EUR/USD: 3 เหยี่ยว และ 1 นกพิราบที่แจ็คสันโฮล
- การกลับมาของคู่ EUR/USD สู่กรอบ 1.1700-1.1900 ได้มีการทำนายไว้โดยผู้เชี่ยวชาญ 35% และสนับสนุนโดยออสซิลเลเตอร์ 25% ที่ชี้ว่าราคาอยู่ในช่วงมีแรงขายมากเกินไป (oversold) หลังจากราคาทำระดับต่ำสุดใหม่ในรอบปีที่ 1.1665 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ราคาก็เข้าสู่การปรับฐานและขยับไปที่ 1.1775 เมื่อวันพฤหัสบดี
สถิติเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ดูอ่อนแอมากพอสำหรับทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน และความสนใจของตลาดทั้งหมดหันไปที่การประชุมสุดยอดประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม โดยมีการกล่าวถ้อยแถลงโดยผู้แทนจากธนาคารเฟด ซึ่งมีน้ำเสียงที่ดูตึงเข้มมากกว่านักลงทุนได้คาดการณ์ไว้
ในงานนี้ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้กล่าวว่า โครงการซื้อขายสินทรัพย์กำลังส่งผลร้ายมากกว่าผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้ โดยกำลังกระตุ้นให้เกิดฟองสบู่อีกก้อนหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้าน นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ชี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในขณะนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และขั้นตอนการจำกัดมาตรการ QE ควรจะเริ่มขึ้นยิ่งเร็วยิ่งดี
นายโรเบิร์ต แคปลัน จากดัลลาสก็เข้าร่วมในโทนเสียงแข็งกร้าวนี้เช่นกัน ดังนั้น ภาพรวมของผู้บริหารระดับสูงธนาคารเฟดทั้งสามคนอาจสรุปได้ว่าเป็นความต้องการที่จะเริ่มลดโครงการซื้อขายสินทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีหรือช่วงต้นไตรมาสที่สองของปี 2022 คิดเป็นมูลค่า $15 พันล้านเหรียญต่อเดือน การจำกัดในอัตราดังกล่าวจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ทันภายในปีหน้านี้
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวแถลงที่งานประชุมเมืองแจ็คสันโฮลในช่วงปลายสัปดาห์ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม นักลงทุนบางคนหวังว่าท่าทีของเขาจะผ่อนปรนมากกว่าของสามคนก่อนหน้านี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะยิ่งส่งความเสียหายรุนแรงต่อตลาดหุ้น ทำให้ดัชนีหลัก ได้แก่ Dow Jones, S&P500 และ Nasdaq Composite ต้องได้รับความเสียหายหนัก ด้านแนวโน้มตลาดหมีของดัชนีดอลลาร์ DXY ถูกระงับโดยคำแถลงที่ฟังดูแข็งกร้าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ เช่นกัน และแม้ว่าความเห็นพ้องกันส่วนใหญ่ค่อย ๆ ยอมรับว่า ธนาคารเฟดน่าจะประกาศลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเริ่มบังคับใช้แผนต่าง ๆ ในเดือนธันวาคม-มกราคม โดยไม่มีความจำเป็นต้องรอวันที่ตายตัวจากประธานธนาคารเฟด และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ผู้บริหารสูงสุดกล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องกำหนดเวลา และประเด็นนี้จะขึ้นอยู่ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพ และธนาคารกลางจะยังคงใช้แนวทางที่อดทนอดกลั้นในการใช้นโยบาย คำพูดเหล่านี้ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และในทางกลับกัน ดัชนีหุ้นหลายทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนยังไม่ได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการเริ่มต้นจำกัดมาตรการทางการเงิน ณ ขณะนี้ หลังจากมีความลังเลในระดับหนึ่งภายหลังคำแถลงที่ฟังดูผ่อนปรนแบบกำกวมของนายพาวเวลล์นั้น คู่ EUR/USD ก็ขยับขึ้นและทำระดับสูงสุดในกรอบที่ 1.1802 และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.1795
เมื่อกล่าวถึงอนาคต มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 30% ที่โหวตว่าอัตราแลกเปลี่ยนคู่นี้จะขยับขึ้นต่อไป โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1.1830 และ 1.1900 ส่วนนักวิเคราะห์ 70% ที่เหลือมีมุมมองในทางตรงกันข้าม พวกเขาเชื่อว่าราคาน่าจะทดสอบระดับ 1.1665 อีกครั้ง และมีแนวรับใกล้ที่สุดคือ 1.1750 และ 1.1700 มุมมองโดยรวมของอินดิเคเตอร์ถือว่าเป็นกลาง ในส่วนออสซิลเลเตอร์บนกรอบ D1 ปรากฏ 50% ที่ชี้ว่าราคาจะขยับขึ้น 25% ชี้แนวโน้มขาลง และอีก 25% ให้สัญญาณเป็นสีเทากลาง ในส่วนอินดิเคเตอร์เทรนด์มี 80% หันไปทางทิศใต้และ 20% ไปทางทิศเหนือ
เหตุการณ์สำคัญของสัปดาห์ที่จะถึงนี้ประกอบด้วย การประกาศสถิติตลาดผู้บริโภคเยอรมนีในวันที่ 30 สิงหาคม และ 1 กันยายน สถิติที่คล้ายกันจากยูโรโซนจะประกาศในวันที่ 31 สิงหาคม และ 3 กันยายน สำหรับฝั่งสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานของ ADP ในภาคเอกชนและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ ISM ในภาคการผลิตของสหรัฐฯ จะประกาศในวันที่ 1 กันยายน และในวันศุกร์แรกของเดือน คือ 3 กันยายน เราจะได้ทราบดัชนีที่สำคัญที่สุดจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ คือจำนวนตำแหน่งงานใหม่ที่สร้างขึ้นนอกภาคการเกษตร (NFP)
GBP/USD: ยูโรไปทางไหน ปอนด์ก็ไปทางนั้น
- โดยรวมแล้ว อัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD ขยับตามการเคลื่อนที่ของคู่ก่อนหน้านี้ หลังจากราคาแตะระดับต่ำสุดที่ 1.3600 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ตามมาด้วยการรีบาวด์และพาเงินปอนด์ขึ้นไปสู่ระดับ 1.3767 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม ตามที่คาดการณ์ไว้โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (70%)
จากนั้นก็มาถึงการประชุมของเหล่านักธนาคารที่เมืองแจ็คสันโฮล และถ้อยแถลงที่ฟังดูดุดันของผู้บริหารธนาคารเฟดข้างต้นทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และราคาคู่นี้ขยับลดลงมายัง 1.3680 แต่จากนั้นถ้อยแถลงของประธานธนาคารเฟดก็กลับมาทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกครั้ง อย่างที่กล่าวไว้แล้ว ตลาดคาดหวังว่า นายพาวเวลล์ จะประกาศกำหนดเวลาที่ชัดเจนหรือการจำกัดโครงการซื้อขายสินทรัพย์ล่วงหน้า แต่ก็ไม่เกิดขึ้น ถ้อยแถลงนี้ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนคู่นี้ขยับขึ้นไปอย่างรวดเร็วที่ระดับ 1.3780 และปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่ 1.3760
เมื่อให้คำทำนายสำหรับสัปดาห์หน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (75%) คาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นและจะรีบซัดโถมระดับ 1.3600 หากทำสำเร็จ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่แนว 1.3480 โดยมีแนวรับใกล้ที่สุดอยู่ในโซน 1.3680-1.3700
ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่เหลือ 25% เชื่อว่า โอกาสที่เงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้นยังไม่หมดลงเสียทีเดียว แนวต้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.3780 โดยเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดคือคู่ GBP/USD กลับมายังกรอบ 1.3800-1.3875 ซึ่งมีแนวรับที่ใกล้ที่สุด ได้แก่ 1.3910 และ 1.3960
ในส่วนออสซิลเลเตอร์บนกรอบ D1, 40% หันไปทางทิศใต้ 50% หันไปทางด้านข้าง และมีเพียง 10% เท่านั้นที่ชี้ไปทางทิศเหนือ ด้านอินดิเคเตอร์เทรนด์ อัตราส่วนอยู่ที่ 60% ต่อ 40%โดยฝั่งสีแดงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
USD/JPY: สงบแล้วสงบอีก
- ท่ามกลางความไม่สงบในตลาดจากคำแถลงของผู้บริหารธนาคารเฟด เงินเยนมีพฤติกรรมแตกต่างไปจากสกุลเงินอื่น ๆ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เงินเยนรับมือกับพายุทุกลูกได้อย่างสำเร็จ คู่ USD/JPY ขยับตามแนว 110.00 มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีความพยายามไม่กี่ครั้งที่จะออกจากกรอบ 108.30-111.00 ในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ระดับ 109.80 ราคาปิดตลาดเกือบที่ระดับ 109.82 และช่วงการผันผวนก็แคบขึ้นมากจาก 109.40 ที่ระดับต่ำสุด ถึง 110.25 ที่ระดับสูงสุด
พฤติกรรมของคู่นี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญให้คำทนายที่หลากหลาย 40% ของผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยกับแนวโน้มฝั่งกระทิงในครั้งนี้ ส่วน 30% เห็นด้วยกับตลาดหมี อีก 30% มีท่าทีเป็นกลาง ในส่วนอินดิเคเตอร์บนกรอบ D1 นั้นไม่สามารถให้ทิศทางใดทิศทางหลักเช่นกัน
ระดับแนวรับ ได้แก่ 109.40, 109.10, 108.70 และ 108.30 ความฝั่นของฝั่งตลาดหมีคือการกลับไปทดสอบระดับต่ำสุดของเดือนเมษายนที่ 107.45 โดยมีระดับแนวต้านที่ใกล้ที่สุด คือ 110.25, 110.55, 110.80, 111.00 และ 111.65 เป้าหมายสูงสุดของฝั่งตลาดกระทิงยังคงเหมือนเดิม คือ การไต่ขึ้นระดับ 112.00 ให้สำเร็จ
คริปโตเคอเรนซี: อยู่กลางสี่แยก
- เราตั้งคำถามไว้ในบทรีวิวฉบับที่แล้วว่า “ภาวะสงบก่อนพายุใช่หรือไม่?" นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังเน้นย้ำถึงปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่บิทคอยน์ต้องอาศัยเพื่อทะานขึ้นไปเหนือระดับปัจจุบัน แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ปรากฏ ดังนั้น พายุจึงยังไม่เกิดขึ้น แม้ว่าข่าวภูมิหลังจะค่อนข้างเป็นบวกก็ตาม
หนึ่งในบริษัทขับเคลื่อนตลาดดิจิทัล MicroStrategy ได้ซื้อบิทคอยน์เพิ่มจำนวน 3,907 BTC เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เป็นเงินประมาณ $177 ล้านดอลลาร์ ราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ $45,294 ต่อเหรียญ และนี่ชี้ให้เห็นว่าบริษัทไม่คาดหวังจะราคา BTC/USD จะขาดทุนสะสมหนัก และกลับมองว่าราคาน่าจะมีศักยภาพในการเติบโต
โดยรวมแล้ว บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อการวิเคราะห์นี้ได้ลงทุนเป็นเงินมากกว่า $2.9 ในทองคำดิจิทัลสกุลนี้ ขณะนี้มีบิทคอยน์อยู่ 108,992 BTC บนงบดุลของ MicroStrategy คิดเป็นมูลค่ากว่า $5 พันล้านดอลลาร์
Citigroup บริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่ของอเมริกากำลังรอการอนุมัติให้เริ่มซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สบิทคอยน์บนตลาด Chicago Mercantile Exchange (CME) โดย Citigroup จะกลายเป็นอีกหนึ่งธนาคารขนาดใหญ่ถัดจาก Goldman Sachs ที่นำเสนอบริการดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญของ Bloomberg ชี้ว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) จะอนุมัติมากกว่าหนึ่งคำขอในการเปิดกองทุนสัญญาฟิวเจอร์สบิทคอยน์ เป้าหมายก็คือเพื่อรักษาการแข่งขันและไม่ให้ใครได้เปรียบเป็นพิเศษ SEC อาจทำการตัดสินใจดังกล่าวภายในปลายเดือนตุลาคม และการเปิดตัวฟิวเจอร์สบิทคอยน์แรกของยุโรปอาจเริ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกันยายน ซึ่งประกาศแล้วโดยตลาดแลกเปลี่ยนตราสารอนุพันธ์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป Eurex
หลังจากราคาพิชิตเป้าหมายระยะกลางแล้ว คู่ BTC/USD “ติดอยู่” ในกรอบ $47,000-50,000 โซนนี้เปรียบเสมือนทางแยกระหว่างถนนสองเส้น คือ เส้นแนวนอนกับแนวตั้ง และอารมณ์ของตลาดสำหรับสัปดาห์ข้างหน้านี้ล้วนขึ้นอยู่กับว่าราคาจะสามารถตัดทะลุแนวรับที่ระดับ $47,000 ได้หรือไม่
ในส่วนคำทำนายระยะกลางถึงระยะยาวนั้นยังคงเป็นบวกโดยรวม โดยเห็นได้จากผลการสำรวจที่จัดทำโดย Elwood Asset Management ที่สำรวจเฮดจ์ฟันเงินคริปโต จำนวน 55 จาก 175 แห่ง จากสถิติการสำรวจ เฮดจ์ฟันด์จำนวน 65% ทำนายว่าบิทคอยน์จะมีการซื้อขายอยู่ในช่วง $50,000 - $100,000 ภายในปลายปี 2021 ส่วน 21% มองเป้าหมายราคาไว้ที่ระหว่าง $100,000 และ $150,000 และมีเพียง 1% ของเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้ที่เชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะอยู่ต่ำกว่า $50,000
63% ของเฮดจ์ฟันด์ทั้งหมดเชื่อว่า มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตจะอยู่ในช่วง $2-$5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีอีก 11% ที่ทำนายว่ามูลค่ารวมในตลาดโดยประมาณtน่าจะอยู่ที่ $5- $10 ล้านล้านดอลลาร์
ข้อเท็จจริงที่ราคาบิทคอยน์สามารถมีศักยภาพการเติบโตที่น่าประทับใจและคาดว่าจะขยับถึง $100,000 เป็นที่ยอมรับโดยแม้แต่ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์บิทคอยน์ คือ นายปีเตอร์ ชิฟฟ์ ประธานบริษัทโบรกเกอร์ Euro Pacific Capital Inc
“แมลงเต่าทองทองคำ” นี้เป็นที่รู้จักในฐานะชายหนุ่มผู้คว้าทุกโอกาสในการโจมตีเงินคริปโตและส่งเสริมให้คนซื้อทองคำ อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ เขาไม่ได้โต้แย้งว่า BTC เป็นเครื่องสะสมมูลค่าที่ดีเยี่ยม จริง ๆ แล้ว ค่า ROI ของบิทคอยน์อยู่ที่ 8,900,000% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เขายังมองว่าตลาดน่าจะเป็นขาลงและตัดโอกาสที่บิทคอยน์จะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในฐานะสื่อกลางในการชำระเงิน โดยมองว่าข้อดีเดียวคือการเป็นสินทรัพย์ที่คนเก็งกำไร
นายไมค์ แม็คโกลน นักยุทธศาสตร์อาวุโสที่ Bloomberg Intelligence ได้ทำนายไว้แล้วหลายครั้งว่าบิทคอยน์จะทำราคาขึ้นไปถึง $100,000 แต่เขามองว่าเงินคริปโตอันดับสองนั้นจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตครั้งนี้ คนเริ่มเข้าใจว่า Ethereum กำลัง “สร้างบล็อกสำหรับเทคโนโลยีการเงินทั้งหมด ทั้ง DeFi และโครงสร้างพื้นฐานในโลกที่กำลังเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล” นายแม็คโกลนกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเหรียญที่ไม่สามารถทดแทนได้ หรือ non-fungible tokens (NFT) เป็นอีกหนึ่งความสนับสนุนที่ทรงพลังสำหรับราคาอีธีเรียม สินทรัพย์ดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและส่วนมากจะออกในบล็อกเชน ETH
ในขณะเดียวกัน นายแม็คโกลนมองว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ $20,000 ของนายรอล พัล อดีตผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ของ Goldman Sachs นั้นสูงเกินไป แต่นักวิเคราะห์รายนี้มองว่าราคาจะไม่ต่ำกว่า $2,000 เช่นกัน และจะมากกว่า $4,000
นายวิตาลิก บูเทอริน ผู้ก่อตั้งอีธีเรียมมีทัศนคติที่สดใสมากกว่าต่ออนาคตของเหรียญอัลท์คอยน์นี้ เขาคาดว่าหลังจากการฮาร์ดฟอร์กที่ลอนดอน และการเริ่มใช้งาน EIP-1559 ราคาเหรียญ ETH จะสูงกว่าระดับปัจจุบัน 10 เท่า และขยับถึง $30,000 ในกรณีนี้ มูลค่ารวมในตลาดของอัลท์คอยน์สกุลนี้จะขยับถึง $3 ล้านล้านดอลลาร์ และสูงกว่ามูลค่ารวมของบรรดาเหล่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในโลก ในระหว่างนี้ ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ $380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในส่วนมูลค่ารวมของตลาดคริปโตทั้งหมด เราเคยเขียนไว้ในบทรีวิวฉบับที่แล้วว่าขณะนี้มีการต่อสู้กันอยู่ที่ระดับจิตวิทยาคือ 2.0 ล้านล้านเหรียญ โดยเริ่มตั้งแต่ $2.043 ขยับขึ้นเป็น $2.162 ล้านล้านเหรียญเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม และลดลงมายัง $1.973 ล้านล้านเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม แต่ก็กลับขึ้นไปที่ $2.021 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้งเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์
ปริมาณการซื้อขายบนเครือข่าย BTC ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ดัชนี Crypto Fear & Greed Index แข็งตัวโดยรวม โดยขยับขึ้นมาเพียงแค่ 1 จุดในรอบสัปดาห์จาก 70 เป็น 71
และโดยสรุปแล้ว เรื่องราวไลฟ์แฮ็คที่ไม่ค่อยซีเรียสของเราคืออีกหนึ่งเคล็ดลับในการร่ำรวยจากเงินคริปโต เพียงแค่คุณอาศัยอยู่ในเมือง Cool Valley ในรัฐมิสซูรี (สหรัฐฯ) นายกเทศมนตรีของเมืองนี้ตัดสินใจที่จะเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชนจำนวน 1,500 คน และสัญญาด้วยว่าจะโอนเงิน $500-$1,000 ให้ทุกคนเป็นเงิน BTC ในขณะเดียวกัน เขามีเงื่อนไขหนึ่งประการก็คือ ผู้รับเงินนี้จะไม่สามารถขายบิทคอยน์ได้เป็นเวลาห้าปี ซึ่งนายกเทศมนตรีรายนี้มองว่า เงื่อนไขนี้จะช่วยให้พวกเขารอราคา BTC ขยับขึ้นไปถึงครึ่งล้านดอลลาร์
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ