การซื้อขาย CFD สำหรับผู้เริ่มต้น

การซื้อขาย CFD สำหรับผู้เริ่มต้นถือเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเจาะลึกตลาดการเงิน โดยให้ความสามารถในการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของโดยตรง แนวทางเฉพาะนี้ช่วยขจัดความซับซ้อนและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์แบบเดิม ทำให้เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้และยืดหยุ่นสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ความคล่องตัวของการซื้อขาย CFD ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทั้งขาขึ้นและขาลงได้ เปิด โอกาสในการทำกำไรโดยไม่คำนึงถึงสภาพตลาด การผสมผสานระหว่างความเรียบง่าย การเข้าถึงได้ และศักยภาพนี้เองที่ทำให้การซื้อขาย CFD เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้ซื้อขายทุกระดับประสบการณ์



สารบัญ

วิธีเริ่มต้นการซื้อขาย CFD

ตัวอย่างการซื้อขาย CFD: สถานะซื้อบนน้ำมันดิบ

เคล็ดลับการซื้อขาย CFD สำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์

เงื่อนไขสำคัญที่ผู้เริ่มต้นการซื้อขาย CFD ควรเข้าใจ

6 ขั้นตอนในการซื้อขาย CFD

ปัจจัยหลักในการกำหนดผู้ซื้อขาย CFD ที่ประสบความสำเร็จ

ประวัติของผู้ให้บริการ CFD

กลยุทธ์การซื้อขาย CFD

ต้นทุนของการซื้อขาย CFD

ข้อดีของ CFD

3 สิ่งสำคัญในการซื้อขาย CFD

เคล็ดลับการซื้อขาย CFD

เหตุใดจึงควรซื้อขาย CFD กับ NordFX

เริ่มต้นเส้นทางการซื้อขาย CFD ของคุณกับ NordFX

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


ข้อสรุปที่สำคัญ

  1. การเข้าถึง: การซื้อขาย CFD ช่วยให้สามารถเข้าร่วมในตลาดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง
  2. เลเวอเรจ: ช่วยให้สามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า ขยายทั้งผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นและ

  3. ความยืดหยุ่น: ผู้ซื้อขายสามารถทำกำไรจากตลาดทั้งขาขึ้นและขาลงได้โดยการเปิดสถานะซื้อหรือขาย
  4. กลยุทธ์ที่หลากหลาย: กลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายแบบสวิง การซื้อขายแบบรายวัน และการเก็งกำไรระยะสั้น สามารถนำไปใช้ในการซื้อขาย CFD ได้
  5. การพิจารณาต้นทุน: ตระหนักถึงสเปรด ค่าธรรมเนียมการจัดหาเงินทุนข้ามคืน และคอมมิชชันที่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไร


วิธีเริ่มต้นการซื้อขาย CFD

การเริ่มต้นด้วยการซื้อขาย CFD เกี่ยวข้องกับขั้นตอนสำคัญหลายขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่ามีรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเดินทางในการซื้อขายของคุณ

การทำความเข้าใจ CFD

สัญญาส่วนต่าง (CFD) คืออนุพันธ์ทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถ เก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ต่างๆ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ ซึ่งรวมถึงหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล กำไรหรือขาดทุนนั้นถูกกำหนดโดยความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของ สัญญา< /p>

การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงนั้นมีความสำคัญ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น การปฏิบัติตามกฎระเบียบ แพลตฟอร์มการซื้อขายที่เสนอ ตลาดที่พร้อมให้บริการ ค่าธรรมเนียม และการสนับสนุนลูกค้า ตัวอย่างเช่น NordFX เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2008 และเสนอบริการซื้อขาย CFD ที่หลากหลาย


NordFX Reliable Broker


การตั้งค่าบัญชีซื้อขาย

เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการการเปิดบัญชีซื้อขาย บัญชี ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องให้ข้อมูลส่วนตัว ยืนยันตัวตน และฝากเงินเข้าบัญชี โบรกเกอร์บางรายเสนอบัญชีสาธิตซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้เริ่มต้นเพื่อฝึกฝนการซื้อขายโดยไม่มี ความเสี่ยงทางการเงิน

การศึกษาหาความรู้

ก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับตลาด กลยุทธ์การซื้อขาย และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงเสียก่อน โบรกเกอร์จำนวนมากจัดเตรียมทรัพยากรทางการศึกษา รวมถึงบทความ เว็บบินาร์ และบทช่วยสอน เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อขายสร้างฐานความรู้ของพวกเขา


ตัวอย่างการซื้อขาย CFD: สถานะซื้อในน้ำมันดิบ

เพื่อแสดงให้เห็นว่าการซื้อขาย CFD ทำงานอย่างไร ลองพิจารณาตัวอย่างของการเปิดสถานะซื้อใน น้ำมันดิบ

การวิเคราะห์ตลาด

สมมติว่าคุณได้วิเคราะห์ตลาดน้ำมันดิบและคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่ออุปทาน

ดำเนินการซื้อขาย

  1. การเปิดสถานะ: คุณตัดสินใจซื้อ 10 CFD ในน้ำมันดิบที่ราคา 70 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล
  2. เลเวอเรจ: โดยใช้เลเวอเรจ 10:1 คุณจะต้องฝากเงินเพียง 10% ของมูลค่าตำแหน่งทั้งหมดเป็นมาร์จิ้น

การคำนวณ:

  1. มูลค่าตำแหน่งทั้งหมด: 10 บาร์เรล x 70 ดอลลาร์ = 700 ดอลลาร์
  2. มาร์จิ้นที่ต้องการ: 700 ดอลลาร์ x 10% = 70 ดอลลาร์

การปิดตำแหน่ง

หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ราคาของน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเป็น 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  1. การคำนวณกำไร:
  2. ส่วนต่างของราคา: 75 ดอลลาร์ - 70 ดอลลาร์ = 5 ดอลลาร์
  3. กำไรทั้งหมด: 5 ดอลลาร์ x 10 บาร์เรล = 50 ดอลลาร์

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อขายสามารถทำกำไรได้อย่างไรจากราคาที่ถูกต้อง การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดโดยใช้ CFD


เคล็ดลับการเทรด CFD สำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เทรดที่มีประสบการณ์

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นเทรด CFD หรือมีประสบการณ์มาหลายปี การนำนิสัยและกลยุทธ์ที่ถูกต้องมาใช้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการเทรดของคุณได้อย่างมาก นี่คือเคล็ดลับเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เทรดที่มีประสบการณ์:

สำหรับผู้เริ่มต้น

1. เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง

บัญชีทดลอง เป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับผู้เริ่มต้น ช่วยให้คุณฝึกฝนการเทรดในสภาพแวดล้อมจำลองโดยใช้เงินเสมือนจริง วิธีนี้จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการเทรด ทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ และสร้างความมั่นใจโดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินจริง ใช้เวลาให้เพียงพอในบัญชีทดลองก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ การซื้อขายจริง

2. ศึกษาหาความรู้

เทรดเดอร์มือใหม่ควรใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาที่โบรกเกอร์จัดเตรียมให้ เช่น บทช่วยสอน เว็บบินาร์ บทความ และคู่มือ การทำความเข้าใจพลวัตของตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค และเครื่องมือการซื้อขายจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบรู้ ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีความพร้อมมากขึ้นในการจัดการกับความซับซ้อนของ การซื้อขาย CFD

3. ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงเป็นรากฐานสำคัญของการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ ใช้คำสั่ง stop-loss เสมอเพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ตัดสินใจล่วงหน้าว่าคุณเต็มใจที่จะเสี่ยงเงินทุนของคุณเท่าใดในแต่ละ การซื้อขาย และ ยึดตามขีดจำกัดนั้น ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำให้เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของคุณต่อ การซื้อขาย

4. หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป

เลเวอเรจเป็นดาบสองคม ในขณะที่ช่วยให้คุณควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง แต่ก็เพิ่มโอกาสในการขาดทุนอย่างมากเช่นกัน ผู้เริ่มต้นควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและเริ่มต้นด้วยอัตราส่วนที่ต่ำกว่าเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น คุณสามารถค่อยๆ ปรับ การใช้เลเวอเรจของคุณได้

5. เริ่มจากน้อยๆ และสร้างทีละน้อย

อย่ารีบเร่งในการซื้อขายตำแหน่งขนาดใหญ่ เริ่มต้นด้วยการซื้อขายขนาดเล็กเพื่อลดความเสี่ยงและอนุญาตให้ตัวเองเรียนรู้ความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของตลาด ค่อยๆ เพิ่มขนาดตำแหน่งของคุณเมื่อคุณมีความมั่นใจและ ประสบการณ์มากขึ้น

6. ควบคุมอารมณ์

อารมณ์เช่น ความกลัวและความโลภ อาจนำไปสู่การตัดสินใจโดยหุนหันพลันแล่นและการซื้อขายมากเกินไป พัฒนากรอบความคิดที่มีวินัยและยึดมั่นกับแผนการซื้อขายของคุณ แม้ในช่วงที่ตลาด ผันผวน<

สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

1. กระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณ

เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เข้าใจถึงความสำคัญของ การกระจายความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการใส่เงินทุนทั้งหมดของคุณในตลาดเดียวหรือประเภทสินทรัพย์เดียว กระจายการลงทุนของคุณในตลาดต่างๆ เช่น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่ม โอกาสที่เป็นไปได้ให้สูงสุด

2. คอยติดตามแนวโน้มของตลาด

ตลาดการเงินได้รับอิทธิพลจากข่าวสาร ตัวบ่งชี้เศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่เสมอ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะคอยติดตามความคืบหน้าล่าสุดและใช้ข้อมูลนี้เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาด การสมัครรับข่าวสารทางการเงินจากแพลตฟอร์มต่างๆ และใช้ปฏิทินเศรษฐกิจจะช่วยให้คุณก้าวไป ข้างหน้าได้

3. ทบทวนและไตร่ตรองอย่างสม่ำเสมอ

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะประเมินผลงานของตนเองอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์การซื้อขายในอดีตของคุณเพื่อระบุรูปแบบ จุดแข็ง และจุดที่ต้องปรับปรุง จัดทำบันทึกการซื้อขายเพื่อติดตามการตัดสินใจ ผลลัพธ์ และเหตุผลเบื้องหลังการซื้อขายแต่ละครั้ง การปฏิบัตินี้จะช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณได้ตามกาล เวลา

4. ปรับกลยุทธ์ของคุณ

สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และสิ่งที่ได้ผลในอดีตอาจไม่ได้ผลในอนาคต เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมีความยืดหยุ่นและเต็มใจที่จะปรับกลยุทธ์ตามความจำเป็น ผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน เพื่อให้ปรับตัวตาม แนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้

5. ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและตัวบ่งชี้ขั้นสูง

ในฐานะเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือขั้นสูง เช่น การซื้อขายอัลกอริทึม ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง และที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (EA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายของคุณ เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยทำให้การทำงานซ้ำๆ เป็นแบบอัตโนมัติ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ พฤติกรรมของตลาดได้

6. จัดการความเครียดและหลีกเลี่ยงการซื้อขายมากเกินไป

แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ก็อาจติดกับดักของการซื้อขายมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง เรียนรู้ที่จะถอยออกมาและประเมินแผนของคุณอีกครั้ง หากคุณพบว่าตัวเองซื้อขายมากเกินไป จิตใจที่แจ่มใสและปราศจากความเครียดถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

ด้วยการนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ เทรดเดอร์ทุกระดับสามารถพัฒนาทักษะ ลดความเสี่ยง และทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอในการซื้อขาย CFD


คำศัพท์สำคัญที่ผู้เริ่มต้นซื้อขาย CFD ควรเข้าใจ

การทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์สำคัญในการซื้อขาย CFD ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้น ด้านล่างนี้เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่คุณจะพบในโลกของการซื้อขาย CFD:

  1. สัญญาส่วนต่าง (CFD): ผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ที่ให้ผู้ซื้อขายสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง
  2. เลเวอเรจ: กลไกที่ทำให้ผู้ซื้อขายสามารถควบคุมขนาดตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า
  3. มาร์จิ้น: จำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเปิดและรักษาตำแหน่งที่ใช้เลเวอเรจ
  4. สเปรด: ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (buy) และราคาเสนอขาย (sale) ของ CFDโบรกเกอร์มักจะทำเงินด้วยวิธีนี้
  5. Pip: การเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยที่สุดในคู่การซื้อขาย มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของ CFD
  6. คำสั่ง Stop-Loss: คำสั่งที่วางเพื่อจำกัดการขาดทุนเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งของเทรดเดอร์
  7. คำสั่ง Take-Profit: คำสั่งที่วางเพื่อปิดการซื้อขายเมื่อถึงระดับกำไรที่กำหนดไว้
  8. การป้องกันความเสี่ยง: กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ใช้เพื่อชดเชยการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นโดยการทำตำแหน่งตรงกันข้ามในตลาดที่เกี่ยวข้อง

สำหรับคำศัพท์เพิ่มเติม โปรดดูที่ ส่วนนี้


เงื่อนไข CFD


6 ขั้นตอนในการซื้อขาย CFD

การเรียนรู้ขั้นตอนการซื้อขาย CFD ทีละขั้นตอนถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างเส้นทางการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ นี่คือวิธีที่คุณสามารถเริ่มต้นได้:

1. เรียนรู้ว่าการซื้อขาย CFD คืออะไร

การทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของ CFD ถือเป็นขั้นตอนแรก CFD ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรจากราคาของสินทรัพย์ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ

2. สร้างและฝากเงินในบัญชีซื้อขาย CFD

เลือกโบรกเกอร์และเปิดบัญชีซื้อขาย โบรกเกอร์จำนวนมาก เช่น NordFX นำเสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายและบัญชีสาธิตที่ใช้งานง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีของคุณมีเงินเพียงพอแล้วก่อนทำการซื้อขายจริง

3. เลือกตลาดและกรอบเวลาของคุณ

ตัดสินใจเลือกประเภทสินทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อขาย (เช่น ฟอเร็กซ์, คริปโต หรือหุ้น) จากนั้นเลือกกรอบเวลาที่ตรงกับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายรายวัน การซื้อขายแบบสวิง หรือ การเก็งกำไรระยะสั้น

4. ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย


หากคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น ให้เปิดสถานะซื้อ (ซื้อระยะยาว) หากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะลดลง ให้เปิดสถานะขาย (ขายระยะสั้น)

5. ตั้งค่าจุดหยุดขาดทุนและขีดจำกัด

ใช้คำสั่งหยุดขาดทุนและทำกำไรเพื่อจัดการความเสี่ยงและล็อกกำไรที่อาจเกิดขึ้น ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ การซื้อขายอย่างมีวินัย< /p>

6. ติดตามการซื้อขาย CFD ของคุณและปิดสถานะ


เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของตลาดและปรับสถานะของคุณให้เหมาะสม ปิดการซื้อขายของคุณที่ระดับจุดหยุดกำไรหรือจุดหยุดขาดทุนที่คุณเลือก หรือออกจากการซื้อขายด้วยตนเองหากสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง


ปัจจัยหลักในการกำหนดผู้ซื้อขาย CFD ที่ประสบความสำเร็จ


การประสบความสำเร็จในการซื้อขาย CFD ต้องใช้มากกว่าแค่ความรู้เกี่ยวกับตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการฝึกฝนแนวทางที่มีวินัย การควบคุมอารมณ์ และความมุ่งมั่นในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้านล่างนี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ


1. วินัยและการจัดการความเสี่ยง

วินัยเป็นรากฐานของเทรดเดอร์ CFD ที่ประสบความสำเร็จทุกคน วินัยครอบคลุมถึงการยึดมั่นกับแผนการซื้อขายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ยึดมั่นในกลยุทธ์ และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยหุนหันพลันแล่น การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพช่วยให้มั่นใจได้ว่าการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจะลดลงในขณะที่โอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น

ส่วนประกอบสำคัญของวินัยและการบริหารความเสี่ยง ได้แก่:

  1. การกำหนดจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไร: กำหนดจุดออกที่ชัดเจนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณและล็อกกำไรไว้
  2. การใช้เลเวอเรจที่เหมาะสม: การใช้เลเวอเรจสูงสามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุนได้ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้เลเวอเรจอย่างชาญฉลาด โดยเข้าใจความเสี่ยงและ ผลตอบแทน< /li>
  3. การจัดสรรเงินทุน: อย่าเสี่ยงเกินกว่าเปอร์เซ็นต์เล็กน้อย (โดยทั่วไปคือ 1-2%) ของเงินทุนในการซื้อขายของคุณในการซื้อขายครั้งเดียว วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ บัญชี ของคุณสูญเสียเงินจำนวนมาก
  4. หลีกเลี่ยงการเทรดเพื่อแก้แค้น: หลังจากขาดทุนแล้ว มักเกิดความคิดที่จะพยายามกอบกู้เงินที่สูญเสียไปคืนมาในทันที เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนี้และยึดมั่นกับ กลยุทธ์ ของตน

2. ความรู้เกี่ยวกับตลาด

ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดที่กำลังซื้อขายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้สำหรับความสำเร็จ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผสมผสานการวิเคราะห์ทั้งทางพื้นฐานและทางเทคนิคเพื่อ ตัดสินใจอย่างรอบรู้< /p>

  1. การวิเคราะห์พื้นฐาน: ศึกษาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ พัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ และเหตุการณ์ข่าวที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด ตัวอย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อ การตัดสินใจของธนาคารกลาง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาด CFD
  2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค: เรียนรู้การอ่านแผนภูมิ ระบุแนวโน้ม และใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI (Relative Strength Index) และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา
  3. ทำความเข้าใจเครื่องมือ: ตลาด CFD แต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล ต่างก็มีลักษณะเฉพาะตัว การทราบความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ซื้อขายใช้ประโยชน์จาก โอกาสเฉพาะได้

3. การควบคุมอารมณ์

ด้านจิตวิทยาของการซื้อขายมักจะแยกผู้ซื้อขายที่ประสบความสำเร็จออกจากผู้ที่ล้มเหลว การควบคุมอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามแรงกระตุ้นที่เกิดจากความกลัว ความโลภ หรือ ความหงุดหงิด

  1. การจัดการความกลัว: ความกลัวที่จะสูญเสียเงินอาจนำไปสู่ การลังเล พลาดโอกาส หรือปิดการซื้อขายก่อนเวลาอันควร ผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์จะพึ่งพาการใช้กลยุทธ์และจัดการกับความกลัวผ่าน การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
  2. การควบคุมความโลภ: ความโลภอาจนำไปสู่การซื้อขายมากเกินไปหรือถือการซื้อขายไว้เป็นเวลานานเกินไปโดยหวังว่าจะได้กำไรมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเพิ่มขึ้น กำหนดเป้าหมายกำไรที่สมจริงและยึดมั่นกับ เป้าหมายนั้น
  3. การจัดการกับความเครียด: การซื้อขายอาจสร้างความเครียดได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ผู้ซื้อขายที่ประสบความสำเร็จจะจัดการกับความเครียดด้วยการวางแผนที่เหมาะสม ความคาดหวังที่สมจริง และหากจำเป็น ให้ พักเบรก

4. การเรียนรู้ต่อเนื่อง

ตลาดการเงินนั้นมีความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เทรดเดอร์จะต้องมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และปรับตัวตลอดชีวิต

  1. ติดตามเทรนด์ของตลาด: ติดตามข่าวสารทางการเงิน รายงานเศรษฐกิจ และข้อมูลอัปเดตของตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทราบถึงสภาวะปัจจุบันและโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
  2. เรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ: เมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์การซื้อขายก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เปิดใจเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ไม่ว่าจะผ่านหลักสูตรออนไลน์ หนังสือ หรือ โปรแกรมการให้คำปรึกษา
  3. วิเคราะห์การซื้อขายในอดีต: พิจารณาประวัติการซื้อขายของคุณเพื่อระบุรูปแบบ จุดแข็ง และจุดที่ต้องปรับปรุง การจัดทำบันทึกการซื้อขายอย่างละเอียดสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับประสิทธิภาพของคุณได้
  4. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี: ยอมรับเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูง การซื้อขายตามอัลกอริทึม และนวัตกรรมอื่นๆ เพื่อปรับปรุงแนวทางการซื้อขายของคุณ


ประวัติของผู้ให้บริการ CFD

CFD ได้รับการแนะนำในช่วงทศวรรษ 1990 โดยสถาบันทางการเงินในลอนดอน เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับลูกค้าสถาบันในการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอของตน เมื่อเวลาผ่านไป CFD ก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ซื้อขายรายย่อยเนื่องจากความยืดหยุ่นและการเข้าถึงได้

เหตุการณ์สำคัญบางประการในประวัติศาสตร์ CFD:

ปีเหตุการณ์สำคัญ
ทศวรรษ 1990CFD ถูกนำมาใช้ในลอนดอนสำหรับนักลงทุนสถาบัน
ต้นทศวรรษ 2000แพลตฟอร์มการซื้อขายรายย่อยเริ่มเสนอ CFD ให้กับสาธารณชน
ทศวรรษ 2010การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในการซื้อขาย CFD ทั่วโลกเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ปัจจุบัน โบรกเกอร์อย่าง NordFX นำเสนอ CFD ในตลาดที่หลากหลาย ทำให้ผู้ซื้อขายทั่วโลกเข้าถึงได้


อะไรทำให้ผู้ซื้อขาย CFD เป็นผู้ซื้อขาย ประสบความสำเร็จหรือไม่?

เทรดเดอร์ CFD ที่ประสบความสำเร็จมีลักษณะและนิสัยหลายอย่างที่เหมือนกัน:

  1. การคิดเชิงกลยุทธ์: พวกเขามีแผนการเทรดที่ชัดเจนและยึดมั่นกับแผนนั้น
  2. ความสามารถในการปรับตัว: พวกเขาปรับกลยุทธ์ของพวกเขาตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
  3. ความใส่ใจในรายละเอียด: พวกเขาติดตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ข่าวสาร และตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอย่างใกล้ชิด
  4. ความยืดหยุ่น: พวกเขาเรียนรู้จากความสูญเสียและใช้ประโยชน์จากความสูญเสียเหล่านั้นเป็นโอกาสในการเติบโต


กลยุทธ์การเทรด CFD

กลยุทธ์การเทรดที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนมีความจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในการเทรด CFD กลยุทธ์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถนำทางความผันผวนของตลาด จัดการความเสี่ยง และใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ได้ ด้านล่างนี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขาย CFD สามแบบทั่วไป ได้แก่ การซื้อขายแบบสวิง การซื้อขายรายวัน และการเก็งกำไรระยะสั้น โดยแต่ละกลยุทธ์นั้นเหมาะกับรูปแบบและวัตถุประสงค์ในการซื้อขายที่แตกต่างกัน

กลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิง

การซื้อขายแบบสวิง เป็นกลยุทธ์ในระยะกลางที่ออกแบบมาเพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เทรดเดอร์มุ่งหวังที่จะทำกำไรจาก "การแกว่งตัว" ของราคาตลาด โดยเข้าทำการซื้อขายที่จุดเปลี่ยนสำคัญและรักษาตำแหน่งไว้จนกว่าราคาจะถึงระดับเป้าหมาย

ประเด็นสำคัญของการซื้อขายแบบแกว่งตัว:

  1. ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค: เทรดเดอร์แบบแกว่งตัวพึ่งพาเครื่องมือต่างๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ การย้อนกลับของฟีโบนัชชี และเส้นแนวโน้มอย่างมาก เพื่อระบุจุดเข้าและจุดออกที่อาจเกิดขึ้น
  2. การวิเคราะห์อารมณ์ของตลาด: การทำความเข้าใจจิตวิทยาและอารมณ์ของตลาดสามารถช่วยให้เทรดเดอร์แบบแกว่งตัวทำนายการกลับตัวหรือการดำเนินต่อไปของแนวโน้มราคาได้
  3. ความอดทน: กลยุทธ์นี้ต้องใช้ความอดทน เนื่องจากการซื้อขายอาจใช้เวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์จึงจะบรรลุศักยภาพสูงสุด เทรดเดอร์แบบแกว่งตัวมักต้องอดทนต่อการผันผวนของตลาดโดยไม่แสดง อารมณ์ใดๆ

ตัวอย่าง:

เทรดเดอร์แบบแกว่งตัวอาจซื้อ CFD ของหุ้นหลังจากระบุแนวโน้มขาขึ้นและรักษาตำแหน่งไว้จนกว่าราคาจะถึงระดับแนวต้านที่คาดไว้ แนวทางนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลางได้โดยไม่ต้อง เฝ้าติดตามบ่อยครั้ง

กลยุทธ์การซื้อขายแบบรายวัน

การซื้อขายแบบรายวัน มุ่งเน้นไปที่ความเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นภายในวันซื้อขายวันเดียว เดย์เทรดเดอร์ตั้งเป้าที่จะปิดสถานะทั้งหมดก่อนที่ตลาดจะปิด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงข้ามคืน เช่น ข่าวที่ไม่คาดคิดหรือช่องว่างของตลาด

ประเด็นสำคัญของการซื้อขายเดย์เทรด:

  1. การตรวจสอบตลาดแบบเรียลไทม์: เดย์เทรดเดอร์ต้องตรวจสอบตลาดอย่างแข็งขันตลอดเซสชันการซื้อขาย โดยใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์และแผนภูมิเพื่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
  2. ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง: เดย์เทรดเดอร์มักเน้นที่ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ฟอเร็กซ์และดัชนีหลัก เพื่อให้แน่ใจว่ามีการดำเนินการที่รวดเร็วและสเปรดแคบ
  3. เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค: ตัวบ่งชี้เช่นแถบ Bollinger, MACD และรูปแบบแท่งเทียน มักใช้ในการระบุแนวโน้มและการกลับตัวในระยะสั้น
  4. การจัดการความเสี่ยง: เนื่องจากความถี่ในการซื้อขายสูง การจัดการความเสี่ยงจึงมีความสำคัญ การตั้งระดับ stop loss ที่แคบอาจช่วยลดการสูญเสียได้

ตัวอย่าง:

นักเทรดรายวันอาจเปิดสถานะซื้อใน CFD สำหรับดัชนีในช่วงเช้าตามแนวโน้มขาขึ้น แล้วปิดสถานะในภายหลังเมื่อไปถึงจุดทำกำไรที่กำหนดไว้ โดยไม่คำนึงถึงศักยภาพในการทำกำไรเพิ่มเติม

กลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping

Scalping เป็นกลยุทธ์ในระยะสั้นมาก โดยนักเทรดตั้งเป้าที่จะทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ จำนวนมากตลอดทั้งวันโดยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคาเพียงเล็กน้อย

ลักษณะสำคัญของการเทรดแบบ Scalping:

  1. ความแม่นยำสูง: การเทรดแบบ Scalping ต้องการให้นักเทรดดำเนินการอย่างรวดเร็วและดำเนินการซื้อขายด้วยความแม่นยำสูงสุด ความล่าช้าแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบต่อ ผลกำไรได้< /li>
  2. การซื้อขายบ่อยครั้ง: นักเก็งกำไรอาจดำเนินการซื้อขายหลายสิบหรือหลายร้อยครั้งต่อวัน โดยอาศัยกำไรเพียงเล็กน้อยเพื่อสะสมกำไรในระยะยาว
  3. สเปรดแคบ: สเปรดที่ต่ำมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากต้นทุนธุรกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กำไรลดลงได้นักเก็งกำไรมักจะซื้อขายในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงซึ่งสเปรดต่ำ
  4. เครื่องมือขั้นสูง: นักเก็งกำไรใช้เครื่องมือ เช่น การซื้อขายคลิกเดียว ระบบการซื้อขายอัลกอริทึม และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการจะรวดเร็ว

ตัวอย่าง:

นักเก็งกำไรอาจซื้อขาย CFD ในคู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ในช่วงที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ช่วงที่ทับซ้อนกันระหว่างเซสชันตลาดหลัก โดยตั้งเป้าที่จะทำกำไรจากการผันผวนของราคาเล็กน้อยภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาที


การซื้อขายแบบเก็งกำไร


ต้นทุนของการซื้อขาย CFD

การซื้อขาย CFD เกี่ยวข้องกับต้นทุนหลายอย่างที่เทรดเดอร์ควร พิจารณา:

  1. สเปรด: ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย
  2. ค่าธรรมเนียมข้ามคืน: ค่าธรรมเนียมสำหรับการถือตำแหน่งข้ามคืน (เรียกอีกอย่างว่าอัตราสวอป)
  3. คอมมิชชัน: โบรกเกอร์บางรายเรียกเก็บคอมมิชชันต่อการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเภทสินทรัพย์เฉพาะ
ประเภทต้นทุนคำอธิบาย
สเปรดต้นทุนที่รวมอยู่ในราคาซื้อ/ขาย
ค่าธรรมเนียมข้ามคืนค่าธรรมเนียมรายวันสำหรับตำแหน่งที่ถือข้ามคืน
คอมมิชชันค่าธรรมเนียมคงที่ที่เรียกเก็บจากการซื้อขายบางประเภท

การทำความเข้าใจต้นทุนเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจัดการผลกำไรได้ดีขึ้น


ข้อดีของ CFD

การซื้อขาย CFD มีประโยชน์หลายประการที่โดดเด่นซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อขาย:

  1. เลเวอเรจ: CFD ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้กำไรที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า การใช้เลเวอเรจอาจทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
  2. การเข้าถึงตลาดทั่วโลก: ผ่านทาง CFD เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้มากมาย รวมถึงฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล ทั้งหมดจาก แพลตฟอร์มการเทรด เพียงแห่งเดียว
  3. กำไรจากตลาดขาขึ้นและขาลง: CFD ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะซื้อและขายแบบ long ได้ ทำให้สามารถทำกำไรได้ทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง
  4. ไม่มีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์อ้างอิง: การซื้อขาย CFD หมายความว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ เช่น อากรแสตมป์หรือค่าธรรมเนียมการจัดเก็บ
  5. โอกาสในการป้องกันความเสี่ยง: สามารถใช้ CFD เพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ พอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดยให้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่ยืดหยุ่นได้


3 สิ่งสำคัญในการเทรด CFD

การเชี่ยวชาญการเทรด CFD ต้องใช้ทั้งความรู้ การเตรียมการ และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นี่คือสิ่งสำคัญสามประการที่ขาดไม่ได้สำหรับความสำเร็จ:

1. การวิจัยตลาดอย่างครอบคลุม

การวิจัยตลาดอย่างครอบคลุมเป็นรากฐานของการตัดสินใจอย่างรอบรู้ในการเทรด CFD นอกเหนือไปจากการติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ข่าวแล้ว เทรดเดอร์ควรเจาะลึกลงไปเพื่อทำความเข้าใจว่าปัจจัยต่างๆ ส่งผลต่อกันอย่างไร ตัวอย่างเช่น:

  1. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์: ทำความเข้าใจว่าตลาดต่างๆ มีอิทธิพลต่อกันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันดิบมักส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงินที่ผูกกับ ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน< /li>
  2. ฤดูกาลและแนวโน้ม: ตลาดบางแห่งดำเนินตามรูปแบบตามฤดูกาล เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรหรือความต้องการพลังงาน การรับรู้ถึงแนวโน้มเหล่านี้สามารถให้ ข้อได้เปรียบในการซื้อขายได้
  3. ความรู้สึกของตลาด: เครื่องมือต่างๆ เช่น VIX (ดัชนีความผันผวน) และรายงานความรู้สึกสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาด ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถประเมินได้ว่าความกลัวหรือความหวังนั้นมีอยู่เหนือกว่า

2. การจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง

การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่แค่การตั้งคำสั่งตัดขาดทุนและทำกำไรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างแผนที่ครอบคลุมเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณและรับรองความยั่งยืนอีกด้วย องค์ประกอบสำคัญได้แก่:

  1. การกำหนดขนาดตำแหน่ง: กำหนดขนาดของการซื้อขายแต่ละครั้งโดยอิงจากเงินทุนทั้งหมดและการยอมรับความเสี่ยงของคุณ การเสี่ยงด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สม่ำเสมอของบัญชีของคุณ (เช่น 1-2%) ต่อการซื้อขายจะช่วยป้องกันการสูญเสียที่สำคัญได้
  2. การวางแผนสถานการณ์: เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น วิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์หรือการพลิกกลับของตลาดอย่างกะทันหัน โดยกำหนดแผนฉุกเฉินสำหรับการซื้อขายของคุณ
  3. ความยืดหยุ่นทางจิตวิทยา: การจัดการความเสี่ยงไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องอารมณ์ด้วย การเรียนรู้ที่จะยอมรับความสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายและหลีกเลี่ยงแรงกระตุ้นที่จะไล่ตามความสูญเสียนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา วินัย

3. การศึกษาต่อเนื่อง

ตลาดการเงินมี การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีใหม่ การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ และเหตุการณ์ระดับโลก เพื่อให้ก้าวล้ำหน้า เทรดเดอร์ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นอันดับแรก พิจารณาช่องทางการศึกษาเหล่านี้:

  1. หลักสูตรเฉพาะและการรับรอง: ลงทะเบียนในโปรแกรมที่เน้นกลยุทธ์การซื้อขายขั้นสูง การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือตลาดเฉพาะที่คุณสนใจ
  2. การจำลองตลาด: ใช้บัญชีสาธิตเพื่อทดสอบกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในสภาวะจริงโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุนของคุณ
  3. การมีส่วนร่วมของชุมชน: เข้าร่วมฟอรัม กลุ่มการซื้อขาย หรือโปรแกรมการให้คำปรึกษาซึ่งคุณสามารถแลกเปลี่ยนความคิดและเรียนรู้จากผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์มากขึ้น


คุณสามารถซื้อขาย CFD แบบ Long หรือ Short ได้

ข้อได้เปรียบหลักประการหนึ่งของการซื้อขาย CFD คือความสามารถในการทำกำไรจากทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง:

  1. ซื้อขายแบบ Long: หากคุณคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น คุณสามารถ เปิดสถานะซื้อ (ซื้อ) กำไรของคุณจะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของ ราคา นั้น
  2. การขายชอร์ต: หากคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะลดลง คุณสามารถเปิดสถานะขายชอร์ต (ขาย) ได้ กำไรของคุณจะเพิ่มขึ้นตามราคาที่ลดลง

ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องมีข้อจำกัดจากการเป็นเจ้าของสินทรัพย์แบบเดิม

การซื้อขาย CFD มีการใช้เลเวอเรจ

เลเวอเรจในการซื้อขาย CFD หมายความว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงจากตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณได้:

  1. กำไรที่เพิ่มขึ้น: เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
  2. ขาดทุนที่เพิ่มขึ้น: ในทางกลับกัน เลเวอเรจยังสามารถทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอาจมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณก็ได้

การใช้เลเวอเรจอย่างรอบคอบและใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ

CFD มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับตลาดอ้างอิง

CFD สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิง:

  1. การติดตามราคา: มูลค่าของ CFD เคลื่อนไหวไปพร้อมกับตลาดอ้างอิง ราคา ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถเก็งกำไรจาก การเคลื่อนไหวของราคา โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์
  2. ไม่มีวันหมดอายุ: ไม่เหมือนตราสารอนุพันธ์บางประเภท CFD มักไม่มีวันหมดอายุ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการถือตำแหน่ง

ลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายมีส่วนร่วมในตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นที่การเก็งกำไรราคาแทนที่จะจัดการความเป็นเจ้าของสินทรัพย์


เคล็ดลับการเทรด CFD

เพิ่มประสบการณ์การเทรด CFD ของคุณด้วยเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เหล่านี้:

  1. เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง: ฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนจะลงทุนเงินจริง
  2. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: กำหนด วัตถุประสงค์การซื้อขายและพัฒนาแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น รวมถึงกลยุทธ์การเข้าและออก
  3. รับข้อมูลข่าวสาร: ติดตามข่าวสารตลาด ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายของคุณ
  4. หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป: ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการสูญเสียจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงที่มากเกินไป
  5. รักษาความมีวินัยในการซื้อขาย: ยึดมั่นตามแผนการซื้อขายของคุณและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึก ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อขายตามอารมณ์

การจัดการความเสี่ยง CFD

การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมีความสำคัญในการซื้อขาย CFD:

  1. ใช้คำสั่ง Stop-Loss: ตั้งคำสั่ง Stop-Loss เพื่อปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติที่ระดับการสูญเสียที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
  2. กระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณ: หลีกเลี่ยงการกระจุกเงินทุนทั้งหมดของคุณในตลาดหรือสินทรัพย์เดียวเพื่อกระจายความเสี่ยง ความเสี่ยง
  3. ตรวจสอบตำแหน่งเป็นประจำ: คอยจับตาดูตำแหน่งที่เปิดอยู่และปรับกลยุทธ์ของคุณเมื่อสภาพตลาดเปลี่ยนแปลง
  4. ทำความเข้าใจข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้น: ตระหนักถึงมาร์จิ้นที่จำเป็นในการรักษาตำแหน่งและหลีกเลี่ยงการเรียกมาร์จิ้นโดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอ


เหตุใดจึงควรซื้อขาย CFD กับ NordFX

NordFX เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งมอบผลประโยชน์มากมายให้กับผู้ซื้อขาย CFD:

  1. การเลือกสินทรัพย์ที่หลากหลาย: เข้าถึง CFD ที่หลากหลาย รวมถึงฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล ช่วยให้กระจายพอร์ตโฟลิโอได้
  2. เงื่อนไขการซื้อขายที่มีการแข่งขัน: ได้ประโยชน์จากสเปรดแคบ ตัวเลือกเลเวอเรจสูง และการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขาย
  3. แพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้ใช้: ซื้อขายบนแพลตฟอร์มขั้นสูง เช่น MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 มาพร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และฟีเจอร์อันแข็งแกร่ง


เหตุใดจึงควรเทรดกับ NordFX


เริ่มต้นเส้นทางการเทรด CFD ของคุณกับ NordFX

หากคุณพร้อมที่จะสำรวจโลกที่น่าตื่นเต้นของการเทรด CFD NordFX นำเสนอขั้นตอนที่คล่องตัวเพื่อให้คุณได้ เริ่มต้น:

  1. เปิดบัญชี: เข้าไปที่เว็บไซต์ของ NordFX และ สร้างบัญชี โดยระบุข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นและดำเนินการยืนยันตัวตนให้เสร็จสิ้น
  2. ฝากเงินเข้าบัญชีของคุณ: ฝากเงินเข้าบัญชีของคุณโดยใช้ช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัยหลากหลายรูปแบบ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต/เดบิต หรือกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์
  3. เข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขาย: ดาวน์โหลดและติดตั้งแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 หรือ MetaTrader 5 หรือใช้เวอร์ชันบนเว็บเพื่อเริ่มซื้อขาย CFD
  4. สำรวจแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา: ใช้ประโยชน์จากสื่อการเรียนรู้ของ NordFX รวมถึงคู่มือ เว็บบินาร์ และบทช่วยสอน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ในการซื้อขายของคุณ
  5. เริ่มซื้อขาย: เลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการ ใช้กลยุทธ์ของคุณ และเริ่มซื้อขาย CFD ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การซื้อขาย CFD คืออะไร?

การซื้อขาย CFD เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ผู้ซื้อขายสามารถทำกำไรได้จากทั้ง ตลาดขาขึ้นและขาลง

การซื้อขาย CFD มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความผันผวนของตลาด ความเสี่ยงที่อาจเกิดการสูญเสียเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นอันเนื่องมาจากเลเวอเรจ และต้นทุน เช่น สเปรดและค่าธรรมเนียมข้ามคืน การนำกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งมาใช้ถือเป็น สิ่งสำคัญ

ฉันสามารถซื้อขาย CFD ในตลาดใดได้บ้าง?

CFD ครอบคลุมตลาดที่หลากหลาย รวมถึงฟอเร็กซ์ ดัชนี หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล ความหลากหลายนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถสำรวจโอกาสต่างๆ มากมายใน ตลาด การเงินทั่วโลก

เลเวอเรจใช้ในการเทรด CFD อย่างไร

เลเวอเรจช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถควบคุมขนาดตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยเงินทุนจำนวนน้อยกว่า ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนเลเวอเรจ 10:1 หมายความว่าคุณสามารถเทรดตำแหน่งที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ด้วยมาร์จิ้นเพียง 1,000 ดอลลาร์ ในขณะที่สิ่งนี้ขยายผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงของ การขาดทุนจำนวนมากด้วยเช่นกัน< /p>

ต้นทุนในการเทรด CFD คืออะไร

ต้นทุนรวมถึงสเปรด (ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย) ค่าธรรมเนียมการจัดหาเงินทุนข้ามคืน (หากถือตำแหน่งข้ามคืน) และบางครั้งคอมมิชชันในการซื้อขายเฉพาะ การทำความเข้าใจต้นทุนเหล่านี้มีความสำคัญต่อการจัดการ ผลกำไร

การเทรด CFD เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่

ใช่ การเทรด CFD อาจเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ใช้เวลาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับตลาด กลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยงขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยบัญชีสาธิตเพื่อฝึกฝนโดยไม่มี ความเสี่ยงทางการเงิน

ฉันสามารถซื้อขาย CFD บนอุปกรณ์พกพาได้หรือไม่

ได้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ รวมถึง NordFX นำเสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายบนมือถือที่ให้คุณซื้อขาย CFD ได้ทุกที่ โดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์มเหล่านี้มีให้บริการสำหรับ อุปกรณ์ iOS และ Android

ฉันจะจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย CFD ได้อย่างไร

การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย CFD เกี่ยวข้องกับการใช้คำสั่ง stop-loss และ take-profit การกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณ หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป และคอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาด การตรวจสอบการซื้อขายของคุณเป็น ประจำก็ มีความสำคัญเช่นกัน

เหตุใดจึงควรเลือก NordFX สำหรับการซื้อขาย CFD

NordFX นำเสนอเงื่อนไขการซื้อขายที่มีการแข่งขัน การเข้าถึง CFD ที่หลากหลาย แพลตฟอร์มการซื้อขายขั้นสูง และการสนับสนุนลูกค้าที่แข็งแกร่ง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ซื้อขายทุกระดับประสบการณ์

กลับ กลับ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นโยบายคุกกี้ ของเรา