บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีประจำวันที่ 7 - 11 มิถุนายน 2021

อันดับแรกเป็นบทรีวิวเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

  • EUR/USD ในบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่แล้ว 50% ของนักวิเคราะห์คาดว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และคู่ EUR/USD จะปรับลดลงมายังบริเวณ 1.2000 โดย 30% โหวตให้กับเทรนด์ด้านข้างต่อไปในกรอบ  1.2125-1.2265 และอีก 20% เห็นด้วยว่าเทรนด์จะทะลุกรอบด้านบนของช่องดังกล่าว
    ราคาได้ขยับขึ้นจริงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และขยับใกล้เกือบถึงกรอบด้านบนเมื่อวันอังคารที่ 1 มิถุนายน ที่ระดับ 1.2255 ฝั่งกระทิงได้รับแรงหนุนจากสถิติเป็นบวกของตลาดผู้บริโภคยูโรโซน อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะดันราคาขึ้นต่อไป และดัชนี ISM PMI ในภาคการผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏว่าเป็น “สีเขียว” เช่นกันนั้นทำให้ราคากลับตัวลงมา ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน หลังจากการประกาศสถิติที่แข็งแกร่งจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทำสถิติต่ำสุดในรอบหลังการแพร่ระบาดเป็นเวลาห้าครั้งติดต่อกัน โดยลดลงเหลือ 385,000 และอัตราการจ้างงานในภาคเอกชนจาก ADP เพิ่มขึ้นเป็น 978,000 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี ด้วยเหตุนี้ ดัชนีดอลลาร์ DXY จึงพุ่งขึ้น 0.66% ขึ้นมาถึง 60 จุด และกลับสู่ระดับตรงกลางของเดือนที่แล้ว ในขณะที่คู่ EUR/USD หลังจากราคาได้ตัดลงกรอบด้านล่าง ราคาขยับลงต่อมาที่ 1.2103
    ตลาดหยุดชะงักหลังรอการประกาศสถิติตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้วจะประกาศในช่วงวันศุกร์สุดท้ายของเดือน แต่สถิติตัวนี้เองที่ทำให้คนที่คาดการณ์การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ต้องผิดหวัง ตัวเลขประกาศออกมาที่ 599K แทนที่คาดการณ์ไว้ คือ 650K ส่งผลให้ราคากลับมาสู่โซนด้านข้างที่ 1.2125-1.2265 แทบจะทันทีและปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.2165
  • GBP/USD เกิร์ธยาน วลีก์ฮี ผู้จัดการธนาคารแห่งชาติอังกฤษได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม ว่าอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 คำพูดดังกล่าวทำให้ฝั่งกระทิงหวังว่า เงินปอนด์จะทำระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือนที่ 1.4240 ได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่ฝั่งหมีตัดสินใจว่าตอนนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะด่วนดีใจ และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ยังคงอยู่ห่างไกล และหลายอย่างอาจเกิดขึ้นในระหว่างนี้ได้ จากนั้นสถิติที่แข็งแกร่งจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งประกาศออกมาเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน และมีสถิติที่น่าผิดหวังในวันที่ 4 มิถุนายน
    โดยทั่วไปแล้ว คู่นี้คล้ายกันกับคู่ EUR/USD โดย GBP/USD ขยับออกด้านข้างตามคลื่นข่าวที่ประกาศออกมาหลากหลายทิศทาง ทำให้ราคาปิดอยู่ในกรอบด้านข้างรอบสามสัปดาห์ที่ 1.4075-1.4220 และปิดท้ายที่โซน 1.4165
  • USD/JPY เราได้เรียกผลการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่นี้ไว้ว่า Greenpeace ในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้ว ฝั่งเขียวปกคลุมอย่างทรงพลัง ในส่วนผู้เชี่ยวชาญ 60% สนับสนุนแนวโน้มฝั่งกระทิงและก็ไม่มีผิดพลาดด้วยเช่นกัน ราคาได้ขยับขึ้นตามการเติบโตของดัชนีดอลลาร์ DXY และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยราคาคู่นี้ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบสองเดือนที่ 110.20 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน และไต่ขึ้นยังระดับ 110.32 แต่หลังจากนั้น สถิติ NFP ส่งผลให้เกิดแรงกดดันตลาดหมีที่สำคัญและทำให้ราคาปิดตลาดที่ 109.50
  • คริปโตเคอเรนซี บิทคอยน์พุ่งทะยานทำระดับสูงสุดที่ $64,595 ต่อ BTC เมื่อวันที่ 14 เมษายน ในวันดังกล่าว สัญญาฟิวเจอร์สของเดือนมิถุนายนทำราคาสูงขึ้นยิ่งกว่าที่ $66,450 และจากนั้นตามมาด้วยเดือนพฤษภาคม เนื่องด้วยความพยายามของ นายอีลอน มัสก์ และรัฐบาลจีน ทำให้บิทคอยน์เสียมูลค่ากว่าครึ่งหนึ่ง และใช้เวลาสองสัปดาห์ครึ่งที่เหลือแข็งตัวอยู่ที่บริเวณ $36,000-37,000
    โดยทั่วไปแล้ว การแข็งตัวดังกล่าวจะตามมาด้วยการก้าวกระโดดอย่างน่าประทับใจ แต่จะเป็นในทิศทางใด: ขึ้นเหนือ หรือ ลงใต้? ทุกอย่างที่เกิดขึ้นชี้ว่าการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในที่นี้นั้นไม่สมเหตุสมผล แม้แต่การเดาจากดวงดาวหรือใช้เมล็ดกาแฟทำนายดวงอาจจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ตลาดนี้ถูกกำกับด้วยข่าว COVID-19, ข่าวรัฐบาล, และบรรดาผู้ทรงอิทธิพล
    วัฒนธรรมบรรษัทสมัยใหม่มักจะมีความเกี่ยวข้องกับกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ผู้ทรงอิทธิพลคนหลักอย่าง นายอีลอน มัสก์ สนใจด้วยเช่นกัน เขายังส่งอิทธิพลต่อนักลงทุนด้วยทวีตข้อความของเขา ในสัปดาห์ที่แล้วนั้น เขาสร้างกระแสให้เกิดการคาดการณ์อย่างกำกวมว่า Tesla อาจละทิ้งบิทคอยน์โดยถาวรหรือไม่ และจึงดับความหวังของฝั่งกระทิงที่จะตัดทะลุระดับ $40,000
    ในส่วนท่าทีของรัฐบาลต่าง ๆ ก็น่าสับสนเช่นกัน เราได้คุยในรายละเอียดในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้วเกี่ยวกับท่าทีของปักกิ่ง ซึ่งตัดสินใจขจัดคริปโตเคอเรนซีอย่างเด็ดขาด และ นายพาสคาล บลังก์ ผู้บริหารสูงสุดที่ Amundi หนึ่งในบริษัทการบริหารจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดก็สนับสนุนท่าทีดังกล่าวเช่นกัน โดยกล่าวว่า คริปโตเคอเรนซีคือ “ละครตลก” และเป็น “ฟองสบู่” และรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ จะ “หยุดเพลงนี้” ในที่สุด
    อย่างไรก็ตาม ธนาคารเฟดสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรปยังไม่ได้เข้ามาแทรกแซงในเกม “ดนตรีคริปโต” นี้ และยังไม่ได้สั่งห้ามหรือคว่ำบาตรผู้ร่วมตลาด แต่ยังจำกัดอยู่ที่การสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น ความนิ่งสงบของพวกเขากลายเป็นตัวอย่างสำหรับหน่วยงานทางการอื่น ๆ ที่มีความสำคัญน้อยกว่า ซึ่งเชื่อเช่นกันว่าในขณะนี้เรายังไม่มีประสบการณ์ที่สะสมมากเพียงพอที่จะดำเนินการใด ๆ อย่างฉับพลัน เช่น นายยาน ธอร์ แซนเนอร์ รัฐมนตรีการคลังนอร์เวย์ กล่าวว่า คนเราควรมีทางเลือกว่าจะลงทุนในบิทคอยน์หรือสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ แน่นอนว่าต้องเป็นไปเฉพาะเมื่อกระบวนการนี้ได้รับการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม
    ชางเผิง เจา ผู้ร่วมก่อตั้ง Binance เห็นด้วยกับรัฐมนตรีนอร์เวย์ท่านนี้ เขาคิดว่าการทำงานเพื่อดำเนินการเรื่องการกำกับดูแลคริปโตเคอเรนซีอย่างชัดเจนนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าแทนที่จะพยายาม “ขจัด” มัน ไม่มีทางที่มาตรการทางการใด ๆ จะสามารถทำลายบิทคอยน์และบล็อกเชนได้ นายชางเผิง เจา กล่าว “คุณไม่สามารถทำลายบิทคอยน์ได้ไม่ว่าในทางใด ๆ เพราะมันอยู่ในหัวของคน 500 ล้านคน”
    จริงอยู่ที่ตลาดคริปโตกลายเป็นตลาดระดับโลกมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่นักเทรดและนักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังรวมถึงธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโลก กองทุนเพื่อการลงทุน และระบบการชำระเงินมากมาย และบิทคอยน์เองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ อย่างเช่น นักเทรดและนักขุดเหรียญชาวจีนสามารถโอนกิจกรรมของพวกเขาไปยังเขตอำนาจศาลอีกแห่งหนึ่งได้ และก็ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนนักว่า จีนจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้หรือไม่อย่างไร
    โดยทั่วไปแล้ว เราคงยังต้องรอดูสถานการณ์ ในระหว่างนี้ ราคาบิทคอยน์แข็งตัวอยู่ในโซน $36,000-37,000  ดัชนี Crypto Fear & Greed Index นิ่งสงบด้วยเช่นกัน โดยขึ้นมาแค่ 6 จุดในรอบสัปดาห์ จาก 21 เป็น 27 แต่ดัชนี Dominance Index ขยับลงมาอย่างราบรื่นอีกครั้ง จาก 43.11% เหลือ 41.7% ของมูลค่ารวมในตลาดคริปโต ซึ่งอยู่ที่ $1.663 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ช่วงเย็นวันที่ 4 มิถุนายน

 

สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:

  • EUR/USD คู่ EUR/USD อยู่ในกรอบด้านข้างที่ 1.2125-1.2265 เป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน และพยายามที่จะตัดทะลุทางใดทางหนึ่งแต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้น หากเราสรุปผลการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทั้งสัญญาณเทรนด์และออสซิลเลเตอร์ เราจะได้ผลลัพธ์เป็นสีกลางเทา
    ในส่วนปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค สถิติที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงานสหรัฐฯ และจำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตร (NFP) ในประเทศ ของเดือนพฤษภาคม แม้ว่าจะต่ำกว่าการคาดการณ์ แต่ก็ยังสูงกว่าของเดือนเมษายนถึงสองเท่า
    ผู้เชี่ยวชาญ 60% เชื่อว่า สถิติที่แข็งแกร่งจากตลาดแรงงานอาจโน้มน้าวให้ธนาคารเฟดลดการซื้อคืนพันธบัตรและจำกัดมาตรการ QE และสิ่งนี้จะนำไปสู่การขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว และดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น อากาศอบอุ่นในช่วงฤดูร้อน จำนวนคนมากมายที่ได้รับวัคซีน COVID-19 รวมถึงการยกเลิกมาตรการจำกัดต่าง ๆ ยังเป็นข้อสนับสนุนเพิ่มเติมอีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม ฝั่งยุโรปก็ไมได้อยู่นิ่งเฉย นักวิเคราะห์ 40% ที่เหลือมองว่า การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์อาจจะเกิดขึ้นแบบชั่วคราว พวกเขาเชื่อว่าสถานการณ์ที่ฟื้นตัวขึ้นในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันนี้เป็นไปตามแผนการของธนาคารเฟด และไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้นโยบายเศรษฐกิจที่รัดกุมขึ้น และขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะหากปราศจากมาตรการเหล่านี้ นักลงทุนจะเริ่มหันไปหาสินทรัพย์ระหว่างประเทศที่น่าสนใจมากกว่าในระยะยาว และเทรนด์ขาขึ้นของคู่ EUR/USD จะได้รับแรงสนับสนุนใหม่
    เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดของตลาดหมีอยู่ที่โซน 1.1985-1.2000 ระดับแนวรับระหว่างนี้ คือ 1.2135, 1.2100 และ 1.2060 ฝั่งกระทิงยังคงวางเป้าหมายที่จะฝ่ากรอบด้านบนที่ 1.2265 และดันราคาให้ขึ้นไปยังระดับสูงสุดของปีที่ 1.2350
    สำหรับเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ได้แก่ การประกาศสถิติ GDP ในยูโรโซนในวันอังคารที่ 8 มิถุนายน และการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรปเรื่องอัตราดอกเบี้ย (คาดการณ์ว่าไม่เปลี่ยนแปลงที่ 0%) ในวันถัดมาที่ 10 มิถุนายน รวมถึงความเห็นของธนาคารกลางยุโรปต่อนโยบายทางการเงิน
    นอกจากนี้ ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 จะพบปะหารือกันในวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน และวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน เหตุการณ์นี้แน่นอนว่ามีความสำคัญ แต่ไม่คุ้มค่าที่จะเฝ้ารอท่าทีฉับพลันใด ๆ
  • GBP/USD เทรนด์ด้านข้างตลอดสามสัปดาห์ส่งผลต่อคำทำนายของผู้เชี่ยวชาญต่อเงินปอนด์อังกฤษด้วยเช่นกัน ในที่นี้ 35% โหวตว่าราคาจะขึ้นไปทางทิศเหนือ, 35% โหวตทิศใต้ และ 30% โหวตทิศทางด้านข้าง อย่างไรก็ดี เมื่อปรับจากการวิเคราะห์รายสัปดาห์มาเป็นรายเดือน จำนวนผู้สนับสนุนว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นเพิ่มขึ้นเป็น 55%
    การวิเคราะห์กราฟให้ภาพรวมจนถึงปลายเดือนมิถุนายนว่า ในอันดับแรก ราคาจะขยับลงไปยังแนวรับที่ 1.4000 จากนั้นจะลงไปยังระดับต่ำสุดในกรอบที่โซน 1.3900-1.3925 และจะกลับมายังโซน 1.4200-1.4220 ด้านออสซิลเลเตอร์ให้สัญญาณหลากหลายทิศทาง ในขณะที่อินดิเคเตอร์เทรนด์ส่วนใหญ่ให้ผลลัพธ์เป็นสีเขียว ซึ่งคิดเป็น 85% ในกรอบ H4 และ 95% บน D1
  • USD/JPY อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคให้ผลวิเคราะห์ที่น่าสับสนสำหรับคู่นี้ มีเพียงอินดิเคเตอร์เทรนด์บนกรอบ D1 ที่ฝั่งสีเขียวมาเหนือกว่าอย่างชัดเจน
    การวิเคราะห์กราฟก็ดูมีความขัดแย้งเช่นกัน ในตอนแรกคาดว่าราคาจะขยับลงมายังระดับ 109.00 และจากนั้นจะลดลงมายังระดับต่ำสุดของเดือนพฤษภาคมที่ 108.35 บนกรอบ H4 ในส่วน D1 บทวิเคราะห์ให้ภาพในทางตรงกันข้าม โดยราคาน่าจะทำระดับสูงสุดของวันที่ 31 มีนาคมที่ 110.95 แนวต้านในระหว่างนี้ คือ 109.70, 110.00 และ 110.30
    ฤดูร้อนที่เขียวชอุ่มยังคงดำเนินต่อไปสำหรับความเห็นของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่วนใหญ่ (75%) คาดว่าราคาจะขยับขึ้น และอีก 25% ชี้ไปทางทิศใต้
    บางทีตำแหน่งของเงินเยนจะได้รับแรงหนุนจากสถิติ GDP ในไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งจะประกาศโดยคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นในวันอังคารที่ 8 มิถุนายน ตามการคาดการณ์นั้น แนวโน้มที่ลดลงของ GDP อาจชะลอตัวจาก 1.3% เป็น -1.2% ซึ่งจะชี้ถึงความเป็นไปที่เศรษฐกิจประเทศเริ่มก้าวออกจากภาวะถดถอย
  • คริปโตเคอเรนซี เรามาเริ่มกันที่มุมมองในแง่ร้ายต่ออนาคต นายนิโคเลาส์ ปานิกิร์ตโซกลู นักยุทธศาสตร์ของบริษัท JPMorgan กล่าวใน Yahoo Finance ว่าเขายังไม่ตัดโอกาสที่ราคาบิทคอยน์จะดิ่งลงต่อ เขากล่าวว่า ความล้มเหลวของบิทคอยน์ที่จะฝ่าผ่านระดับ $60,000 จะนำไปสู่แรงตลาดหมีและการทรุดตัวลงต่อไปโดยอัตโนมัติ ช่วงตลาดทรุดตัวในเดือนพฤษภาคมนี้ส่งผลให้ความต้องการในหมู่นักลงทุนรายสถาบันลดลง ซึ่งทำให้ราคา BTC ไม่สามารถฟื้นตัวจากระดับก่อนหน้าได้ ในมุมมองระยะกลางนี้ เขามั่นใจว่ามูลค่าจากปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมของบิทคอยน์น่าจะอยู่ในช่วง $24,000- $36,000
    “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นและดิ่งลงล่าสุดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าซื้อของนักลงทุนรายสถาบัน” อธิบายโดยนักยุทธศาสตร์ของ JPMorgan “ความผันผวนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาทองคำ ยิ่งกลายเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุนรายใหญ่ และทำให้ราคาทองคำดิจิทัลนี้มีความน่าดึงดูดน้อยกว่าทองคำที่แท้จริง”
    นายแม็กซ์ ไคเซอร์ พิธีกรรายการทีวี และผู้ก่อตั้ง Heisenberg Captal มีความเห็นในทางตรงกันข้าม เขามีมุมมองที่สดใสและคาดว่ามูลค่าของบิทคอยน์จะขยับถึง $220,000 ในช่วงปลายปี 2021 “นี่คือเป้าหมายราคาที่ดูรุนแรง ซึ่งอธิบายได้จากปัญหาที่น่ากังวลของดอลลาร์สหรัฐ” เขากล่าว
    นายไคเซอร์เน้นย้ำว่า ราคาบิทคอยน์ไม่สำคัญเท่ากับอัตราแฮชเรตและปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ ของเครือข่าย ราคาสะท้อนเพียงแค่สถานะของดอลลาร์เท่านั้น และเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า อัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์ก็จะขยับขึ้น และในทางกลับกันเช่นกัน “ผมไม่ดูที่ราคา ผมดูที่แฮชเรต และตัวบ่งชี้นี้ถือว่าคาดการณ์ได้ดี และมีความเสถียรในตลาดกระทิงมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา” เขาอธิบาย
    อัตราการเติบโตของคู่ BTC/USD ยังทำนายไว้โดยนักวิเคราะห์จากบริษัท Fundstrat สัญชาติอเมริกัน พวกเขาได้ข้อสรุปว่า หลังจากศึกษารูปแบบกราฟบิทคอยน์ต่าง ๆ แล้ว แม้ว่าราคาจะมีแนวโน้มลดลงในเดือนพฤษภาคม ราคาบิทคอยน์อาจกลับสู่ระดับ $50,000 ในอนาคตอันใกล้ ในขณะเดียวกัน นายทอม ลี ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat ยังเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคา BTC อาจขยับเกินระดับ $100,000 ในปีนี้ และของ Ethereum น่าจะอยู่ที่ $10,000
    แต่นักวิเคราะห์คริปโต PlanB ที่มีชื่อเสียงจากโมเดล Stock-to-Flow (S2F) ในการทำนายบิทคอยน์ ปรากฏว่าเป็นนักทำนายสุดโต่ง เขาทวีตบอกผู้ติดตาม 517,3000 ของเขาว่า เขาถือว่าการลงทุน BTC เป็นออปชันให้ call “ผมจะพามันไปที่ 0 ไม่ก็ $1 ล้านเหรียญ” เขาอธิบายจุดยืนของเขา โดยเน้นว่าศักยภาพในการขึ้นต่อของบิทคอยน์นั้นสูงกว่าความเสี่ยงที่ราคาจะขยับในทิศทางตรงกันข้าม
    PlanB ไม่ได้วางเฉยต่อการเทขายบิทคอยน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “แล้วอะไรเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมกันแน่? ผู้ที่อ่อนแอขายเหรียญ 1 ล้าน BTC ที่ราคา $30,000-35,000 ซึ่งพวกเขาซื้อมาในช่วงเดือน $55,000-60,000 และประสบกับการขาดทุนสะสมเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ข่าวดีก็คือ: 1 ล้านเหรียญบิทคอยน์เหล่านี้อยู่ในมือผู้ที่เข้มแข็งแล้วตอนนี้” PlanB สรุปการประเมินสถานการณ์ของเขา


กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา