาดกระทิง ส่วนตลาดหมีมีผู้สนับสนุน 40% ในขณะที่ 10% มีท่าทีเป็นกลาง
ช่วงการเทรดที่แคบที่สุดของคู่นี้จำกัดอยู่ที่ 1.1740-1.1845 และช่วงถัดไปคือความผันผวนจะเพิ่มขึ้นที่ 1.1700-1.1900 และท้ายที่สุด ช่วงการผันผวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมคือที่ 1.1600-1.2000
ในบรรดาเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ คือ การประกาศสถิติมหภาคเกี่ยวกับตลาดผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายนที่ควรให้ความสำคัญ - GBP/USD ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติอังกฤษกล่าวว่ามาราธอนยังคงเดินหน้าต่อ แม้ความตึงเครียดจะลดลง ในสัปดาห์ที่แล้ว นายแอนดริว ไบเลย์ กล่าวแถลงสามครั้ง ในขณะที่สัปดาห์หน้านี้เขามีกำหนดจะกล่าวแถลงเพียงครั้งเดียวในวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน ทั้งนี้ เป็นไปได้ที่จะคาดการณ์ว่า วัตถุประสงค์ของกิจกรรมสาธารณะดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นความพยายามของธนาคารกลางฯ ที่จะโน้มน้าวรัฐบาลและสาธารณชนว่า ธนาคารกลางฯ นั้นตระหนักดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเราควรมองไปข้างหน้าด้วยทัศนคติในทางบวก
อย่างไรก็ตาม การมองโลกในแง่ดีของนักการเงินเกี่ยวกับแนวโน้มของเงินปอนด์นั้นได้รับการสนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์เทรนด์บนกรอบ H4 และ D1 และออสซิลเลเตอร์บน H4 เท่านั้น แต่บนกรอบ D1 มีความสับสนในหมู่ออสซิลเลเตอร์ หนึ่งในสามให้สัญญาณสีเขียว หนึ่งในสามสีแดง และอีกหนึ่งในสามเป็นสีเทากลาง สีดังกล่าวนี้บังเอิญแทบจะตรงกับคำทำนายของนักวิเคราะห์ ซึ่ง 30% เห็นว่าราคาจะขยับขึ้น 25% คาดว่าจะลดลง และอีก 45% มีท่าทีเป็นกลาง ทางด้านการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ดูเหมือนว่าจะโน้มเอียงไปทางการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ และปอนด์อ่อนค่าลง มีแนวรับอยู่ที่ 1.3100 และ 1.3055 ส่วนเป้าหมายคือการกลับมาสู่ช่วง 1.2850-1.3000 โดยมีระดับแนวต้านที่ 1.3315 และ 1.3285 - USD/JPY เป็นที่ทราบกันว่า อัตราแลกเปลี่ยนของคู่นี้ได้รับอิทธิพลจากผลตอบแทนของสินทรัพย์สหรัฐฯ หลังจากราคาขยับมาที่ 103.15 คู่นี้ได้กลับทิศทางและขยับไปที่ระดับ 105.65 และดูน่าประทับใจมาก แต่ผลลัพธ์ของสัปดาห์ดูไม่สดใสมากเท่าใดนัก หลังจากราคาขยับขึ้นก็กลับลงมา ทำให้เงินเยนฟื้นขึ้นมาจากที่อ่อนค่าลงไป 40%
หากคุณดูที่กราฟ D1 คู่ USD/JPY ยังคงอยู่ในกรอบขาลง ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม 2020 และไม่ว่าเทรนด์จะกลับทิศทางหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯ และนโยบายของธนาคารเฟด ซึ่งในส่วนนี้นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้รับตำแหน่งในทำเนียบขาวเร็ว ๆ นี้ และพรรคใดจะคุมวุฒิสภาในสหรัฐฯ
ในระหว่างนี้ นักวิเคราะห์ 60% ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์เทรนด์ 90% และออสซิลเลเตอร์ 70% บนกรอบเวลาทั้งสองเชื่อว่า ราคาจะคงตัวอยู่ในช่องขาลงและจะพยายามทดสอบระดับแนวรับที่โซน 103.00 อีกครั้ง โดยมีแนวรับ คือ 104.35 และ 104.00 ในขณะที่มุมมองทางเลือกชี้ว่า ราคาอาจขยับในตอนแรกไปยังแนวต้านในโซน 105.00 และจากนั้นขึ้นไปที่ 105.65 โดยเป้าหมายถัดไปห่างขึ้นไปอีก 100 จุด
- คริปโตเคอเรนซี เราได้เขียนไปแล้วว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้กลายเป็นไพ่คว้าชัยสำหรับบิทคอยน์ ยิ่งธนาคารกลางต่าง ๆ พิมพ์ธนบัตรมากขึ้นเท่าไร นักลงทุนจะเริ่มหันเข้าหาบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่ไพ่ใบเดียว ผู้แทนในแวดวงเงินคริปโตหลายคนรู้สึกมีกำลังใจจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนายโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะ ชุมชนเงินคริปโตเชื่อว่า รัฐบาลของไบเดนจะแตกต่างจากของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเขา ตรงที่นายไบเดนจะให้เสรีภาพมากกว่าเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและอุตสาหกรรมบล็อกเชนโดยรวม อย่างไรก็ตาม ประเด็นการครองตำแหน่งในทำเนียบขาวของไบเดนนั้นยังไม่คลี่คลายดี เนื่องจากนายทรัมป์ตั้งใจจะให้ศาลตัดสินการกระทำที่ผิดปกติในช่วงการเลือกตั้ง ดังนั้น “เกมครั้งใหญ่” นี้ยังอาจมีเซอร์ไพรส์สำคัญเกิดขึ้นอีกได้
นายไมค์ แม็คโกลน นักวิเคราะห์จาก Bloomberg เชื่อว่า อัตราแลกเปลี่ยนบิทคอยน์จะขยับขึ้นไปอย่างน้อย $20,000 ในปี 2021 และจะทุบสถิติราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ นี่ไม่ใช่การทำนายครั้งแรกของแม็คโกลน เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม เขาชี้ว่าราคาบิทคอยน์จะขึ้นไปยังระดับ $100,000 ภายในปี $100,000 และให้เหตุผลบางประการสำหรับแนวโน้มดังกล่าว ได้แก่ นโยบายทางการเงินของประเทศต่าง ๆ ที่จะทำให้เงินพันธบัตรอ่อนค่า
นายสแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ อดีตเพื่อนร่วมงานนายจอร์จ โซรอส ในกองทุน Quantum เห็นด้วยกับนายแม็คโกลน เขายังคาดการณ์ด้วยว่า ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเป็นเวลาสามถึงสี่ปี เขาเปิดเผยในบทสัมภาษณ์กับ CNBC ว่า เขาได้ลงทุนบางส่วนในบิทคอยน์ ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าบิทคอยน์จะเป็นเครื่องมือในการสะสมมูลค่าที่ดีกว่าทองคำ
โค้งการเติบโตอย่างรวดเร็วของ BTC/USD นั้นทำนายโดยบล็อกเกอร์ชื่อดังภายใต้นามปากกา PlanB หากนายแม็คโกลนคาดการณ์ว่า ราคาบิทคอยน์จะขยับถึง $100,000 ในปี 2025 เท่านั้น PlanB กลับมองว่า เราจะได้เห็นราคาดังกล่าวภายในเดือนธันวาคมปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ในช่วงการปรับฐานในตลาดนี้ เขาเห็นปลาวาฬฉลามเริ่มเก็บเงินบิทคอยน์ที่สัดส่วน 0.01 BTC จาก “มือที่อ่อนแอ” กว่าหลายร้อยธุรกรรม หลังจากนั้นเหรียญเหล่านี้ “หายไป” ในหลุม “ลึก” โดยจากโมเดล S2F ชี้ว่า การเคลื่อนย้ายบิทคอยน์ไปยังวอลเล็ตเพื่อบรรจุในระยะยาวนี้นำไปสู่การซื้อขายที่ลดลง โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการฮาล์ฟเหรียญ ซึ่งทำให้เกิดภาวะช็อคและกระตุ้นให้เกิดตลาดกระทิงในช่วง 18-20 เดือนข้างหน้า นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการฮาล์ฟเหรียญครั้งแรกและครั้งที่สองเมื่อปี 2012 และ 2016 PlanB มองว่า พฤติกรรมของบิทคอยน์หลังการฮาล์ฟเหรียญครั้งที่สามในเดือนพฤษภาคม 2020 จะพัฒนาขึ้นเหมือนเข็มนาฬิกา ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่าเขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง
ในขณะนี้ คู่ BTC/USD ได้ขยับถึงระดับสูงสุดในเดือนมกราคม 2018 แต่การเก็บทำกำไรครั้งใหญ่นั้นเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตของราคาอย่างน้อยที่ $20,000 โดยเฉพาะเมื่อไม่มีระดับแนวต้านสำคัญระหว่างทาง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยรอบโลก เช่น ชัยชนะของนายทรัมป์ หรือ วัคซีน COVID-19 ชุดใหญ่ รวมถึงนักขุดเหรียญจากจีนที่เดินเครื่องอุปกรณ์ของพวกเขาอีกครั้ง และจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการปฏิบัติงานที่อาจจะทำให้เทรนด์กลับทิศทาง
ผู้เชี่ยวชาญ 60% คาดการณ์ว่า BTC/USD จะคงตัวเหนือระดับ $17,000 ภายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 20% ให้คำทำนายเป็นกลาง และ 20% ที่เหลือคาดการณ์ว่าราคาจะกลับมาสู่โซน $14,000-15,000
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ