ฟอเร็กซ์ และ CFDs: ความเหมือน ความแตกต่าง และโอกาสในการทำเงินออนไลน์

นักเทรดหลายคนมักสงสัยว่าธุรกรรมฟอเร็กซ์แตกต่างจาก CFDs (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) อย่างไร สองสิ่งนี้มีข้อแตกต่างอยู่บ้าง แต่ในความเห็นของเรา สองสิ่งนี้มีความเหมือนกันมากกว่า

สิ่งที่คล้ายกัน

การเทรดออนไลน์ทั้งในสินทรัพย์ฟอเร็กซ์และ CFD แทบจะเหมือนกัน สองสิ่งนี้ซื้อขายกันในแพล็ตฟอร์มการเทรดเดียวกัน (MT4) ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคเหมือน ๆ กัน โดยไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์ที่ซื้อขายจากโบรกเกอร์ไปถึงมือนักเทรดและในทางกลับกัน
กล่าวคือ ในทั้งสองกรณีนี้ ไม่ว่าสินทรัพย์ที่นักเทรดซื้อหรือขายจะเป็นเงินตรา ทองคำ หุ้น หรือน้ำมัน จะไม่มีการปรากฏของสิ่งของนั้น ๆ และด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการส่งมอบจากเจ้าของคนหนึ่งไปอย่างอีกคนหนึ่งจริง ๆ ดังนั้น การเทรดออนไลน์จึงมักเรียกว่าการเทรดแบบไม่มีการส่งมอบ และแม้ว่านักเทรดจะซื้อน้ำมันเป็นมูลค่า 1 ล้านบาร์เรล พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายศุลกากร ค่าขนส่ง ค่ากักเก็บ และการขายน้ำมันในอนาคต ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ มีเพียงข้อแตกต่างเดียวในราคาน้ำมันในตลาดระหว่างช่วงเวลาที่มีการทำธุรกรรมกับโบรกเกอร์และเวลาที่มีการปิดธุรกรรมนั้น ๆ

forex and cfd_big_th

ค่าส่วนต่างนี้เองที่เป็นตัวนำพากำไรหรือการขาดทุนมาให้กับนักเทรด ทุกอย่างที่นี่เรียบง่ายมาก ๆ นักเทรดเข้าทำธุรกรรมซื้อ เมื่อราคาสินทรัพย์ขยับขึ้น นักเทรดก็จะได้กำไร และหากนักเทรดทำธุรกรรมขาย พวกเขาก็จะเสียเงิน เพราะราคาสินทรัพย์นั้นขยับขึ้น และนักเทรดก็ต้องรับผลลลัพธ์ที่ขาดทุน เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อดีสำคัญสำหรับนักเทรดที่เทรดโดยไม่มีการส่งมอบสิ่งของ คือ ความสามารถในการทำกำไรไม่เพียงแต่จากการเติบโตของราคา แต่ยังรวมถึงแนวโน้มขาลงของมูลค่าสินทรัพย์ โดยคุณสามารถขายหุ้นบริษัท X ทั้งหมด หรือขายน้ำมันล้านบาร์เรล โดยไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้จริง ๆ และหากราคาสินทรัพย์เหล่านี้ทรุดลงเป็นศูนย์ คุณก็จะทำกำไรได้มหาศาล
กล่าวคือ ธุรกรรมที่ไม่มีการส่งมอบกับตราสารทางการเงิน (สินทรัพย์) คือ สัญญาอย่างหนึ่ง หรือ คุณอาจเรียกว่าเป็นการเดิมพันอย่างเป็นทางการที่ถูกกฎหมายระหว่างนักเทรดและโบรกเกอร์ โดยที่:
- นักเทรดกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ของมูลค่าสินทรัพย์ (ซื้อหรือขาย)
- และหากทิศทางนั้น ๆ ทำนายไว้อย่างถูกต้อ โบรกเกอร์ก็จะจ่ายนักเทรดค่าส่วนต่างระหว่างราคาสินทรัพย์ ณ เวลาที่เปิดธุรกรรมและ ณ เวลาที่ปิดธุรกรรม
- หากนักเทรดกำหนดทิศทางอย่างผิดพลาด นักเทรดก็จะต้องรับผิดชอบกับส่วนที่ขาดทุนและจ่ายเงินให้กับโบรกเกอร์ตามค่าส่วนต่างของราคา

ในขณะเดียวกัน ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ก็คิดรวมตามข้อตกลงร่วมกัน ตลอดจนมูลค่าของอัตราทดที่ได้รับซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณของธุรกรรม และกำไรหรือการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ข้อแตกต่าง

บทความและสื่อการสอนต่าง ๆ เขียนไว้ว่า ข้อแตกต่างสำคัญอยู่ที่สินทรัพย์ทางการเงินที่ใช้ในการเทรดฟอเร็กซ์ และ CFDs
เป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปว่า ธุรกรรมกับคู่สกุลเงินนั้นเป็นของฟอเร็กซ์ แต่การเทรดหุ้นและดัชนีหุ้นนั้นจัดว่าอยู่ในกลุ่มสัญญา CFD
ธุรกรรมกับน้ำมันก็เรียกว่าเป็นสัญญา CFD เช่นกัน ในส่วนของโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน มักจะพบบ่อยครั้งว่าอยู่ในกลุ่มฟอเร็กซ์ของโบรกเกอร์ต่าง ๆ ในขณะที่คริปโตเคอเรนซีนั้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่าอยู่ใน “บ้าน” กลุ่มไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้หากมีการปรากฏขึ้นของดอลลาร์หรือหยวนดิจิทัล เงินคริปโตน่าจะได้อยู่ในกลุ่มฟอเร็กซ์

สำหรับขนาดของเลเวอเรจหรือมาร์จิน ความแตกต่างในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์การเทรด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลุ่มว่าเป็นฟอเร็กซ์ หรือ CFD เช่น เวลาเทรดคู่สกุลเงิน ค่าเลเวอเรจอาจสูงสุดถึง 1:1000 แต่สำหรับการเทรดดัชนีหุ้นจะไม่เกิน 1:10 และสำหรับหุ้นอยู่ที่ 1:5 ทั้งนี้ ควรคำนึงด้วยว่า เงื่อนไขในการเทรดนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ในตลาด ดังนั้นคุณจะต้องศึกษาคุณสมบัติของสัญญาอย่างระมัดระวัง ตลอดจนข้อมูลปัจจุบันบนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์

นอกจากนี้ ความพยายามในการแบ่งกลุ่มข้างต้นตามเวลาที่มีการซื้อขายก็ไม่สำคัญเช่นกัน เพราะปัจจัยนี้นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ในการเทรดมากกว่า เช่น ในตลาดเงินตราต่างประเทศ การเทรดจะซื้อขายกันตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ แต่คุณสามารถทำธุรกรรมกับโลหะมีค่าหรือน้ำมันตามตารางเวลาเดียวกัน และคุณสามารถเทรดเงินคริปโตได้ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี โดยไม่มีวันหยุดใด ๆ

คุณอาจลองหาข้อแตกต่างในบรรดาปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์แต่ละชนิดโดยเฉพาะได้ ผู้เขียนตำราส่วนหนึ่งเขียนไว้ว่า เช่น ราคาของ CFDs โดยหลักแล้วขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์ที่ซื้อขาย และมูลค่าของสกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า เช่น ดัชนีเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์การเมืองโลกที่ส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตลาดหุ้น และตลาดโภคภัณฑ์ อีกทั้ง การเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสหรัฐฯ จะส่งผลให้ความต้องการในความเสี่ยงของนักลงทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลง และการไหลเวียนของเงินจากพันธบัตรรัฐบาลเข้าตลาดหุ้น หรือจากเงินพันธบัตรไปยังทองคำหรือบิทคอยน์ เป็นต้น

บทสรุป

มีเกม ๆ หนึ่งที่ให้เด็กดูภาพวาดที่แทบจะเหมือนกัน และให้เด็กหาส่วนที่แตกต่างให้เจอ 10 จุด ในกรณีของเรานี้ถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างยากที่จะหาข้อแตกต่างเหล่านี้ ดังนั้น บทสรุปจึงชัดเจน: ฟอเร็กซ์เป็นเพียงแค่หนึ่งในประเภทของ CFDs แต่จริงอยู่ที่ ฟอเร็กซ์มีคุณสมบัติเฉพาะตัวอยู่บ้าง แต่ก็มีอะไรที่เหมือนกันกับสัญญา CFD มากกว่าข้อแตกต่าง ด้วยเหตุนี้เอง โบรกเกอร์ NordFX จึงได้ทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการผสมผสานสินทรัพย์ทางการเทรดทุกประเภท ได้แก่ สกุลเงิน คริปโตเคอเรนซี โลหะมีค่า น้ำมัน หุ้น และดัชนีหุ้น และเมื่อนักเทรดเปิดบัญชีซื้อขายเพียงแค่หนึ่งบัญชี นักเทรดก็สามารถทำธุรกรรมกับสินทรัพย์ทั้งหมดเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันได้ โดยใช้งานกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย รับประกันความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา