บทวิเคราะห์ฟอเร็กซ์และคริปโตเคอเรนซีสำหรับปี 2022

EUR/USD: ตอนแรกขยับลงแล้วก็ขึ้น

เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19  และกระบวนการอาจยังคงดำเนินต่อไปในปี 2022 เป็นอย่างน้อย ตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP โลกอยู่ที่ 6% ในปีนี้ อัตราการเติบโตยังคงต่อเนื่อง (เว้นแต่จะมี “เซอร์ไพรส์” ใหม่ ๆ) ที่ประมาณ 5% ในปีหน้าจากการคาดการณ์เบื้องต้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นดัชนีเฉลี่ย และเศรษฐกิจแต่ละประเทศมีอัตราการฟื้นตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินแต่ละประเทศอย่างแตกต่างกันไป

คุณอาจพอสังเกตเห็นเพฤติกรรมที่หลากหลายสำหรับคู่ EUR/USD นับตั้งแต่ช่วงการระบาดของไวรัสเริ่มขึ้น ราคาเริ่มต้นขยับที่ 1.0635 ในเดือนมีนาคมปี 2020 และขึ้นมาถึงระดับ 1.2350 ในเดือนมกราคมปี 2021 ดอลลาร์อ่อนค่าลงโดยได้รับผลกระทบจากการอัดฉีดเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างท่วมท้นด้วยการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์มหาศาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นทางการเงิน (QE) ของธนาคารเฟดสหรัฐฯ

นับตั้งแต่ต้นปี 2021 และการมาถึงของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในทำเนียบขาว ตลาดเริ่มมีเสถียรภาพดียิ่งขึ้น และมาตรการ QE ก็เริ่มลดลง ทั้งหมดนี้เนื่องมาจากดัชนีเศรษฐกิจมหภาคโดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อและการฟื้นตัวในตลาดแรงงานที่เริ่มดีขึ้น ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และคู่ EUR/USD ได้ขยับลงมายัง 1.1700 ภายในเดือนมีนาคม

แต่ท่าทีของผู้บริหารธนาคารเฟดยังคงเต็มไปด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย การอัดฉีดเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป และการจำกัดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เราจึงยังไม่สามารถจินตนาการถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ และราคาได้ขยับขึ้นมาเหนือระดับจิตวิทยาที่สำคัญที่ระดับ 1.2000 อักครั้งถึงระดับ 1.2265

การแข่งขันระหว่างธนาคารกลางยุโรปและสหรัฐฯ แน่นอนว่ายังไม่จบแค่นั้น ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงมาตรการผ่อนคลาย คำแถลงของผู้บริหารธนาคารเฟดบางคนเริ่มมีท่าทีคุมเข้มชัดเจนบ้างแล้ว นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารเฟดจะเริ่มจำกัดมาตรการ QE ภายในสิ้นปีนี้และจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปี 2022 เพื่อเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ต้นปี 2023 และดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ทำให้ราคากลับมาอยู่ที่โซน 1.1700  

ในส่วนการประชุมเดือนกันยายน ธนาคารเฟดของสหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศแผนการที่ชัดเจนใด ๆ เกี่ยวกับการจำกัดมาตรการกระตุ้นทางการเงิน แต่ท่าทีการตัดสินใจยังคงเหมือนเดิม ซึ่งธนาคารเฟดจะนำหน้าธนาคารกลางยุโรปไปประมาณหกเดือน

ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงคาดการณ์ว่าดอลลาร์น่าจะแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี 2021 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ในกรณีนี้ ราคาคู่นี้จะขยับไปทางทิศใต้ ตอนแรกไปที่แนวรับคือ 1.1500 และจากนั้นไปที่ 1.1200 บางคนที่เห็นด้วยกับฝั่งตลาดหมีทำนายว่าราคาจะขยับลงมายังระดับต่ำสุดของเดือนมีนาคมปี 2020

สำหรับครึ่งหลังของปี 2022 การคาดการณ์หลายแห่งชี้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ยูโรโซนที่ “เชื่องช้า” จะเริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้น การลดมาตรการ QE ในยุโรป และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของยูโรอาจช่วยให้เทรนด์กลับทิศทางและราคากลับเข้าสู่โซน 1.1700-1.2000

ชัดเจนว่าพฤติกรรมของคู่นี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยบนทั้งสองฟากของมหาสมุทรแอตแลนติก  ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และเรื่องของภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส หนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญก็คือจีน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจทั้งกลุ่มประเทศโลกเก่าและโลกใหม่ ดังนั้น ทุกอย่างที่คาดการณ์นั้นอ้างอิงจากการพิจารณาสถานการณ์ในขณะนี้เป็นหลัก และอาจ (และน่าจะ) ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้อีกมากมายในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

 

คริปโตเคอเรนซี: ทองคำเสมือนจริงและของจริง

แม้ว่าเราจะพอมีความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในการวิเคราะห์คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD ตลาดคริปโตเคอเรนซีดูจะมีความซับซ้อนมากกว่าเป็นอย่างมาก และแม้ว่าเหล่าผู้มีอิทธิพลจะสร้างความเชื่อมั่นอย่างไร ตลาดก็ยังคงดูเป็นศูนย์รวมของการเก็งกำไรในช่วง 1-1.5 ปีที่ผ่านมามากกว่าการเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่น่าเชื่อถือ ปีนี้ยังไม่หมดลง แต่บิทคอยน์ก็ได้พุ่งขึ้นจาก $28,550 ในเดือนมกราคม ถึง $64,800 ในเดือนเมษายน จากนั้นก็ทรุดตัวลงมาที่ $29,300 ในเดือนกรกฎาคม และทะยานขึ้นอีกครั้งแต่ด้วยแนวโน้มที่เบาบางกว่า

อัตราแลกเปลี่ยนของคู่ BTC/USD อาจได้รับอิทธิพลไม่ใช่แค่จากการตัดสินใจของทางการสหรัฐฯ และรัฐบาลจีนเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของนายอีลอน มัสก์ หนึ่งในทวีตข้อความของเขาอาจทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้านหรือล้มละลายได้ในชั่วพริบตา ด้วยเหตุนี้ โบรกเกอร์ NordFX จึงมอบโอกาสให้ลูกค้าในการทำรายได้ไม่ใช่แค่จากขาขึ้นแต่รวมถึงขาลงของราคาคริปโตเคอเรนซี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเหรียญแม้แต่เหรียญเดียว เหตุใดจึงต้องเสี่ยงและซื้อบิทคอยน์และขายออกไป? ในเมื่อคุณสามารถเปิดคำสั่งเทรดขายได้เลยทันที

ไม่มีใครทราบชัดเจนว่าเหรียญคริปโตเคอเรนซีนี้จะมีราคาเท่าไร ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความหลากหลาย บางสถาบัน เช่น Standart Chartered มองเป้าไว้ที่ $100,000 ภายในสิ้นปีนี้ และบางแห่งทำนายว่าราคาจะขึ้นไปที่ $100,000 เช่นเดียวกันแต่เป็นช่วงปลายปี 2022 และบางคน เช่น นายโรเบิร์ต ชิลเลอร์ เจ้าของรางวัลโนเบลมั่นใจว่าฟองสบู่นี้จะแตกลงในเร็ว ๆ นี้ และจะกลบฝังเงินสองล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดนี้ให้จมดินตามลงไปด้วย

 หลายอย่างจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อัตราการจำกัดมาตรการกระตุ้นทางการเงิน (QE) แนวโน้มในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรตรัฐบาล ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการในความเสี่ยงของนักลงทุนรายสถาบันและทำให้พวกเขาหันกลับมาหาสินทรัพย์การเงินที่คุ้นเคยมากขึ้น

ในส่วนของ ethereum การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญจาก Standard Chartered ก็สนับสนุนเหมือนกันกับบิทคอยน์ และให้แนวโน้มที่สดใสเป็นอย่างมาก โดยประกาศเป้าไว้ที่ $26,000-35,000 ต่อเหรียญในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส แต่ยังไม่จำกัดแค่นั้น โดยเฉพาะหากราคาบิทคอยน์ขยับขึ้นไปได้ถึง $175,000 ภายในสิ้นปี 2022

ตามรายงานของธนาคารการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง Goldman Sachs ซึ่งเผยแพร่ในนิตยสาร Forbes คริปโตเคอเรนซีพื้นฐานอย่างบิทคอยน์มีโอกาสที่จะเสียตำแหน่งผู้นำให้กับอีธีเรียม Goldman Sachs เชื่อว่า เหตุผลหลักของความนิยมในเหรียญอัลท์คอยน์หลักนี้ คือ ความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันใหม่ ๆ และยังเป็นเพราะสินทรัพย์การเงินอีกหลายชนิดสามารถทดแทนได้ด้วยแพลตฟอร์มนี้ รวมถึงการใช้งานด้านสินเชื่อและธุรกรรมทางธนาคารอื่น ๆ

สำหรับทองคำจริง ๆ ที่ไม่ใช่ทองคำเสมือนจริงนั้น ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าราคาทองคำยังไม่หมดศักยภาพที่จะขยับขึ้นต่อในปีนี้ 2022 พวกเขามองว่ายังมีโอกาสที่คู่ XAU/USD จะตัดทะลุระดับสถิติของเดือนสิงหาคม 2020 และขึ้นไปที่ $2,200-2,300 ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี พฤติกรรมราคาทองคำนี้จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักลงทุนหรือความลังเลที่จะเสี่ยงอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น

 

กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX

 

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา