อันดับแรกเป็นบทรีวิวเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD อย่างที่ทำนายไว้โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) ครึ่งแรกของสัปดาห์เป็นผลดีต่อดอลลาร์ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และคู่ EUR/USD ปรับตัวลงมายังแนวรับที่ 1.2050 รายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งประกาศเมื่อวันพุธที่ 12 พฤษภาคม ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนเมษายนและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นอัตรารายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 สำหรับรายปีนี้ ระดับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นที่ 4.2% เทียบกับ 2.6% ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2020 และมีนาคม 2021 ซึ่งเป็นอัตราการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008
เนื่องด้วยการทะยานขึ้นครั้งนี้ จึงมีข่าวลือเข้ามาวนเวียนในตลาดอีกครั้งเรื่องความเป็นไปได้ในการจำกัดมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย USD
ความต้องการความเสี่ยงเริ่มลดลง ในขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนีหุ้น Dow Jones ปรับลดลง และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รอบ 10 ปีเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารเฟดทราบดีว่าจะฟื้นระเบียบกลับคืนสู่ตลาดอย่างไร ธนาคารฯ ออกมาอธิบายว่าการทะยานขึ้นของภาวะเงินเฟ้อและราคาผู้บริโภคในครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว และมีสาเหตุอันดับแรกมาจากค่าบริการขนส่งและรถยนต์มือสองที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ธนาคาร FRS จึงไม่มีความประสงค์ที่จะจำกัดมาตรการ QE หรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเนื่องด้วยมีการเติบโตของภาคเศรษฐกิจเดียวโดยเฉพาะ
สถานการณ์กลับตาลปัตร 180 องศา หลังจากคำอธิบายดังกล่าว ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำมูลค่าสูงสุดในรอบสองเดือนครึ่งที่ผ่านมา และค่าเงินยูโรฟื้นขึ้นมาอีก 100 จุด เทียบกับดอลลาร์ และปิดที่ 1.2143 - GBP/USD อินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 85% ชี้ไปทางทิศเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 30% เท่านั้นที่เห็นด้วยว่า หลังจากราคาตัดทะลุกรอบด้านบนของช่อง 1.3670-1.4000 ราคาจะสามารถขยับถึงแนวต้านที่ 1.4085 แต่กลุ่มนี้เองที่ทำนายได้อย่างถูกต้อง ราคาสูงสุดในรอบสัปดาห์อยู่ที่ 1.4165 เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม ในวันถัดมา รายงานระดับเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กดราคาลงมายังระดับ 1.4000 ซึ่งเปลี่ยนแนวต้านให้เป็นแนวรับ แนวโน้มขาลงนั้นเกิดจากการเก็บกำไรของฝั่งเงินปอนด์หลังจากทำราคาสูงสุดในรอบสองเดือน จากนั้นตามมาด้วยการรีบาวด์ และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.4096
- USD/JPY การคาดการณ์ของคู่นี้ปรากฏว่าค่อนข้างมีความแม่นยำ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ในทางแปรผกผันกับดัชนีดอลลาร์ DXY ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม ตามคำทำนายของผู้เชี่ยวชาญ 70% โดยราคาได้ขยับไปยังระดับแนวรับที่ 108.35 จากนั้นก็เป็นไปตามความคาดหวังของนักวิเคราะห์ 30% โดยราคาได้ตัดทะลุแนวต้านที่ 109.00 และขยับขึ้นถึงระดับ 109.78 และปิดท้ายสัปดาห์ที่ระดับ 109.35
- คริปโตเคอเรนซี ดูเหมือนผู้มีอิทธิพลในตลาดคริปโตนั้นมัวแต่พยายามจะทำลายตลาดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
นายวิตาลิค บูเทอริน เศรษฐีพันล้านคริปโต ทำให้ราคา Dogecoin ลดลงเฉลี่ย 50% โดยผู้ก่อตั้งเหรียญสัญลักษณ์อย่าง Shiba Inu, Akita Inu และ Dogelon ได้ส่งเหรียญของพวกเขาให้เป็นของขวัญกับนายบูเทอริน ผู้ก่อตั้งเหรียญ Ethereum โดยหวังว่าเขาจะไม่ใช้มันและจะให้เสียงตอบรับดี ๆ แทน แต่นายบูเทอรินกลับใช้เงิน 50 ล้านล้าน Shiba Inu ($1.2 พันล้านเหรียญ ณ ขณะที่ทำธุรกรรม) เพื่อบริจาคเงินช่วยเหลือประเทศอินเดียในการต่อสู้กับโรคโควิด และบริจาคเงินครึ่งหนึ่งของเหรียญ Akita Inu ($431 ล้านดอลลาร์) บนแพลตฟอร์ม Gitcoin ส่งผลให้เหรียญตลก ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ต้องสูญเสียมูลค่ากว่าครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงวันเดียว
นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งบริษัท Facebook ก็มีท่าทีที่แตกต่างออกมาเช่นกัน เขาแชร์ภาพแพะสองตัว โดยเรียกหนึ่งในตัวนั้นว่าบิทคอยน์ ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเริ่มสังเกตเห็นสารข้อความลับในรูปนี้ และบางคนก็มองว่ามันเป็นเสียงสะท้อนในแง่ลบ โดยมองว่านายซัคเคอร์เบิร์กเปรียบเทียบผู้ถือบิทคอยน์กับสัตว์เหล่านี้ ความหมายที่เศรษฐีพันล้านคนนี้ต้องการจะสื่อยังคงเป็นความลับ ราคาบิทคอยน์ลดลงประมาณ $5,000 หลังจากที่มีการแชร์โพสต์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอีลอน มัสก์ ต่างหากที่เป็นผู้ทำให้ตลาดทรุดหนักมากที่สุดด้วยทวีตข้อความของเขา เขาแสดงความกังวลเกี่ยวกับ “การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่สูงขึ้นสำหรับการขุดเหรียญและธุรกรรมบนเครือข่ายบิทคอยน์” เมื่อวันพุธ และประกาศว่า Tesla จะไม่รองรับคริปโตเคอเรนซีเพื่อใช้ซื้อขายรถยนต์อีกต่อไป ตลาดตอบสนองต่อข้อความนี้โดยทรุดตัวลงอย่างหนัก ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น คู่ BTC/USD ปรับลดลงเกือบ 20% ทำให้ราคาขยับถึงระดับแนวรับสำคัญในระยะกลางที่โซน $46,600-47,000 บางที ราคาอาจจะตัดทะลุระดับดังกล่าวได้ แต่ความวิตกกังวลนั้นเริ่มผ่อนคลายบางส่วนหลังจากมีข้อความจากนายมัสก์ว่า Tesla จะไม่ขายเหรียญบิทคอยน์ที่เคยซื้อไว้ก่อนหน้านี้
อย่าลืมว่าราคา BTC พุ่งขึ้น 22% เมื่อสามเดือนที่แล้วจากรายงานข่าวว่า Tesla ได้ลงทุนเป็นเงิน $1.5 พันล้านดอลลาร์ในบิทคอยน์ และพร้อมที่จะรองรับคริปโตเคอเรนซีสกุลนี้ในฐานะสื่อกลางการชำระเงิน มูลค่ารวมของตลาดคริปโตเติบโตขึ้นมากกว่าสองเท่าจากช่วงเวลาดังกล่าวจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม จาก $1.180 ล้านล้าน เป็น $2,556 ล้านล้านดอลลาร์ และขณะนี้ มูลค่าดังกล่าวลดลง $437 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 12 และ 13 พฤษภาคม จริงอยู่ที่สถานการณ์เริ่มค่อย ๆ คงที่ในช่วงเย็นวันศุกร์ มูลค่าตลาดนั้นเติบโตขึ้น $210 พันล้านดอลลาร์ และราคาคู่ BTC/USD ขยับขึ้นเป็น $50,000
ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ปรับลดลงจาก 64 เหลือ 24 จุด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และในขณะนี้อยู่ในโซน “หวาดกลัว” อ้างอิงจากนักพัฒนาดัชนี เราอาจเริ่มคิดเกี่ยวกับการเปิดตำแหน่งซื้อในช่วงเวลานี้ แต่หากคุณเริ่มจะซื้อจริง คุณจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในช่วงหวาดวิตก นักลงทุนอาจเริ่มขาย BTC อย่างต่อเนื่องได้
เราขออ้างอิงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก JPMorgan ในบทวิเคราะห์ครั้งที่แล้วว่า “บิทคอยน์ตอบสนองต่อความผันผวนที่สำคัญทุกอย่างในตลาด ด้วยเหตุนี้เอง การปรับฐานจึงเริ่มขึ้นโดยทันที ในขณะที่ Ethereum นั้นมีสภาพคล่องที่ดีกว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่าต่อปัจจัยภายนอก”
สัปดาห์ที่แล้วได้ยืนยันอีกครั้งถึงความถูกต้องของบทวิเคราะห์ดังกล่าว หากราคาบิทคอยน์เคยอยู่ที่ระดับนี้เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 และในวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม ราคา Ethereum นั้นเพิ่มขึ้นมาเกือบ 130% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน โดยขยับขึ้นมาจาก $1,750 เป็น $4,000
มูลค่ารวมของอีธีเรียมก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน “ดัชนีการครองตลาดของบิทคอยน์ลดลงจาก 72.65% เหลือ 40.55% นับตั้งแต่ต้นปี ในทางกลับกัน สัดส่วนของ Ethereum เพิ่มขึ้นจาก 10.79% เป็น 20.52% (สูงสุดของสัปดาห์) และหากเทรนด์นี้ยังมีผลต่อไป คริปโตเคอเรนซีสองสกุลนี้อาจมีตำแหน่งที่เท่ากันในตลาดภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD ตลาดเริ่มมีเหตุผลอีกครั้ง โดยเริ่มตระหนักได้ว่า เวลานี้ยังคงห่างไกลจากการเริ่มต้นจำกัดมาตรการกระตุ้นทางการคลังของสหรัฐฯ ผู้บริหารธนาคารเฟดเน้นย้ำต่อเนื่องว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างมั่นคงในการจ้างงานและระดับเงินเฟ้อ ก่อนที่จะเริ่มหารือเรื่องกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการจำกัดนโยบายทางการเงิน
นักวิเคราะห์จาก BofA Merrill Lynch เชื่อว่า พฤติกรรมของคู่ EUR/USD ได้รับอิทธิพลหลักมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยุโรปก็ไม่ถูกตัดออกไปโดยสิ้นเชิง ยูโรโซนยังดูแข็งแกร่งมากในวันนี้เทียบกับสองสามเดือนก่อนหน้า อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นและมาตรการกักตัวที่ลดลงเริ่มเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน คณะมนตรียุโรปได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2021 แล้ว จาก 3.8% เป็น 4.3%
ความจงรักภักดีของธนาคารเฟดต่อนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนและความนิ่งเฉยต่อภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังส่งผลเป็นแรงกดดันต่อดอลลาร์ นักลงทุนจะยังคงหาวิธีที่จะปกป้องคุ้มครองเงินของตนจากมูลค่าที่ลดลงเนื่องด้วยภาวะเงินเฟ้อ สถานการณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เข้าข้างฝั่งตลาดกระทิงเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน เราไม่ควรลืมเกี่ยวกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งหากเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลเป็นแรงหนุนสำคัญต่อดอลลาร์
หากเราพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในที่นี้ฝั่งที่ได้เปรียบอย่างชัดเจนคือฝั่งสีเขียว ออสซิลเลเตอร์ 70% และอินดิเคเตอร์เทรนด์ 90% บนกรอบ H4 และ 85% และ 100% บนกรอบ D1 ตามลำดับนั้นชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของคู่ EUR/USD
แต่การวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญก็ไม่คลุมเครือมากนัก 50% ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ราคาจะยังคงตัวอยู่ได้สักระยะในกรอบด้านข้างที่ 1.1985-1.2180 ในขณะเดียวกัน การวิเคราะห์กราฟบนทั้งสองกรอบเวลาชี้ให้เห็นว่า ราคาจะขยับลดลงในตอนแรกไปยังกรอบด้านล่างของช่องดังกล่าว
ส่วนนักวิเคราะห์ 30% โหวตว่า แนวรับนี้จะถูกตัดทะลุลง และราคาจะดิ่งลงต่อไปอีก 100 จุด ด้าน 20% ที่เหลือชี้ไปยังทิศเหนือที่โซน 1.2250-1.2270
ในส่วนเหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ เราควรให้ความสนใจกับสถิติ GDP ของยูโรโซนในไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งจะประกาศในวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม รวมถึงถ้อยแถลงของ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป ในวันที่ 18 และ 20 พฤษภาคม และการประกาศดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเยอรมนีและยูโรโซนในวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม ก็น่าสนใจเช่นกัน - GBP/USD ผลการวิเคราะห์ออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 ดูค่อนข้างน่าสับสน แต่ 85% ให้สัญญาณไปทางทิศเหนือบนกรอบ D1 เช่นเดียวกับคู่ EUR/USD ในส่วนการวิเคราะห์อินดิเคเตอร์เทรนด์ก็คล้ายกันกับคู่ดังกล่าวเช่นกัน 90% ของอินดิเคเตอร์เทรนด์หันไปทางทิศเหนือบนกรอบ H4 และ 100% บนกรอบ D1
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ราคาคู่นี้จะเริ่มต้นสัปดาห์ที่ช่วง 1.4100-1.4200 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ 65% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ D1 คาดว่าราคาจะกลับมายังแนวรับที่ 1.4000 และในกรณีที่ราคาตัดทะลุ จะสามารถขยับไปยังโซนตรงกลางที่กรอบ 1.3670-1.4000
ในส่วนการวิเคราะห์กราฟให้ภาพกรอบด้านข้างที่ 1.4000-1.4165 บน H4 ตามมาด้วยการตัดทะลุไปยังราคาสูงสุดของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ 1.4240
ด้านสถิติเศรษฐกิจมหภาคของสหราชอาณาจักร เราอาจเน้นให้ความสนใจการประกาศสถิติตลาดแรงงานในวันที่ 18 พฤษภาคม สถิติตลาดผู้บริโภคในวันที่ 19 พฤษภาคม และกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการของสหราชอาณาจักรในวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม - USD/JPY ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) เข้าข้างฝั่งตลาดหมีเป็นเวลาสี่สัปดาห์ติดต่อกัน แนวรับในที่นี้ได้แก่ 109.00, 108.35 ส่วนเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 107.50 ด้านนักวิเคราะห์ 35% ที่เหลือ คาดว่าราคาคู่นี้จะพยายามอีกครั้งที่จะทดสอบระดับแนวต้านที่ 111.00 ครั้งสุดท้ายที่ราคาสามารถพิชิตระดับดังกล่าวได้สำเร็จเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งปีมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2020
ในส่วนออสซิลเลเตอร์บนกรอบ H4 มี 50% ที่ให้สัญญาณสีเขียว 50% เป็นสีเทากลาง ส่วนกรอบ D1 ให้ท่าทีเป็นกลางที่ 25% ในส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์ 70% หันไปทางทิศเหนือบนกรอบ H4 และ 90% บนกรอบ D1 ด้านการวิเคราะห์กราฟชี้ว่ากรอบการซื้อขายจะอยู่ที่ 108.85-110.35 - คริปโตเคอเรนซี มาเริ่มกันที่การวิเคราะห์ทางเทคนิค ขณะนี้ คู่ BTC/USD ได้ตัดทะลุเส้น SMA 50 วัน และมี pivot point ใหม่ในโซน $50,000 ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่แข็งแกร่ง และเป็นจุดที่ตัดกันกับเส้น SMA 100 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า นี่คือการก่อตัวของช่วงหัวไหล่ของรูปแบบ “head and shoulders” ซึ่งยิ่งเพิ่มโอกาสให้ราคาตัดทะลุลงด้านล่างมาที่ระดับ $40,000 และเป้าหมายถัดไปของฝั่งตลาดหมี คือ ระดับต่ำสุดของเดือนมกราคมที่ 2021 ในโซน 30,000
ท่าทีของ นายวิตาลิค บูเทอริน และนายอีลอน มัสก์ ที่ดูเหมือนจะร่วมกันสนับสนุน Dogecoin ในช่วงพีคของเหรียญบิทคอยน์ ก็ไม่ช่วยเพิ่มทัศนคติที่ดีต่อนักลงทุน BTC เช่นกัน ท่าทีแรกคือเหมือนจะเคลียร์ทางให้กับ Dogecoin โดยทำให้ราคาโคลนคู่แข่งลดลง 50% ในขณะที่ท่าทีที่สอง คือ การปฏิเสธที่จะขายรถยนต์ Tesla เป็นเงินบิทคอยน์ แต่บริษัท SpaceX ของนายมัสก์เริ่มพัฒนาความร่วมมือกับนักพัฒนา Dogecoin โดยจ่ายเงินให้กับการปล่อยดาวเทียมใหม่ไปยังดวงจันทร์ด้วยเงินสกุลนี้ และยังตั้งชื่อเล่น “dogefather” ให้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่าทุกคนหันหลังให้กับบิทคอยน์แล้วเหรือยัง
ทางด้าน PlanB ผู้เป็นเจ้าของโมเดลการทำนายราคาบิทคอยน์ S2FX ชื่อดัง คาดว่า ราคาเหรียญจะยังคงขยับขึ้นต่อไป เขาจึงเติมกระเป๋าคริปโตโดยซื้อ BTC เพิ่มที่อัตรา $58,776 ต่อเหรียญ ในขณะที่ส่วนหนึ่งของข้อสนับสนุนแนวโน้มเติบโตของบิทคอยน์คือ การเติบโตของเงินสำรองดอลลาร์ stablecoins ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ซึ่งขนาดนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดที่ $11.5 พันล้านดอลลาร์ ความสนใจในบิทคอยน์ก็สังเกตเห็นได้จากนักขุดเหรียญส่วนหนึ่ง เป็นอีกครั้งที่แฮชเรตของเหรียญนี้กลับมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง
นักวิเคราะห์จากบริการวิจัยของ Whalemap นำเสนอบทวิเคราะห์สำหรับราคา BTC โดยชี้ว่า นักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงบริษัทคลาสสิกจากโลกแห่งการเงินยังคงเข้าซื้อบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง Whalemap จึงเชื่อว่า ระดับราคาที่ $52,000 คือ จุดที่ราคาจะไม่ไปไหนอีกเป็นเวลานาน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังทำนายว่า บิทคอยน์อาจสามารถยืนเหนือระดับ $60,000 ในอนาคตอันใกล้ได้
ในส่วนการวิเคราะห์ในระยะยาว นายมาร์ค ยุสโก ซีอีโอของ Morgan Creek Capital เชื่อว่า บิทคอยน์จะมีมูลค่าถึง $250,000 ภายใน 5 ปี ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การยอมรับเหรียญนี้อย่างรวดเร็วจะเหมือนกับการยอมรับ Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Google นอกจากนี้ มูลค่าของบิทคอยน์อาจได้รับผลจากสถานการณ์ในตลาดเงินพันธบัตรที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก
“ครั้งหนึ่ง บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งสามารถเพิ่มมูลค่าในตลาดเป็นหลายล้านล้านดอลลาร์ได้ในเวลา 10-20 ปี คริปโตเคอเรนซีหลักก็สามารถทำสิ่งนี้ได้เร็วยิ่งกว่า ผมไม่คิดว่าคริปโตเคอเรนซีจะขาดทุนสะสมอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้” นายยุสโกเชื่ออย่างนั้น “ตลาดมีนักลงทุนจำนวนมากที่จะไม่ยอมออกจากตลาดจนกว่าจะถึงตอนสุดท้าย”
ในขณะเดียวกัน ประธาน Morgan Creek Capital ก็แสดงความเห็นต่อผู้ที่ชื่นชอบ dogefather ด้วยเช่นกัน “แต่ไม่ใช่สินทรัพย์ทุกชนิดที่มีประโยชน์และมีศักยภาพ เช่น Dogecoin มันเป็นแค่มุกตลกและเป็นเรื่องการตลาดสำหรับผม มันก็ปกติที่ราคาเหรียญแพงขึ้นเมื่อเริ่มมีความเชื่อมโยงกับ นายอีลอน มัสก์ ผมคิดว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับเหรียญทุกชนิด แม้ว่ามันจะไม่มีมูลค่าที่แท้จริง”
ชื่อของประธาน Tesla และ SpaceX เป็นที่พูดถึงและได้ยินกันแล้วมากมายหลายครั้งในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ ทั้งนี้ ความกังวลต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมในการขุดเหรียญบิทคอยน์ของเขานี้เองที่ทำให้ตลาดทรุดตัวลง และก็ยังไม่ตัดโอกาสที่หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง บิทคอยน์จะถูกแบ่งออกเป็นสองเหรียญ คือ BTC “สีเขียว” ที่ขุดจากแหล่งพลังงานทดแทน และ “สีแดง” การขุดเหรียญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศบนโลกของเรา แต่ผลปรากฏว่า มิจฉาชีพได้ค้นพบ “ฟาร์มขุดเหรียญ” ที่ไม่บริโภคกระแสไฟฟ้าใด ๆ ได้แล้ว
ตำรวจได้จับผู้ต้องหาสองรายในเมืองเล็ก ๆ ประเทศรัสเซีย ซึ่งได้โพสต์โฆษณาบนอินเทอร์เน็ตเรื่องการขายฟาร์มขุดเหรียญ ชายในหมู่บ้านคนหนึ่งตอบกลับและโอนเงิน 1,000 รูเบิล (ประมาณ $13) ล่วงหน้า หลังจากมิจฉาชีพส่งรูปภาพพัสดุแล้ว ลูกค้าก็ส่งเงินจำนวนที่เหลือ แต่ปรากฏว่า เมื่อเปิดพัสดุออกมา เขาพบเพียงขวดน้ำพลาสติกสองขวด และอุปกรณ์ดับเพลิงเก่า ๆ ในนั้น แน่นอนว่าโอกาสที่จะได้รับ “ฟาร์ม” แบบนี้นั้นต่ำกว่าศูนย์ แต่หากว่าใครประสบความสำเร็จ นี่อาจจะกลายเป็นคริปโตเคอเรนซีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก :)
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ