เราคิดว่าทุกคนคงเคยดูหนังอเมริกาเกี่ยวกับชนพื้นเมืองคนพอทราบว่า หนังศีรษะ (scalp) คืออะไร และทำไมในอดีตถึงเป็นเหมือนถ้วยรางวัลในศึกสงคราม เราจะไม่ขุดประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันตะวันตกมาอธิบาย แต่เราจะอธิบายว่าคำ ๆ นี้มาจากคำภาษาละติน scalpere ซึ่งเป็นคำกิริยาหมายถึงการ “เฉือนออก”
Scalping ในฟอเร็กซ์และตลาดการเงินอื่น ๆ
การเทรดสั้น (Scalping) ในตลาดฟอเร็กซ์จึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่คุณพยายามที่จะตัดหรือเฉือนชั้นกำไรบาง ๆ ออกมา นักเทรดผู้เทรดสั้น (scalper) จะต้องทำการเทรดหลายสิบหรือร้อยธุรกรรมต่อวันเพื่อให้กำไรเศษเล็กเศษน้อยเหล่านี้รวมกันเป็นผลกำไรก้อนโต การเทรดแต่ละธุรกรรมใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การเปิดและปิดธุรกรรม แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอย่างถูกต้องเพื่อเปิดธุรกรรมในจังหวะที่ใช่และในทิศทางที่ถูกต้อง และจากนั้นก็ปิดให้ทันเวลาเพื่อรับกำไร
คนปกติธรรมดาจะแบกรับความเครียดทางด้านอารมณ์และร่างกายขนาดนั้นได้อย่างไร? เมื่อต้องเจอกับธุรกรรมหลายสิบหรือหลายร้อยทุก ๆ วัน คนทั่วไปมีแนวโน้มสูงที่จะทนไม่ไหวในจุด ๆ หนึ่ง และก็ต้องสูญเสียเงินฝากของตนไปทั้งหมด
เกี่ยวกับ “วันดี ๆ ในอดีต” หรือเกร็ดประวัติศาสตร์การเทรดเล็กน้อย
เมื่อ 100 ปีก่อนหน้าหลายอย่างแตกต่างไปมาก เมื่อคนส่งคำสั่งทางโทรเลขเป็นหลัก คุณตื่นเช้ามา ไปหาหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ ดื่มกาแฟ อ่านข่าวตลาดหุ้น และก็ไปที่สำนักงานไปรษณีย์เพื่อส่งโทรเลขให้กับโบรกเกอร์ของคุณ “อย่างที่เขาว่ากันนะที่รัก ช่วยกรุณาซื้อ….ให้ผมหน่อยนะครับ” นี่คือการเทรดในสมัยนั้น
นอกจากนี้ ขั้นตอนดังกล่าวก็ดูแทบจะเหมือนกันเมื่อช่วง 50 ปีก่อนเช่นกัน ลูกค้าจะโทรไปหาโบรกเกอร์และออกคำสั่งให้เทรดทางโทรศัพท์ โบรกเกอร์จะดำเนินการให้หลังจากได้รับคำสั่งหรืออาจตัดสินใจรอคำสั่งที่คล้ายกันอีกไม่กี่ชุดจากลูกค้ารายอื่น ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้นจากปริมาณคำสั่งที่มากขึ้น เป็นต้น
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ในสมัยก่อนทำงานในห้องสำนักงานการเทรดที่มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา มีคู่แข่ง เสียงตะโกน และกลุ่มคนที่คอยรบกวนในช่วงดำเนินคำสั่งของลูกค้าได้ตลอด แล้วเราจะพูดถึงการเทรดแบบ scalping ในกรณีนี้ได้อย่างไร?
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ โบรกเกอร์หลายรายมีหลักการที่จะปฏิเสธการให้บริการกับลูกค้าที่เทรดแบบสั้นตั้งแต่ช่วง 100 ปี 50 ปี 10 ปี หรือแม้แต่ในปัจจุบัน เพราะการเทรดแบบนี้เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับโบรกเกอร์ และโบรกเกอร์ก็ได้ค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย
แต่ความก้าวหน้าก็ไม่หยุดแค่นั้น เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์นำมาซึ่งการปฏิวัติที่สำคัญในตลาดการเงิน การพัฒนาการเทรดแบบอัตโนมัติ (algotrading) และการใช้งาน robot advisors ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์พิเศษที่ดำเนินการเทรดโดยอัตโนมัติตามอัลกอริทึมที่กำหนด จำนวนธุรกรรมที่นักเทรดหนึ่งท่านสามารถทำได้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นสิบหรือแม้แต่หลายร้อยเท่า ธุรกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นกับหลากหลายสินทรัพย์ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ และสำหรับคริปโตเคอเรนซีก็เป็น 365 วันต่อปี
นอกจากนี้ยังมีการปรากฏขึ้นของทิศทางการเทรดแบบอัลกอริทึมใหม่ คือ การเทรดแบบความถี่สูง หรือ High Frequency Trading (HFT)
ความคิดที่ดีที่สุดกำเนิดจากโรงรถ
นายสตีฟ สวอนสัน ผู้คิดค้น HFT เป็นนักคณิตศาสตร์อายุ 21 ปี และผู้หลงไหลในคอมพิวเตอร์ และเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Charleston College (สหรัฐฯ) ในปี 1989
สตีฟใช้เวลาจำนวนมากหมกตัวอยู่ในโรงรถของคุณครูสอนสถิติของเขาชื่อว่า จิม ฮอค์กส์ ซึ่งไม่มีใครหยุดยั้งไม่ให้เขาพัฒนาอัลกอริทึมขึ้นมาได้ ซึ่งอัลกอริทึมที่ว่านี้ได้กลายเป็นพื้นฐานของการเทรดแบบความถี่สูง
(โดยทั่วไปดูเหมือนว่าความคิดดี ๆ มักจะมาจากโรงรถ อย่าง Apple ของนายสตีฟ จ็อบส์ ก็เป็นไอเดียที่ผุดมาจากโรงรถ ส่วนนายบิลเกตส์ และพอล อัลเลน ก็ก่อตั้งบริษัท Microsoft ในโรงรถเมื่อปี 1975 ผู้ก่อตั้งบริษัทใหญ่ อย่าง Disney, Harley Davidson, Lotus Auto, Hewlett-Packard, Nike, Google และ Amazon ก็มีการพัฒนางานในโรงรถ ด้านนายจอห์น เลนนอน แห่งวง The Beatles ก็เริ่มสายอาชีพด้านดนตรีของเขาในโรงรถเช่นกัน)
กลับมาถึงเรื่องนายสตีฟ สวอนสัน และจิม ฮอค์กส์ พวกเขาได้ติดตั้งจานดาวเทียมบนหลังคาโรงรถ ทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดตราคา และเขาก็ใช้อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์ทำนายราคาหุ้นในช่วงเวลาอีก 30-60 วินาทีข้างหน้าจากฐานข้อมูลราคานี้ และทำธุรกรรมให้สอดคล้องโดยอัตโนมัติ
สตีฟ สวอนสัน หมกมุ่นกับซีรีส์เรื่อง Star Trek มาก ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจให้ตั้งชื่อผลงานของเขาว่า BORG (ย่อมาจาก Brokered Order Routing Gateway) หากคุณเคยดู Star Trek คุณจะเข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงชนเผ่าเอเลียนตัวร้ายที่สามารถกลืนกินเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหมด และล้างสมองให้กลายเป็นความคิดบบหุ่นยนต์เดียวเหมือนกันหมดได้ สิ่งมีชีวิตแรกที่ BORG กลืนกินคือมาร์เก็ตเมคเกอร์จากห้องการเทรดที่ใช้ในการเติมคำสั่งซื้อและขายสินทรัพย์ด้วยมือ BORG กลับทำธุรกรรมได้ในหนึ่งวินาที ผลกำไรโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1% ต่อหุ้น แต่ Swenson's Automated Trading Desk (ADT) ซื้อขายหุ้นหลายหุ้นในหนึ่งวัน
ภายในปี 2006 ธุรกรรมประจำวันของ ADT อยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านหุ้น หรือเกือบ 10% ของปริมาณทั้งหมดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชัดเจนว่าความสำเร็จที่น่าประทับใจนี้ก็ไม่ได้ถูกมองข้ามโดยคู่แข่ง และบริษัทโบรกเกอร์ขนาดใหญ่และธนาคารหลายแห่งก็ใช้กลยุทธ์การเทรดที่คล้ายกันในปัจจุบัน
จรวด HFT vs เครื่องบินเจ็ต NordFX
ทั้งนี้ แม้ว่าการเทรดสั้นโดยใช้ robot advisors ในปัจจุบันจะมีพร้อมให้บริการกับนักเทรดรายย่อยทั่วไปให้สามารถทำธุรกรรมได้จากคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรือใช้อุปกรณ์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต HFT คือสิ่งที่มีราคาแพงและต้องอาศัยอุปกรณ์พิเศษ และเงื่อนไขหลายประการ
คำถามมาถึงตรงนี้ว่า บางทีคุณอาจไม่ต้องใช้การบินขึ้น “จรวดอวกาศ HFT” แต่ “เครื่องบินเจ็ตชั้นธุรกิจ” ที่รวดเร็วและสะดวกสบายก็เพียงพอหรือไม่? มาดูที่สองตัวเลือกกันเลย
คณะกรรมการการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ (CFTC) กำหนดคุณลักษณะหลักของการเทรดแบบความถี่สูงในปี 2011 ดังนี้:
- ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยการแทรกแซงโดยมนุษย์ และใช้การส่งคำสั่ง ยกเลิก และเปลี่ยนคำสั่งอย่างรวดเร็วสูงอย่างยิ่ง โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 มิลลิวินาที
- ความสามารถในการเข้าถึงตลาดหรือช่องทางการโอนถ่ายข้อมูลได้โดยตรงที่นำเสนอโดยตลาดแลกเปลี่ยนและองค์กรอื่น ๆ เพื่อลดการชะลอตัวของเครือข่ายและอื่น ๆ
- สามารถตั้งคำสั่งจำนวนมากที่ดำเนินการได้หรือยกเลิกได้โดยทันที ภายในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที
กล่าวอีกทางหนึ่งก็คือ การเข้าร่วมกิจกรรมการเทรดความถี่สูง คุณจำเป็นต้องมีอย่างน้อย:
- ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก
- อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก
- การเข้าถึงตลาดหลักทรัพย์หรือผู้ให้บริการสภาพคล่องขนาดใหญ่ได้โดยตรง โดยไม่มีสื่อกลาง
- เงินทุนจำนวนมากเพื่อการเปิดธุรกรรมจำนวนมากพร้อมกันในเวลาเดียว
- และแน่นอนซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีได้ทุกอย่าง แต่คุณก็ไม่ควรต้องกังวลไป เพราะที่นี่มีโบรกเกอร์ เช่น NordFX ที่มาช่วยเหลือผู้ที่ต้องการจะเริ่มการเทรดแบบสั้น
- คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพแรงสูง? ทำไมจำเป็นต้องมี? อย่างที่กล่าวไว้แล้ว สิ่งที่คุณมีก็เพียงพอแล้ว - แค่หน้าจอ แล็ปท็อป แทบเล็ต หรือสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เหล่านี้ใช้ได้ทุกอย่าง
- ความเร็ว? แน่นอนว่าคุณจะไม่สามารถดำเนินคำสั่งได้ในเวลา 5 มิลลิวินาที (0.005 วินาที) ในกรณีนี้ได้ แต่ที่นี่ความเร็วก็สูงมาก - โดยต่ำกว่า 0.5 วินาที
- การเข้าถึงตลาดแลกเปลี่ยนโดยตรง? คุณจำเป็นต้องมีเพื่ออะไร? NordFX ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการสภาพคล่องรายใหญ่หลายราย ดังนั้นค่าธรรมเนียมจึงต่ำที่สุดและค่าสเปรดเริ่มต้นตั้งแต่ 0 ปิป
- เงินทุนจำนวนมาก? คุณจะได้รับเงินทุนนี้ที่ NordFX โดยอัตโนมัติโดยทันที และไม่มีหลักประกันหรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นใด ๆ ด้วยอัตราเลเวอเรจที่สูงถึง 1:1000 กล่าวคือ คุณจะสามารถดำเนินธุรกรรมในตลาดฟอเร็กซ์ที่สูงกว่าเงินทุนของคุณเองถึง 1,000 เท่า (!) กล่าวง่าย ๆ ก็คือ แค่เพียงคุณมีเงิน $100 ในบัญชี คุณจะสามารถดำเนินคำสั่งได้เป็นเงิน $100,000 เท่านี้ก็ไม่เพียงพอสำหรับคุณหรือ?
- และสุดท้ายนี้ ซอฟต์แวร์ เมื่อคุณได้ลงทะเบียนกับ NordFX (ซึ่งลงทะเบียนได้ทางออนไลน์ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที) คุณจะได้รับแพล็ตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลก MetaTrader-4 (MT4) ไปเลยฟรี ๆ คุณสามารถเทรดค่าเงินและคริปโตเคอเรนซี หุ้น รวมถึงดัชนีหุ้น น้ำมัน ทองคำ และเงิน ทั้งในโหมดที่เทรดด้วยตนเองและการเทรดแบบอัตโนมัติผ่านการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พิเศษที่เรียกว่า robot advisors (บางครั้งก็เรียกว่า expert advisors)
คุณสามารถรับโปรแกรมนี้ได้ที่ไหน? คุณสามารถซื้อหรือดาวน์โหลดได้ฟรีทางอินเทอร์เน็ต แต่จะดีกว่าถ้าคุณใช้งานบนแพล็ตฟอร์ม MetaTrader-4 เดียวกัน โดยคลิกที่แถบ “Market” คุณจะถูกนำพาไปยังร้านค้า ซึ่งเป็นร้านค้าขนาดใหญ่มหาศาล มีชั้นขายเสมือนจริง โดยคุณสามารถค้นหาหุ่นยนต์ช่วยเทรดมากกว่ 15,000 รายการให้คุณสามารถเช่าหรือซื้อได้ และมีกว่า 5,000 เครื่องมือที่ให้บริการโดยนักพัฒนาแบบฟรี ๆ นอกจากนี้ คุณสามารถอ่านคำอธิบายโดยละเอียดของ expert advisor ที่คุณชอบได้ที่นั่น รับคำแนะนำจากนักพัฒนา และทดสอบการทำงานโดยใช้ตัวทดสอบกลยุทธ์ (strategy tester) ที่ติดตั้งมาพร้อมบนแพล็ตฟอร์ม MetaTrader-4 เดียวกัน